<h2>หาก Sway ทำสำเร็จ บรรจุภัณฑ์พวกถุงโพลี ถุงช็อปปิ้ง และห่อพลาสติกทั้งหลายจะย่อยสลายได้เอง แถมยังปล่อยคาร์บอนเป็นลบอีกต่างหาก</h2>
<img class="aligncenter wp-image-53476 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/Sway-e1636014648947.png" alt="Sway" width="720" height="396" />

บริษัท <a href="https://swaythefuture.com/">Sway</a> เป็นสตาร์ทอัพที่ผลิตบรรจุภัณฑ์ต่างๆ จากสาหร่ายแทนพลาสติก ย่อยสลายได้ง่ายๆ ที่บ้านคุณ และถุงเหล่านี้ก็มีสีสันให้เลือกมากมายยิ่งกว่าสายรุ้งซะอีก 

ล่าสุด บริษัทผู้ชนะการประกวด <a href="https://www.forbes.com/sites/jeffkart/2021/03/02/nine-ways-to-ditch-the-single-use-plastic-bag/">Beyond the Bag Challenge</a> เมื่อเดือนมีนาคม อย่าง Sway นี้ พึ่งได้ทุนก้อนแรกมาจากบริษัทแม่ของ Starbucks อย่าง <a href="https://www.valorep.com/valor-siren-ventures-vsv">Valor Siren Ventures</a> เป็นจำนวน 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

Julia Marsh ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CEO ได้กล่าวว่าไว้ ณ เมือง Berkeley รัฐ California ว่า ด้วยเงินหนุนก้อนนี้ ความเป็นไปได้ที่ทางบริษัทจะปล่อยถุงต้นแบบภายในปีหน้าก็ดูเหมือนจะเป็นจริงมากขึ้น รายชื่อผู้ร่วมลงทุน ประกอบไปด้วย Alante Capital, Sustainable Ocean Alliance และ Conservation International Ventures

<img class="aligncenter wp-image-53479 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/Sway-Products-e1636014828724.png" alt="" width="720" height="405" />

Marsh ยังได้กล่าวว่า การนำสาหร่ายมาใช้แทนพลาสติก เป็นประโยชน์ต่อทั้งระบบนิเวศน์และสังคม ในยามที่ภูมิอากาศแย่ลงแบบนี้อีกด้วย

<a href="https://plasticoceans.org/the-facts/">Plastic Oceans</a> ออกมาเผยว่า ทุกๆ ปี เราใช้ถุงพลาสติกกันไปกว่า 2 ล้านล้านถุง โดยในทุกปีถุงโพลี ราว 180 ล้านล้านถุงนั้น ถูกผลิตและส่งไปยังร้านค้า ขนส่ง หรือนำไปใช้ห่อเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับต่างๆ ทาง <a href="https://fashionunited.uk/news/fashion/fashion-for-good-launches-pilot-to-make-plastic-bags-more-circular/2019121246625">Fashion For Good</a> ยังได้บอกอีกว่า ไม่ถึงร้อยละ 15 ของถุงโพลีถูกนำมารีไซเคิล

“เมื่อมันหมดสภาพ วัสดุ (ของ Sway) ก็จะย่อยสลายไปเองภายใน 4 ถึง 6 อาทิตย์” Marsh กล่าวเสริม

นอกเหนือจากนั้น ถุงนี้มีอายุการใช้งาน 12 เดือนเท่านั้น และสาหร่ายที่ Sway นำมาใช้สามารถกักเก็บคาร์บอนได้มากกว่าต้นไม้<a href="https://sitn.hms.harvard.edu/flash/2019/how-kelp-naturally-combats-global-climate-change/">ถึง 20 เท่า</a>ต่อเอเคอร์ แถมยังไม่ต้องใช้น้ำจืด ที่ดิน ย่าฆ่าแมลง และทรัพยากรอื่นๆ อีกด้วย

Marsh ยังได้เสริมอีกด้วยว่า วัสดุของทางบริษัทนั้นสามารถเข้ากับระบบห่วงโซ่อุปทานปัจจุบัน โดยไม่ต้องการโครงสร้างพื้นฐานอะไรเพิ่มเลย
<h2>ก้าวออกนอกถุง</h2>
ตัวถุงต้นแบบจะเริ่มใช้ในสเกลเล็กๆ ก่อน โดยกระจายถุงนี้ผ่าน Beyond the Bag และจะกระจายเพิ่มขึ้นผ่านพาร์ทเนอร์ที่จับมือไว้รายแรกๆ อย่าง CVS Health, Target และ Walmart 

<img class="size-full wp-image-53480 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/Sway-Polybag-e1636015008527.png" alt="" width="719" height="480" />

ตอนนี้ ทางบริษัทก็อยู่ในช่วงเจรจากับแบรนด์ต่างๆ ในหลากหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางค์ อุปกรณ์เล่นเซิร์ฟ เสื้อผ้า outdoor ผลิตภัณฑ์ลักชัวรี่ระดับพรีเมี่ยม รวมไปถึงแบรนด์รองเท้า

“เราอยากจะแน่ใจว่ามันเนื้อสัมผัสดี คนชอบ และคนที่ใช้ก็นำมันไปย่อยสายจริงๆ” Marsh กล่าวถึงถุง

และ Marsh ได้กล่าวเสริมว่า อีกอย่างที่สำคัญคือ ผู้คนเห็นคุณค่าและเห็นด้วยกับการนำสาหร่ายมาใช้ โดยนั่นก็คือถุงใบนี้คือถุงย่อยสลายได้ที่จะมาแทนถุงที่ผลิตจากปิโตรเลียมนั่นเอง

ในช่วงกลางปี 2022 จะเริ่มมีการปล่อยถุงต้นแบบ ซึ่งมีทั้งถุงช็อปปิ้งและถุงโพลีจำนวน 1,000 ถึง 300,000 ใบ และตอนนี้ทางบริษัทกำลังร่วมมือกับ <a href="https://compostmanufacturingalliance.com/">Compost Manufacturing Alliance</a> เพื่อให้มั่นใจว่าว่าสาหร่ายที่นำมาใช้ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม
<h2>การเก็บเกี่ยวสาหร่าย</h2>
การใช้สาหร่ายแทนพลาสติกแทนนี้ เป็นไอเดียที่ล้ำมาก แต่การเก็บเกี่ยวสาหร่ายจากทะเล แย่งสัตว์น้ำทั้งหลายมา มันไม่ล้ำเอาซะเลย

Marsh บอกว่าพวกเขาจะไม่ทำแบบนั้น

<img class="size-full wp-image-53477 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/Sway_Product-Film-e1636014658782.png" alt="" width="720" height="405" />

“เราจับมือกับฟาร์มเพาะโดยตรง เราไม่ไปเก็บเกี่ยวแบบไม่ได้มาตรฐาน หรือรุกร้ำพื้นที่ธรรมชาติ”

ฟาร์มเหล่านี้เพาะเลี้ยงสาหร่ายตามจุดต่างๆ ในมหาสมุทรอันกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นที่ Chile, Mexico, Colombia, Brazil รวมไปถึงบริเวณ East Coast และ Alaska ในสหรัฐอเมริกาด้วย และการเก็บเกี่ยวสาหร่ายก็เหมือนเป็นแค่การเล็มปลายผมให้พวกมัน ไม่ได้ดึงออกไปทั้งราก Marsh เสริม

ปัจจุบันทางบริษัทรับสาหร่ายจากฟาร์มเพาะสาหร่ายที่มีความรับผิดชอบ และทำตามมาตรฐานของ <a href="https://www.asc-aqua.org/what-we-do/our-standards/seaweed-standard/">Aquaculture Stewardship Council</a>-Marine Stewardship Council เท่านั้น

“เรายังคงขยายฐานซัพพลายเออร์อยู่เรื่อยๆ เพราะเราไม่อยากพึ่งพาฟาร์มใดฟาร์มหนึ่ง พื้นที่เดิม หรือพันธุ์ (สาหร่าย) บางพันธุ์มากเกินไป” เธอกล่าว “... เราแค่อยากจะเห็นฟาร์มเพาะปลูกสาหร่ายเฟื่องฟู และช่วยฟื้นฟูมหาสมุทร ส่วนเราก็จะจัดการปัญหาพลาสติกเท่านั้นเอง”

สาหร่ายช่วยลดค่าความเป็นกรดในทะเลได้ สาหร่ายพันธุ์ต่างๆ ยังสามารถใช้ในการทำความสะอาดทะเลที่ได้รับผลกระทบจากมลภาวะ และยังช่วยทำให้มีความหลากหลายทางชีวภาพเพิ่มขึ้นอีกด้วย

“ความงดงามอีกอย่างของฟาร์มเพาะเลี้ยงสาหร่ายคือ มันสร้างอาชีพให้กับบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากการทำประมงมากเกินไป แถมใช้แรงงานน้อยกว่า ต้นทุนกับทรัพยากรก็ไม่เยอะเท่าด้วย คุณก็แค่ปลูกสาหร่าย แค่นั้น แล้วก็ปล่อยมันโตไป”

Marsh กล่าวว่า เป้าหมายสูงสุดคือ การสร้างวัสดุที่ปล่อยคาร์บอนเป็นลบ และอีกเป้าหมายคือให้ถุงของ Sway อยู่ในมือผู้บริโภคจำนวนมากก่อนจะถึง <a href="https://www.forbes.com/sites/joanverdon/2021/07/25/sustainable-selling-how-plasticand-package-free-is-reshaping-retail/">Plastic Free July</a> ในปี 2022

แปลและเรียบเรียงโดย ทัตชญา บุษยากิตติกร จากบทความ Seaweed-Based Sway Is A Way For Single-Use Plastic To Disappear เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/america/ceo-zoox-%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%81%e0%b8%97%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%84%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%84%e0%b8%99.html">CEO Zoox ยกเครื่องแท็กซี่ไร้คนขับ ก่อนเปิดตัวที่ Las Vegas</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

รู้จักกับ Sway และถุงจากสาหร่ายที่จะทำให้พลาสติกใช้ครั้งเดียวหายไป

<h2 class="p1">ส่วนหนึ่งของแรงขับเคลื่อนครั้งใหญ่ในการลดการปล่อยคาร์บอนของบริษัท คือการที่ Amazon กำลังใช้เงินหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ สั่งซื้อ รถตู้ไฟฟ้า สำหรับใช้ส่งของจาก Rivian สตาร์ทอัพยานยนต์ไฟฟ้าที่น้อยคนนักจะรู้จักชื่อเขาในช่วงก่อน 1 ปีที่ผ่านมา</h2>
Jeff Bezos มหาเศรษฐีผู้ดำรงตำแหน่งผู้ก่อตั้งและซีอีโอของยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกอย่าง Amazon กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ National Press Club ใน Washington D.C. ว่าบริษัทจะซื้อ รถตู้ไฟฟ้า จำนวน 100,000 คันจากบริษัท Rivian ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Amazon’s Climate Pledge ที่ตั้งเป้าใช้พลังงานทดแทน 100% ภายในปี 2030
โดย Amazon จะสามารถใช้งาน รถตู้ไฟฟ้า 10,000 คันแรกได้ภายในปี 2022 จากนั้นจะทยอยเพิ่มสัดส่วนการใช้งานจนครบจำนวนที่ซื้อภายในปี 2030
“เรามีรถตู้ส่งของจำนวนมาก และปัจจุบันทั้งหมดต่างใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล” Bezos กล่าว “เมื่อคุณลงนามในปฏิญญาอย่าง Climate Pledge มันจะผลักดันเศรษฐกิจให้เกิดการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ที่บริษัทขนาดใหญ่จำเป็นต้องใช้เพื่อปฏิบัติตามปฏิญญานั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงลงทุนใน Rivian ซึ่งเราลงทุนไปแล้ว 440 ล้านเหรียญ”


<figure><img class="wp-image-21272 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/rivian02.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> รถตู้ไฟฟ้า ที่สตาร์ทอัพ Rivian ผลิตให้ Amazon (Photo Credit: electrek.co)</figcaption></figure>
ทั้งนี้ นี่ถือเป็นคำสั่งซื้อยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำเงินให้ Rivian ได้อย่างน้อย 4 พันล้านเหรียญเลยทีเดียว โดย Amazon ประมาณการว่า ยานยนต์ไฟฟ้าดังกล่าวจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ปีละ 4 ล้านเมตริกตันภายในปี 2030
ช่วงเวลาการประกาศแนวทางเพื่อสิ่งแวดล้อมของ Bezos นั้นเกิดขึ้นพร้อมกับความพยายามของรัฐบาล Trump ที่ต้องการลดความเข้มงวดในกฎระเบียบเชื้อเพลิงที่กำหนดขึ้นในสมัยของอดีตประธานาธิบดี Barack Obama และถอนสิทธิการกำหนดกฎหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนของรัฐ California ซึ่งเหล่านี้คือความพยายามผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ผลิตรถยนต์และรถบรรทุกไฟฟ้าและไฮบริด
ข่าวดังกล่าวยังมาพร้อมกับข่าวการลงทุน 350 ล้านเหรียญใน Rivian ของ Cox Automotive เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเสริมให้ยอดเงินระดมทุนในบริษัทสตาร์ทอัพเล็กๆ รายนี้เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 2 พันล้านเหรียญ ซึ่งบริษัทเตรียมนำเงินระดมทุนไปใช้สร้างรถปิคอัพและรถ SUV ไฟฟ้า โดยมีโรงงานประกอบตั้งอยู่ในเมือง Normal รัฐ Illinois ซึ่งก่อนหน้านี้ Mitsubishi Motors เคยใช้งานที่นี่
ไม่เพียงเท่านั้น แต่นักลงทุนผู้อยู่เบื้องหลังสตาร์ทอัพรายนี้ที่นำโดยผู้ก่อตั้งและซีอีโอวัย 36 ปีอย่าง RJ Scaringe ยังรวมถึง Ford ด้วย ซึ่งลงทุนในสตาร์ทอัพรถบรรทุกรายนี้ไป 500 ล้านเหรียญเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และ Amazon ที่ลงทุนในการระดมทุนรอบ 700 ล้านเหรียญของสตาร์ทอัพรายนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา


<figure><img class="size-full wp-image-21274" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/rivian03.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> RJ Scaringe ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ (Photo Credit: Forbes)</figcaption></figure>
ขณะที่ Rivian กล่าวกับ Forbes ว่า ขณะนี้พวกเขายังไม่แผนผลิตรถขนส่งให้บริษัทอื่นนอกจาก Amazon ซึ่งคาดว่าจะส่งมอบรถล็อตแรกให้ Amazon ได้ในปี 2021 และการผลิตกองทัพยานยนต์ไฟฟ้าให้กับ Amazon จะไม่กระทบกับกำหนดการส่งมอบรถปิคอัพไฟฟ้ารุ่น R1T และรถ SUV ไฟฟ้ารุ่น R1S ในปลายปี 2020 แน่นอน
ทั้งนี้ Scaringe หรือผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Rivian ผู้มีความคล้ายคลึงกับตัวละคร Clark Kent ในซูเปอร์แมน เขามีดีกรีปริญญาเอกด้านวิศวกรรมเครื่องกลจาก MIT โดยเขาได้ใช้เวลากว่าทศวรรษในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า จนสามารถพิสูจน์ได้ว่าตอนนี้เขาคือคู่แข่งคนสำคัญของ Elon Musk ผู้มีแผนผลิตบรรทุกไฟฟ้าขนาดตั้งแต่รถปิคอัพไปจนถึงรถบรรทุก 18 ล้อ

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/motoring/tesla-%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a8%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%a1%e0%b8%aa%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%9a-model-3-%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%88.html">Tesla เริ่มส่งมอบ Model 3 ในจีนก่อนกำหนด หวังเร่งชิงตลาดรถยนต์ไฟฟ้า</a></li>
</ul>
โดย Scaringe ได้เพิ่มความตื่นเต้นให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างตั้งแต่การนำ Rivian ออกจากโหมดซ่อนตัวเมื่อปีก่อน พร้อมกับแผนพัฒนารถบรรทุกที่การชาร์จแต่ละครั้งสามารถวิ่งในระยะทางไกลๆ ได้ โดยมาพร้อมแพลตฟอร์มประสิทธิภาพสูงที่เรียกว่า “Skateboard” ซึ่งเป็นการรวมแพคของแบตเตอรี่, ระบบขับเคลื่อน และระบบช่วงล่าง
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น R1T และ R1S สามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 ไมล์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งทำได้ดีกว่ารถ EV รุ่นใดก็ตามของ Tesla โดยยานยนต์ไฟฟ้าของ Rivian มีราคาอยู่ที่ 68,000 และ 72,500 เหรียญตามลำดับ อย่างไรก็ตาม สำหรับราคารถตู้ส่งของของ Amazon นั้นบริษัทยังไม่มีการเปิดเผยราคาแต่อย่างใด แต่คาดว่าน่าจะมีราคาต่อคันน้อยกว่า 40,000 เหรียญ
ความเคลื่อนไหวของ Amazon ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนของ Bezos ที่ต้องการบรรลุข้อตกลง Paris ก่อนกำหนด 1 ทศวรรษ โดยรัฐบาล Trump ได้ถอนตัวจากข้อตกลงลดโลกร้อน Paris ในปี 2017 แต่รัฐต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาอีก 10 รัฐ, เมืองอีก 287 เมือง, วิทยาลัยและมหาวิทยาลัย 351 แห่ง และบริษัทเอกชนหลายพันบริษัท ต่างระบุว่าพวกเขายังจะทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น
สำหรับปฏิญญา Climate Pledge ที่บริษัท Amazon ลงนามนั้น ได้เรียกร้องให้ผู้เข้าร่วมปล่อยคาร์บอนเป็น 0 ภายในปี 2040 ซึ่งเร็วกว่าที่ข้อตกลง Paris ตั้งเป้าไว้ 10 ปี
“หากบริษัทที่มีโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพสูงอย่าง Amazon ที่ต้องส่งของมากกว่า 1 หมื่นล้านชิ้น/ปี สามารถบรรลุเป้าหมายได้เร็วกว่าข้อตกลง Paris 10 ปี บริษัทไหนก็สามารถทำได้เหมือนกัน” Bezos กล่าว
&nbsp;

แปลและเรียบเรียงจาก <a href="https://www.forbes.com/sites/alanohnsman/2019/09/19/amazons-multibillion-dollar-bet-on-electric-delivery-vans-is-game-changer-for-startup-rivian/#7b7438a7d013">Amazon’s Multibillion-Dollar Bet On Electric Delivery Vans Is Game-Changer For Startup Rivian</a>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events