<h2>เมื่อธุรกิจอาหารคืออนาคตอันสดใส ปิติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการธุรกิจซัพพลายเชน และกรรมการบริหาร บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด จึงประกอบร่างธุรกิจอาหารในกลุ่มบุญรอดฯ ที่ปัจจุบันมีมูลค่าธุรกิจ 2.5 พันล้านบาท ให้อยู่ใต้ร่มเดียวกัน คือ บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด</h2>
โดยปิติ พร้อมหนุน กลุ่มธุรกิจซัพพลายเชน ของบุญรอดฯ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าธุรกิจ 2.5 พันล้านบาท ให้เติบโตยิ่งขึ้น รวมทั้งตั้ง บริษัท เอสบีพี ดิจิทัล เซอร์วิส จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านดิจิทัลเพื่อรองรับการเติบโตทางเทคโนโลยี ตั้งกรอบการลงทุนทั้ง 3 บริษัทที่ 5 พันล้านบาทภายใน ปี 2561-2563 แบ่งเป็น ฟู้ด แฟคเตอร์ 2.5 พันล้านบาท และ กลุ่มธุรกิจซัพพลายเชน 2.5 พันล้านบาท คาดกระตุ้นมูลค่าธุรกิจอาหารให้ทะยานสู่ 1.5 หมื่นล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกัน

“เราไม่ใช้บุญเก่า ไม่แอ็คว่าตัวเองยิ่งใหญ่ เพราะถ้าเดินไปด้วยตัวเราใหญ่ ไม่มีใครอยากคุยกับเรา เราก่อตั้งธุรกิจฟู้ด แฟคเตอร์ ขึ้นมาใหม่ เพราะถ้าอยากโตในธุรกิจอาหารก็ต้องหาดีลเลอร์และเครือข่ายในธุรกิจอาหาร” ปิติ อธิบายถึงจุดเริ่มต้น

<figure><img style="width: 650px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/3fe877476ae7a342d2fae8f005174b9a.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> ปิติ ภิรมย์ภักดี และทีมผู้บริหารธุรกิจอาหาร</figcaption></figure>

ขณะเดียวกันก็กล่าวถึงรายละเอียดการก่อตั้ง ฟู้ด แฟคเตอร์ ว่าเป็นการสร้างเครือข่ายธุรกิจอาหารด้านช่องทางจัดจำหน่าย เน้นจับมือพันธมิตรทั้งในไทยและต่างประเทศในรูปแบบการร่วมทุน (joint venture) ขณะนี้เจรจากับ 3-4 บริษัทในไทยแล้ว คาดว่าจะได้เห็นในไตรมาส 2 รวมทั้งจะบุกตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะทวีปยุโรปซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยกับผู้ประกอบการ 3 ประเทศในยุโรป หากเจรจาสำเร็จก็จะช่วยกระจายสินค้าอาหารของ ฟู้ด แฟคเตอร์ ไปได้เกือบ 10 ประเทศตามเครือข่ายของผู้ประกอบการเหล่านั้น

“ภูมิภาคตะวันออกกลางฟังดูดี แต่ว่าการจะไปร่วมเป็นพันธมิตรยังมีขอบเขตพอสมควร ส่วนจีนและอินเดียมีประชากรเยอะก็จริง แต่คู่แข่งมากและมีนักธุรกิจไทยที่เข้าไปปักหลักอยู่แล้ว ขณะที่ยุโรปยังดีอยู่ ปีนี้ตั้งเป้าให้น้ำหนักธุรกิจอาหารในไทยและต่างประเทศที่สัดส่วน 80:20 ปีหน้าที่ 50:50 ส่วนปีต่อไปวางให้สัดส่วนอยู่ที่ 20:80 เพราะตลาดต่างประเทศมีโอกาสเยอะ”  ปิติ กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายอาหารแล้วก็จะเป็นเรื่องของสินค้า ซึ่งจุดแข็งที่จะช่วยหนุนให้ธุรกิจอาหารเติบโตยิ่งขึ้นคือการที่กลุ่มบุญรอดฯ มีผลิตภัณฑ์อาหารที่หลากหลาย เช่น ข้าวตราพันดี ภายใต้ บริษัท มหาศาล จำกัด ซอสปรุงรสและอาหารพร้อมทาน ภายใต้ บริษัท เฮสโก โซลูชั่น จำกัด เป็นต้น

ผู้บริหารกล่าวเพิ่มเติมว่า ต่อจากนี้จะเน้นการพัฒนาอาหารไทยเป็นหลัก ทั้งในรูปแบบอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน อาหารแช่แข็ง ฯลฯ โดยมีแล็บวิจัยอาหาร (food lab) ที่ จ.ปทุมธานี พัฒนาสูตรและตรวจค่าต่างๆ ให้เสถียรและได้มาตรฐานที่สุด นอกจากนี้ยังวางแผนย้ายฐานการผลิตของ เฮสโก โซลูชั่น จาก อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และย่านบางนา ไปที่โครงการ “World Food Valley Thailand” จ.อ่างทอง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีทรัพยากรน้ำอุดมสมบูรณ์เหมาะกับการทำธุรกิจอาหาร

“เราตั้งกรอบการลงทุนทั้งหมดที่ 5 พันล้านบาทใน 3 ปีนี้ และตั้งเป้ามูลค่าธุรกิจที่ 1.5 หมื่นล้านบาทใน 3 ปีนี้ด้วยเช่นกัน” ผู้บริหาร ฟู้ด แฟคเตอร์ เอ่ยปิดท้าย

<figure><img style="width: 650px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/dba57a30cce75c2d7f203a483ef20380.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> ส่วนหนึ่งของรายการอาหารไทยที่ร้าน “อาหาร”</figcaption></figure>

&nbsp;
<h2>Forbes Facts</h2>
<ul>
 	<li>ปิติเริ่มทำอาหารตั้งแต่อายุ 10 กว่าขวบ มีเมนูที่ชอบทำคือซุป</li>
 	<li>ความชอบด้านอาหารของครอบครัวและของเขา นำสู่การทำธุรกิจส่วนตัวด้านอาหาร เช่น ซอสพริกในชื่อ “ซอสพริกพริก Made by Todd” หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “ซอสต๊อด” ร้านก๋วยเตี๋ยว “ตั่วเฮีย” ซอยสุขุมวิท 13 ที่ปิติตั้งใจจะขยายร้านในรูปแบบแฟรนไชส์เพื่อสร้างอาชีพให้ทุกคน</li>
 	<li>ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ปิติเปิดร้านอาหารไทยชื่อ “อาหาร” ตั้งอยู่ที่ทองหล่อซอย 9 ด้วยงบลงทุนราว 25 ล้านบาท เน้นอาหารไทยรสชาติดั้งเดิม โดยมี ชุมพล แจ้งไพร หรือที่รู้จักในนาม “เชฟชุมพล” เป็นกรรมการผู้จัดการของร้าน</li>
</ul>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events