<h2>ผ่านครึ่งทางปี 2560 ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมยังเป็นที่จับตามองอย่างต่อเนื่อง จากกระแสความหวั่นเกรงว่าจะเข้าสู่ภาวะฟองสบู่อสังหาฯ หรือไม่</h2>
โดย <strong>สุรเชษฐ กองชีพ</strong> รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย <strong>บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด </strong>มองว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ภาพรวมยังไม่ถือว่าอุปทานล้นตลาด แต่จะล้นในบางทำเลเท่านั้น

"คอนโดฯยังไม่ล้นตลาด เพียงแค่เกือบๆ ทำให้ราคายังเติบโตได้เฉลี่ย 5-10% ต่อปีเป็นปกติ แต่บางทำเลที่มีภาวะโอเวอร์ซัพพลายจริง คือ คอนโดฯแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงที่เข้าเขตนนทบุรี มีซัพพลายเหลือเกือบ 4,000 ยูนิต และราคาก็ไม่เติบโต ต้องรอดูผลจากการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสถานีบางซื่อ-เตาปูนว่าจะช่วยระบายสต็อกได้แค่ไหน แต่คาดว่าอาจจะต้องระบายสต็อกกันอีก 1 ปี" สุรเชษฐกล่าว

ด้านการเปิดตัวใหม่และอัตราการขาย คอลลิเออร์สประเมินว่าช่วงครึ่งปีแรก 2560 มีการเปิดตัวคอนโดฯในกรุงเทพฯ 2.4 หมื่นยูนิต และส่วนใหญ่ 65% เป็นการเปิดตัวห้องชุดราคา 5 หมื่น - 1 แสนบาท/ตร.ม. โดยมีอัตราขายรวมประมาณ 50-55% ทรงตัวเท่ากับปี 2559

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/4734f5d8446167b50f534fbff36461fd.jpg" alt="" />

สภาพตลาดคอนโดฯที่มีอัตราขาย 50-55% ทรงตัวเช่นนี้ถือว่าเกิดขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 4 แล้ว เทียบกับปี 2556 ซึ่งคอนโดฯขายดี มีอัตราขายมากกว่า 60%

สุรเชษฐกล่าวต่อว่า สำหรับคาดการณ์การเปิดตัวคอนโดฯตลอดปี 2560 คาดว่าจะมีประมาณ 4.5 หมื่นยูนิต เติบโต 15% จากปีก่อน เห็นได้ว่าแม้สภาพตลาดทรงตัวไม่หวือหวาแต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ยังเดินหน้าเปิดตัวมากขึ้น
<h2></h2>
<h2><strong>เก็งกำไรใบจองลำบาก-ลามถึงปล่อยเช่า</strong></h2>
จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้กลุ่มนักลงทุนหน้าใหม่หรือรายย่อยเริ่มประสบปัญหาและมีจำนวนลดลง เนื่องจากกลุ่มนักลงทุนรายย่อยต้องการเก็งกำไรใบจอง แต่ด้วยภาวะตลาดทำให้ขายต่อก่อนช่วงโอนกรรมสิทธิ์ได้ยากขึ้น เมื่อตัดสินใจรับโอนกรรมสิทธิ์ บางส่วนมีปัญหาความสามารถผ่อนชำระไม่เพียงพอทำให้ธนาคารปฏิเสธให้กู้สินเชื่อบ้านจึงไม่สามารถโอนได้

"ดีมานด์เทียมที่สร้างขึ้นกำลังเกิดผลกระทบในปีนี้ เพราะช่วง 10 ปีก่อนคอนโดฯยังมีน้อย นักเก็งกำไรใบจองขายต่อได้แน่นอนแทบจะ 100% แต่ปัจจุบันตัวเลือกมีมาก โอกาสที่จะขายต่อได้ก่อนโอนอาจจะเหลือ 50% เท่านั้น ทำให้โครงการมียอดรีเจ็กต์เรตและทิ้งดาวน์ 5%-40% แล้วแต่แห่ง

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการเองยังไม่กังวลกับห้องชุดที่ต้องนำกลับมารีเซล เพราะมองว่าเป็นข้อดี สามารถปรับราคาขึ้นทำกำไรเพิ่มได้อีก" สุรเชษฐกล่าว

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/7802bee4c0ff5028936fc48df3e48a7a.jpg" alt="" width="680" height="450" /><figcaption> สุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด</figcaption></figure>

นอกจากนี้ ในกลุ่มนักลงทุนที่มีศักยภาพรับโอนห้องชุดและผันตัวมาเป็นการลงทุนปล่อยเช่าก็ประสบปัญหาอีก คือ อัตราค่าเช่าเริ่มลดลง จากซัพพลายห้องชุดให้เช่ามีมากจึงมีการแข่งขันตัดราคา หลายรายเริ่มปล่อยเช่าในราคาขาดทุนหมายถึงปล่อยเช่าราคาต่ำกว่าค่างวดผ่อนชำระต่อเดือน ซึ่งทำให้ต้องหวังทำกำไรกับส่วนต่างราคาที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต (capital gain) เท่านั้น

สุรเชษฐยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การดึงลูกค้าต่างชาติ เช่น ชาวจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ซื้อห้องชุดในไทยเป็นอีกกระแสที่น่าจับตาว่าอาจกลายเป็นดีมานด์เทียมซ้ำสอง เพราะเป็นกลุ่มนักลงทุนเช่นกัน ถ้าหากในช่วงโอนกรรมสิทธิ์นักลงทุนพบว่าแนวโน้มราคาไม่เป็นตามที่คาดก็อาจจะยอมทิ้งดาวน์ได้
<h2>คอนโดบูมรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน</h2>
สำหรับช่วงครึ่งปีหลัง 2560 มีทำเลน่าจับตามองคือ <strong>แนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค</strong> เนื่องจากคอลลิเออร์สประเมินว่าจะมีการเปิดตัวคอนโดฯ 5-6 โครงการ รวมจำนวนกว่า 7,000 ยูนิต จากปัจจุบันมีซัพพลายสะสม 1.9 หมื่นยูนิต เหลือขาย 4,000 ยูนิต

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/bb33830d414881007ed8eab33c067ef9.jpg" alt="" />

อย่างไรก็ตาม สุรเชษฐให้ความเห็นว่า จำนวนยูนิตที่เพิ่มขึ้นมาไม่น่าจะทำให้กลายเป็นทำเลคอนโดฯโอเวอร์ซัพพลายอีกแห่งหนึ่ง เพราะโครงการใหม่ล้วนมาจากผู้ประกอบการรายใหญ่ซึ่งมีฐานลูกค้าในมือซึ่งน่าจะทำให้มียอดพรีเซลสูง
<h2>ต่างจังหวัดพัทยาน่าห่วง</h2>
สุดท้ายคือตลาดคอนโดฯ ต่างจังหวัด <strong>สุรเชษฐ</strong> กล่าวว่าในภาพรวมยังชะลอตัวต่อเนื่องทุกเมืองท่องเที่ยว โดยมีตลาดที่น่ากังวลสูงสุดคือ <strong>พัทยา</strong> ซึ่งถึงแม้จะมีอัตราขายถึง 88% แต่จำนวนยูนิตเหลือขายมีสูง 1 หมื่นยูนิต ในขณะที่ <strong>เชียงใหม่</strong> มีปัจจัยบวกคือนักลงทุนจีนซึ่งเข้ามาเหมาซื้อยกชั้นหลายแห่ง แต่ทั้งนี้ต้องจับตามองระยะยาวว่าจะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องหรือไม่

&nbsp;

ดีมานด์เทียมออกฤทธิ์ตลาดคอนโดฯ นักเก็งกำไรสะดุด ขายต่อไม่ออก-ปล่อยเช่าขาดทุน

<h2>คอลลิเออร์สชี้อสังหาฯ กรุงเทพฯสต๊อกคงตัวเท่าปีก่อน 3-4 หมื่นยูนิต ทำเลสายสีม่วงยังวิกฤติคอนโดฯโอเวอร์ซัพพลาย 8-9 พันยูนิต ดีเวลอปเปอร์เบรกโครงการถือที่ดินเปล่ารอพัฒนา พร็อพทูมอร์โรว์เปิดธุรกิจใหม่ เอเย่นต์อสังหาฯ-Property Tech ลดค่ามัดจำห้องชุดให้เช่า</h2>
บริษัท พร็อพทูมอร์โรว์ จำกัด เปิดตัว 2 ธุรกิจใหม่บริษัท Agent และ Property Tech โดยภายในงานมีการจัดเสวนาตอบรับอสังหา ยุค 4.0 <strong>สุรเชษฐ กองชีพ</strong> รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนา <strong>บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด </strong>เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพฯและปริมณฑล ปัจจุบันมีสต๊อกเหลือขายประมาณ 3 หมื่นยูนิต หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ทรงตัวเท่ากับปีก่อน

ซึ่งถือว่าสถานการณ์ภาพรวมยังไม่โอเวอร์ซัพพลาย เพราะอสังหาฯในกรุงเทพฯสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ปีละ 5 หมื่นยูนิต สต๊อกสร้างเสร็จเหลือขายหากไม่มีการสร้างเพิ่มจะระบายได้หมดภายใน 1 ปี แต่ผู้ประกอบการยังไม่นิ่งนอนใจ ต่างพยายามระบายสต๊อกเต็มที่ผ่านโปรโมชั่นต่างๆ

<span style="color: #ff0000;">อย่างไรก็ตาม บางทำเลมีซัพพลายเหลือขายมากกว่าที่ควร เช่น แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง เตาปูน-บางใหญ่ ยังมีซัพพลายคอนโดมิเนียมเหลือขาย 8-9 พันยูนิต แม้จะไม่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เมื่อสต๊อกยังไม่ลดลงทำให้บริษัทจัดสรรต่างชะลอโครงการและเลือกจะถือครองที่ดินเปล่ารอจังหวะไปก่อน</span>

ยกเว้นบางโครงการที่มีความมั่นใจจึงจะเปิดตัวโครงการ เช่น เดอะ โพลิแทน รีฟ สถานีสะพานพระนั่งเกล้า พัฒนาโดยบมจ.เอเวอร์แลนด์ ซึ่งเฟสแรก 1 พันกว่ายูนิตมียอดขายแล้ว 90% ทำให้เปิดเฟสที่สองต่อเนื่องอีก 2 พันกว่ายูนิต

สุรเชษฐกล่าวเพิ่มเติมว่า แนวรถไฟฟ้าสายอื่นที่อยู่ระหว่างก่อสร้างที่ต้องระมัดระวังในการลงทุนซื้อคอนโดมิเนียม ได้แก่ สีเขียวส่วนต่อขยายแบริ่ง-สมุทรปราการ ช่วงถัดจากสถานีเอราวัณเป็นต้นไป ซึ่งยังมีโครงการแนวราบราคาใกล้เคียงคอนโดฯเป็นทางเลือกให้ผู้ซื้อ ทำให้คอนโดฯมีโอกาสโอเวอร์ซัพพลาย

รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ซึ่งวางเส้นทางตามทางรถไฟคู่ขนานกับถนนวิภาวดี-รังสิต เป็นบริเวณที่มีชุมชนอยู่อาศัยเบาบาง จึงไม่ใช่ทำเลเหมาะสมในการลงทุนคอนโดฯ

ด้าน <strong>สุธาทร สุทธิสนธิ์</strong> ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร <strong>บริษัท พร็อพทูมอร์โรว์ จำกัด</strong> ผู้พัฒนาเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์ <a href="http://www.prop2morrow.com/">www.prop2morrow.com</a> เปิดเผยว่า บริษัทมีการขยายธุรกิจใหม่เพิ่มอีก 2 ธุรกิจ คือ PropVestors เป็นบริการนายหน้าอสังหาฯ ซื้อ ขาย ปล่อยเช่า และร่วมลงทุนกับนักลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพ และอีกหนึ่งธุรกิจคือ Propa Chill ซึ่งจะเป็นบริการในลักษณะ Property Tech

<strong>กรณ์กวินท์ พีระเดชไพศาล</strong> ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร<strong> บริษัท เอวีพี 24 เอ็นเทอร์ไพรซ์ จำกัด</strong> ผู้พัฒนา Propa Chill กล่าวว่า Propa Chill จะใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาของผู้เช่าห้องชุดที่ต้องจ่ายค่ามัดจำระยะเวลา 3 เดือนเพื่อคุ้มครองห้องในกรณีห้องชุดเสียหายหรือบอกเลิกสัญญา ซึ่งเป็นข้อจำกัดทำให้ผู้เช่าไม่สะดวกในการเช่าห้องชุดแห่งใหม่

“เรากำลังติดต่อเป็นพันธมิตรกับสถาบันการเงินเพื่อมาสนับสนุนบริการนี้ ผลจะทำให้ผู้เช่าจ่ายค่ามัดจำน้อยลงและจ่ายง่ายขึ้น ขณะที่เจ้าของห้องจะยังได้รับความคุ้มครองห้องเหมือนเดิม คาดว่าจะสามารถเปิดตัวระบบที่แก้ไขปัญหานี้ได้ภายในสิ้นปี” กรณ์กวินท์กล่าว

ทั้งนี้ พร็อพทูมอร์โรว์ประเมินว่ามูลค่าอสังหาริมทรัพย์สะสมทั่วประเทศปัจจุบันมีประมาณ 8.5 แสนยูนิต ในอีก 2 ปีคาดว่าจะแตะ 1 ล้านยูนิต ซึ่ง 10% ในจำนวนนี้เป็นคอนโดฯสำหรับปล่อยเช่า หรือคิดเป็น 1 แสนยูนิต ทำให้มองว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจในการทำธุรกิจ

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events