<h2>แม้ว่าการลงทะเบียนโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งจะยากแค่ไหน (ล่าสุด ททท. เปลี่ยนให้ไปลงทะเบียนในแอปฯ ทางรัฐ แทน) แต่ยังการเป็นมาตรการหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ช่วยให้คนใช้จ่ายมากขึ้น จึงเป็นเหมือนความหวังท่ามกลางตลาดการท่องเที่ยวที่ซบเซาลง</h2><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ศูนย์วิจัยกสิกรไทย </strong>เปิดเผยว่า ครึ่งแรกปี 2568 การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทยโตชะลอลง คาดว่าจะมีจำนวน 101 ล้านคน-ครั้ง หรือโตประมาณ 2.3% (YoY) ขณะที่รายได้ท่องเที่ยวจากคนไทยเที่ยวในประเทศมีมูลค่า 574,426 ล้านบาท เติบโต 3.5% (YoY)<br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>&nbsp;สาเหตุเพราะตลาดเผชิญปัจจัยลบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว คนไทยเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ และกำลังซื้อของผู้บริโภคบางกลุ่มยังอ่อนแอ</strong> โดยบางจังหวัดคนไทยเดินทางท่องเที่ยวลดลง อาทิกรุงเทพฯ กระบี่ อยุธยา และจันทบุรี</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>&nbsp;ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศน่าจะยังเติบโตได้ แต่ชะลอลงมาอยู่ที่ 1.4% (YoY) </strong>ตลาดมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการเดินทางท่องเที่ยวที่มีอยู่ และโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง โดยรัฐบาลช่วยจ่ายค่าโรงแรมและที่พัก รวมถึงคูปองดิจิทัลเพื่อใช้จ่ายในร้านค้าที่กำหนด อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมของตลาดยังมีปัจจัยลบมากขึ้น อาทิ เศรษฐกิจไทยมีทิศทางชะลอตัวและปัจจัยการเมืองในประเทศ ฉุดความเชื่อมั่นและรายได้ของผู้บริโภค<br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ คนไทยนิยมเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศที่สะดวกขึ้นจากมาตรการวีซ่าฟรี รวมถึง<strong>การทำตลาดของบริษัทนำเที่ยวที่ทำให้การท่องเที่ยวไปยังบางประเทศคุ้มค่าเมื่อเทียบกับการเที่ยวในประเทศ</strong> อาทิ แพคเกจท่องเที่ยวหรือโปรไฟไหม้ไปเกาหลีใต้ 4 วัน 2 คืน ราคาต่ำสุดเฉลี่ย 6,000 บาท หรือไปเวียดนามราคาต่ำสุดเฉลี่ย 7,000 บาท</p><p><br></p><div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false">  <figure style="margin: auto;">    <img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/07/hsNGPvtaZhZEUMk4vgMW.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="hsNGPvtaZhZEUMk4vgMW.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="717,381" style="" data-index="0">  </figure></div><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ปี 2568 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าคนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศจะมีจำนวน 205 ล้านคนครั้ง หรือเติบโต 2.2% จากปีก่อน</strong> แต่เป็นการเติบโตที่ไม่เท่ากันในแต่ละพื้นที่ โดยจังหวัดท่องเที่ยวรอง (เมืองน่าเที่ยว) ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไทยมากขึ้น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เทรนด์คนไทยเที่ยวเมืองรองหรือเมืองน่าเที่ยวมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งมาจากหลายปัจจัย อาทิ ความต้องการหลีกเลี่ยงความแออัดของสถานที่ท่องเที่ยว การมองหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ การรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวจากสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงศาสนา</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดสัดส่วนคนไทยเที่ยวเมืองรองในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 41.4% จากในช่วง 5 เดือนแรกปี 2568 คนไทยเที่ยวเมืองรองมีสัดส่วนอยู่ที่ 41.3% และโตเร่งขึ้นกว่า 32.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 (ก่อนโควิด-19)</strong> โดยพบว่า ในหลายจังหวัดเมืองรองมีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยสูงกว่า 2 ล้านคน อาทิ สุพรรณบุรี เชียงราย สมุทรสงคราม อุบลราชธานี ซึ่งสูงกว่าหลายจังหวัดท่องเที่ยวหลัก เช่น สงขลา คนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวมีจำนวนประมาณ 1.4 ล้านคน ขณะที่พังงา คนไทยเดินทางไปเที่ยวมีจำนวนเพียง 6.5 แสนคน อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้ท่องเที่ยวเมืองรองยังน้อยโดยอยู่ที่ประมาณ 28% เมื่อเทียบกับรายได้จากเมืองท่องเที่ยวหลักที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 72% ของรายได้จากไทยเที่ยวไทยทั้งหมด</p><p><br></p><div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false">  <figure style="margin: auto;">    <img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/07/DuHGhgRfWPkGEVN6QkZ4.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="DuHGhgRfWPkGEVN6QkZ4.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,418" style="" data-index="1">  </figure></div><p>​</p><p>&nbsp;&nbsp;<strong>&nbsp;&nbsp;ปี 2568 การใช้จ่ายของคนไทยเที่ยวในประเทศคาดว่าจะมีมูลค่า 1.14 ล้านล้านบาท ขยายตัว 2% จากปีที่ผ่านมา</strong> โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4,100 บาท/คน/ครั้ง ยังต่ำกว่าปี 2562 (ก่อนโควิด-19)</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ การใช้จ่ายต่อคนต่อครั้งที่ยังไม่ฟื้นตัวเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวกระทบการใช้จ่ายระหว่างเดินทางท่องเที่ยว กอปรกับพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวไทยเปลี่ยนไป โดยคนไทยมากกว่าครึ่ง (ประมาณ 51% ของจำนวนผู้เยี่ยมเยือนคนไทยเที่ยวในประเทศทั้งหมด) นิยมเดินทางแบบไปเช้า-เย็นกลับ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงคนไทยเที่ยวเมืองรองมีสัดส่วนมากขึ้น <strong>แต่การใช้จ่ายในเมืองท่องเที่ยวรองเฉลี่ยอยู่ที่ 2,800 บาท/คน/ครั้ง ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายในเมืองท่องเที่ยวหลักที่เฉลี่ยที่ประมาณ 5,000 บาท/คน/ครั้ง</strong> โดยค่าใช้จ่ายในเมืองท่องเที่ยวรองที่ต่ำส่วนหนึ่งมาจากราคาค่าบริการท่องเที่ยวที่ไม่สูง อาทิ ค่าบริการที่พักระดับ 4 ดาว เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1,850 บาทต่อคืน ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างกรุงเทพฯ หรือภูเก็ตอยู่ที่ประมาณ 3,500 บาทต่อคืน รวมถึงค่าบริการอาหารและของที่ระลึกที่เฉลี่ยถูกกว่า<br></p><p>​</p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false">  <figure style="margin: auto; width: 720px;">    <img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/07/16khfkKP9vwMAG3BwDs1.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,378px" data-align="center" data-file-name="16khfkKP9vwMAG3BwDs1.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,378" data-origin="720px,378px" style="width: 720px; height: 378px;" data-index="2">  </figure></div><p><br></p><p>​</p><p>ภาพ:&nbsp;ศูนย์วิจัยกสิกรไทย,<span style="font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px;">&nbsp;</span><a href="https://unsplash.com/@yoavaziz?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash" style="font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px;">Yoav Aziz</a><span style="font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px;"> on </span><a href="https://unsplash.com/photos/a-group-of-people-on-a-beach-with-a-mountain-in-the-background-pNq3FsrqUXw?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash" style="font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px;">Unsplash</a></p><p><br></p><p><br></p><p><span style="color: rgb(68, 68, 68)">เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/ttb-analytics-pet-humanization-petriarchy-july-2025" alt="ttb analytics คาดเทรนด์ “ทาสหมา-แมว” โตต่อเนื่อง ประเมินปี 68 มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยแตะ 9.2 หมื่นล้าน โต 13.2%YoY">ttb analytics คาดเทรนด์ “ทาสหมา-แมว” โตต่อเนื่อง ประเมินปี 68 มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยแตะ 9.2 หมื่นล้าน โต 13.2%YoY</a></span></p><p><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a></p>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/slot" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/fishing" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/livecsn" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/sport" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/cockfight" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/3dgame" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/promotion" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/vip" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/reward" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/minigame/lucky-wheel-landing" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/auth/login" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/auth/signup" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/resetpassword" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/download" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/account/deposit" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/account/withdraw" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/account/promotion" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/account/message" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/account/changepassword" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/account/history/betting" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/account/history/withdraw" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/account/history/deposit" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/account/history/promotion" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/account/history/rebate" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/account/history/mission" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/account/history/cashback" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/account/profile" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/account/message" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/account/bank" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/account/address" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/account/referral" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/aboutus" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/faq" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/terms" rel="dofollow">dv188</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://www.dv188indo.com/contactus" rel="dofollow">dv188</a></div>

กสิกรไทยชี้ครึ่งปีหลัง 68 ไทยเที่ยวไทยโตชะลอลงจากช่วงแรกแม้มี ‘เที่ยวไทยคนละครึ่ง’

<h2>เศรษฐกิจไทยเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากในและนอกประเทศ ทำให้หลายคนคาดหวังว่าภาครัฐจะเร่งเครื่องและกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้งบประมาณที่ล่าช้ามาตลอด นำสู่วันนี้ (24 มิ.ย. 68) คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบต่อโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในกรอบวงเงินกว่า 115,375 ล้านบาท โดยหวังว่าจะกระจายเม็ดเงินอย่างทั่วถึงและให้ผลในระยะยาว</h2><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>&nbsp;นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง</strong> เปิดเผยว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังผันผวนไทยต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด ครม.ได้มีมติเห็นชอบข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท (ข้อเสนอโครงการฯ) ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวน 50 หน่วยรับงบประมาณ จำนวน 481 โครงการ (8,939 รายการ) <strong>ภายในกรอบวงเงิน 115,375 ล้านบาท</strong> <strong>แม้จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่หวังผลในระยะยาว</strong></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในรายละเอียดของ กรอบวงเงิน 115,375 ล้านบาท มีดังนี้</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>1. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน วงเงินรวม 85,000 ล้านบาท</strong> มีข้อเสนอโครงการฯ ผ่านการพิจารณา 34 โครงการ (7,986 รายการ) ได้แก่</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>1.1) โครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ </strong>ที่จะพัฒนาให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งน้ำ และป้องกันน้ำท่วม ฯลฯ <strong>ในวงเงิน 39,136 ล้านบาท</strong> ภายใต้ข้อเสนอโครงการฯ ผ่านการพิจารณา 8 โครงการ (2,881 รายการ) มีทั้งหมด 5 ด้าน ได้แก่ 1) การพัฒนาน้ำอุปโภคบริโภค 2) การปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำเดิมและพัฒนาระบบกระจายน้ำ 3) พัฒนาพื้นที่เกษตรน้ำฝน 4) พัฒนาพื้นที่หน่วงน้ำและการป้องกันน้ำท่วมชุมชนเมือง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คาดว่าจะมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 4,791,974 ไร่ ครัวเรือนได้รับประโยชน์ 906,803 ครัวเรือน และสามารถสร้างการจ้างงานได้ 73,807 คนต่อเดือน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>1.2) โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม วงเงิน 45,864 ล้านบาท</strong> จากข้อเสนอโครงการฯ ผ่านการพิจารณา 26 โครงการ (5,105 รายการ) แบ่งออกเป็น 6 ด้าน ได้แก่ 1) ปรับปรุงและพัฒนาถนนเชื่อมเมืองรอง 2) เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางและขนส่ง 3) พัฒนาโครงข่ายส่งเสริมพื้นที่เกษตรกรรม 4) ปรับปรุงจุดพักรถบรรทุกเพื่อให้บังคับใช้ได้ตามกฎหมาย 5) แก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟและถนนเสมอระดับ 6) แก้ไขปัญหาจราจร&nbsp;&nbsp;</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คาดว่าจะสามารถพัฒนาถนนในภาพรวมได้ 417 กิโลเมตร ซ่อมบำรุง ปรับปรุง และยกระดับเส้นทางได้ 1,689 แห่ง อำนวยความปลอดภัยได้ 3,604 แห่ง และสามารถสร้างการจ้างงานได้ 285,000 คน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>2. ด้านการท่องเที่ยว วงเงินรวม 10,053 ล้านบาท</strong> มาจากข้อเสนอโครงการฯ ผ่านการพิจารณา 420 โครงการ (922 รายการ) แบ่งเป็น 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1) พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว 2) พัฒนาระบบอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว 3) ด้านความปลอดภัย เช่น การติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวสำคัญ และ 4) กระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่เมืองรอง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คาดว่าจะสนับสนุนให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 2,766,000 คน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 55,059 ล้านบาท และมีประชาชนได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงเส้นทางเพื่อการท่องเที่ยวประมาณ 7.6 ล้านคน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>3. ด้านลดผลกระทบภาคการส่งออก เพิ่มผลิตภาพ และดิจิทัล วงเงินรวม 11,122 ล้านบาท</strong> มาจากข้อเสนอโครงการฯ ผ่านการพิจารณา 10 โครงการ แบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการเกษตร 2) ด้านแรงงาน (วงเงิน 10,000 ล้านบาท) มุ่งเน้นกลุ่ม SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ผ่านสินเชื่อ 3) ด้านดิจิทัล</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>4. ด้านเศรษฐกิจชุมชนและอื่น ๆ วงเงินรวม 9,201 ล้านบาท</strong> ข้อเสนอโครงกาฯ ผ่านการพิจารณา 17 โครงการ (21 รายการ) แบ่งเป็น <br>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1) กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ผ่านโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) วงเงิน 4,000 ล้านบาท <br>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2) ทุนมนุษย์ด้านการศึกษา วงเงิน 3,641 ล้านบาท <br>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3) พัฒนาเศรษฐกิจชุมชน วงเงิน 1,560 ล้านบาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ดี <strong>การอนุมัติข้อเสนอโครงการฯ เป็นการอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณเท่านั้น</strong> ในขั้นตอนการขอรับการจัดสรรและการเบิกจ่ายงบประมาณ จะต้องมีการตรวจสอบโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ <strong>จากงบประมาณกว่า 115,375 ล้านบาทนี้ โดยสรุปแล้ว จากเม็ดเงิน 115,375 ล้านบาท คาดว่าจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มอีก 0.4%</strong>คาดว่าจะกระจายไปสู่ภูมิภาคที่มีรายได้ต่อหัวต่ำในสัดส่วนที่สูงกว่าพื้นที่อื่น เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และหวังว่าเม็ดเงินจะกระจายสู่ในระดับจังหวัดและอำเภอ เพื่อให้เศรษฐกิจในพื้นที่ขยายตัว<br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังเชื่อว่าจะหนุนให้เกิดการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 7.4 ล้านคน วงเงินการจ้างงาน 34,008 ล้านบาท ราว 30% ของเม็ดเงินรวมที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 115,375 ล้านบาท และหวังว่าจะก่อให้เกิดผลเชื่อมโยงไปยังสาขาเศรษฐกิจต้นน้ำและปลายน้ำ เช่น สาขาก่อสร้าง สาขาค้าปลีกค้าส่ง สาขาการเงิน และบริการอื่น ๆ เป็นต้น<br></p><p><br></p><p><br></p><p>ภาพ: ชุตินันท์ สงวนประสิทธิ์</p><p><br></p><p><br></p><p><span style="color: rgb(68, 68, 68)">เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/innovestx-set-24-june-2025" alt="ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (24 มิ.ย. 68) รีบาวด์บวก 28.78 จุด หลัง Trump ประกาศ ‘อิสราเอล- อิหร่าน’ บรรลุข้อตกลงหยุดยิง">ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (24 มิ.ย. 68) รีบาวด์บวก 28.78 จุด หลัง Trump ประกาศ ‘อิสราเอล- อิหร่าน’ บรรลุข้อตกลงหยุดยิง</a></span></p><p><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a></p>

สรุป! รัฐบาลเตรียมใช้งบ 115,375 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจไทยอย่างไร

<h2>หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการดึงต่างชาติศักยภาพสูงเข้ามาลงทุนและพำนักในไทยระยะยาว (Long-term stay) เพื่อแลกกับสิทธิประโยชน์ทดแทนต่างๆ ได้กลายเป็นกระแส Talk of the Town ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ที่ยังต้องจับตากันต่อ โดยเฉพาะประเด็นที่เปิดทางให้ต่างชาติซื้อ/เช่าอสังหาริมทรัพย์ บ้าน-คอนโด และถือครองที่ดิน การปรับมาตรการดึงต่างชาติในครั้งนี้จะดีจริงหรือ? จากผลสำรวจ DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด พบว่า มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย</h2>
<h3><strong>ผลสำรวจฯ ชี้ผู้บริโภคเสียงแตก ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย </strong></h3>
จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคผ่านแบบสอบถาม <a href="https://www.ddproperty.com/คู่มือซื้อขาย/Thailand-Consumer-Sentiment-Study-H2-2021-54160">DDproperty's Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด</a> ซึ่งมีผู้ทำแบบสำรวจกว่า 1,000 คน ประกอบด้วย กลุ่มเจ้าของที่อยู่อาศัย กลุ่มนักลงทุน กลุ่มผู้เช่า รวมถึงกลุ่มที่พักอาศัยอยู่กับครอบครัว ซึ่งได้ทำการสำรวจไปก่อนหน้าตั้งแต่ที่ยังเป็นร่างกฎหมาย พบว่า ผู้บริโภคมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว โดยผู้ทำแบบสอบถาม 26% เห็นด้วย และ 24% ไม่เห็นด้วย

เมื่อโฟกัสที่ช่วงอายุและรายได้ พบว่า ผู้บริโภคที่ไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่ มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีรายได้ระดับปานกลางอยู่ที่ 28% และมีรายได้ระดับสูง อยู่ที่ 31% โดยทั้ง 2 ถือเป็นกลุ่มผู้ที่มีความพร้อมในการซื้อ/เช่าอสังหาริมทรัพย์ บ้าน-คอนโด และมีโอกาสลงทุนในช่วงนี้ ขณะที่ผู้บริโภคที่มีรายได้น้อย อยู่ที่ 22%

ในขณะเดียวผู้บริโภคที่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว ส่วนใหญ่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเช่นเดียวกัน โดยมีรายได้ระดับปานกลางอยู่ที่ 29% รายได้รายระดับสูง อยู่ที่ 26% และรายได้น้อย อยู่ที่ 26%
<h3><img class="alignnone size-full wp-image-51549" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/DDproperty2-01.jpg" alt="" width="600" height="400" />
มาตรการดึงต่างชาติซื้อบ้านในไทยเอื้อต่ออสังหาฯ และเศรษฐกิจไทยได้จริงหรือไม่</h3>
ผลการสำรวจฯ ยังบอกถึง 3 เหตุผลหลักของผู้บริโภคทั้ง 2 กลุ่ม โดยผู้บริโภคที่เห็นด้วยส่วนใหญ่ มองว่า มาตรการดึงต่างชาติ จะช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจของไทยได้

- 79% มองว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจไทยโดยรวม
- 32% มองว่าเป็นการแก้ปัญหานอมินี (Nominee) หรือผู้ที่ซื้อแทนชาวต่างชาติเพื่อเลี่ยงกฎหมาย หลังปลดล็อกให้ต่างชาติสามารถซื้อ/เช่าอสังหาริมทรัพย์ได้เอง
- มองว่าจะช่วยผลักดันราคาอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโต และเพิ่มมูลค่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ

และทางด้านผู้บริโภคที่ไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่ มองว่า มาตรการดังกล่าวมีส่วนทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์แพงขึ้น

- 62% มองว่าจะทำให้ราคาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์แพงขึ้น
- 42%มองว่าไม่ได้ช่วยแก้ปัญหานอมินี (Nominee)
- 40% มองว่าอาจนำไปสู่ปัญหาที่ซับซ้อนอื่น ๆ ได้ในอนาคต

<img class="alignnone size-full wp-image-51550" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/DDproperty3-01.jpg" alt="" width="600" height="400" />
<h3><strong>สรุปประเด็นไทยเปิดทางเศรษฐีต่างชาติ 4 </strong><strong>กลุ่มหลักและสิทธิที่จะได้รับ</strong></h3>
สำหรับมาตรการดึงต่างชาติชาติเข้ามาลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ เป็นหนึ่งในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุน และเพิ่มบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ โดยเปิดทางให้ชาวต่างชาติ 4 กลุ่ม สามารถเข้ามาพำนักระยะยาว (Long-term-stay) ในประเทศไทย แลกกับวีซ่าระยะยาว 10 ปี (Long-term Resident Visa) และสิทธิประโยชน์จูงใจ โดยชาวต่างชาติทั้ง 4 กลุ่มจะได้แก่ <strong>1. </strong><strong>กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง </strong><strong>(Wealthy global citizen) </strong>2. <strong>กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ </strong><strong>(Wealthy pensioner) 3.</strong><strong>กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย </strong><strong>(Work-from-Thailand professional) </strong>โดยแบ่งเป็น <strong>ผู้ประกอบอาชีพด้านดิจิทัล </strong><strong>(Digital nomad) </strong>และ<strong>พนักงานองค์กรขนาดใหญ่และใกล้จะเกษียณอายุ </strong><strong>(Corp Program) </strong>และ <strong>4. </strong><strong>กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ </strong><strong>(High-Skilled professional)  </strong>

ทั้งนี้สิทธิประโยชน์ที่ชาวต่างชาติทั้ง 4 กลุ่มจะได้รับมีดังนี้
<ol>
 	<li>วีซ่าผู้พำนักระยะยาวใหม่ (LTR visa) อายุ 10 ปี รวมถึงผู้ติดตาม หรือคู่สมรสและบุตร</li>
 	<li>ได้รับใบอนุญาตทำงานอัตโนมัติหลังจากอนุมัติ LTR</li>
 	<li>ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับรายได้จากต่างประเทศ</li>
 	<li>สิทธิในการเป็นเจ้าของ/เช่าอสังหาริมทรัพย์ระยะยาว ซื้อบ้านได้ในพื้นที่ที่กำหนด</li>
 	<li>สิทธิเลือกจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากรายได้ในประเทศไทยในอัตราภาษีแบบก้าวหน้าเช่นเดียวกับผู้ถือสัญชาติไทย หรืออัตราภาษีเงินได้คงที่ที่ 17% เช่นเดียวกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ให้เฉพาะกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ</li>
</ol>
โดยรัฐบาลตั้งเป้าดึงดูดผู้พำนักระยะยาวกว่า 1 ล้านล้านราย และใช้จ่ายในประเทศ 1 ล้านล้านบาทต่อปีต่อคนโดยเฉลี่ย ดึงดูดเม็ดเงินจากการลงทุนในประเทศ 8 แสนล้านบาท และรายได้ทางภาษี 2.7 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ดี มุมมองจากกูรูและผู้ที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ ต่างตื่นตัวและมีความหวังว่ามาตรการดังกล่าวจะปลุกดีมานด์กำลังซื้อคนต่างชาติให้เข้ามาช่วยดูดซับสต๊อกคงค้าง ในระหว่างที่รอเวลากำลังซื้อในประเทศฟื้นตัวหลังโควิด-19 แต่อาจจะต้องเพิ่มเงื่อนไขอื่น ๆ เพิ่มเติม รวมถึงการกำหนดราคาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่

<strong>DDproperty.com </strong><strong>เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ </strong><strong>1 </strong><strong>ที่รวบรวม </strong><a href="https://www.ddproperty.com/คู่มือซื้อขาย"><strong>ทิปส์ในการซื้อขายอสังหาฯ</strong></a><strong> และ</strong><a href="https://www.ddproperty.com/รวมโครงการใหม่/รีวิวโครงการใหม่"><strong>รีวิวโครงการใหม่</strong></a><strong> ทั้งไทยและอังกฤษ ไว้กว่า </strong><strong>10,000 </strong><strong>บทความ</strong>

<img class="alignnone wp-image-1080 size-thumbnail" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/11/dd-150x150.jpg" alt="" width="150" height="150" />
บทความโดย
DDproperty

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events