<h2>“ฮาบิแทท กรุ๊ป” ประกาศเร่งเครื่องกลยุทธ์ธุรกิจปี 65  รับตลาดฟื้นตัว ส่องแนวโน้มพฤติกรรม และการตัดสินใจ ซื้อบ้าน “ในเมือง-นอกเมือง” เปลี่ยน มองตลาดภาพรวมขยายตัวจากกำลังซื้อคนไทย และต่างชาติซื้อบ้านเพิ่มขึ้น</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-55736" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/ฮาบิแทท-กรุ๊ป_1203.jpg" alt="" width="600" height="359" />

“ฮาบิแทท กรุ๊ป” เดินหน้ากลยุทธ์ธุรกิจปี 2565 เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้เริ่มคลี่คลาย และมีแนวโน้มว่ากำลังซื้อจากคนไทยและต่างชาติเริ่มกลับมาฟื้นตัวจากนักลงทุนและกองทุนต่างประเทศ​

ชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมความพร้อมเดินหน้ากลยุทธ์รับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่มีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นจากกำลังซื้อคนไทยและต่างชาติ ที่เริ่มฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2-3 เดือนสุดท้ายของปี 2564 และต่อเนื่องถึงปี 2565

“ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา จากการเข้ามาของโควิด-19 ทำให้เรากลับมาทบทวนแผนงาน ปรับวิธีคิด และกระบวนการทำงาน นำมาสู่การวางแผนกลยุทธ์ครั้งใหม่ และมีความพร้อมอย่างมากเพื่อก้าวใหม่ที่กำลังมาถึงในปี 2565 เพื่อธุรกิจจะก้าวไปสู่การเติบโตแบบยั่งยืน”

มองโอกาสธุรกิจ 

การฟื้นตัวของตลาดในภาพรวมปี  2565 เกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่ การเปิดประเทศ​ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา การปลดล็อกด้านสินเชื่อโดยให้สัดส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV ratio) ของสัญญาซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่สอง ราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท กู้สินเชื่อได้ 100 เปอร์เซ็นต์ จาก 70-90 เปอร์เซ็นต์ โดยจะสิ้นสุดตามเกณฑ์ภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2565 รวมถึงจำนวนผู้ได้รับวัคซีนครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ รวมถึงในภาคตลาดอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย

“กลุ่มคนจีนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ เริ่มกลับมาซื้อขายมากขึ้นด้วยปริมาณการซื้อที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร นอกจากนี้ยังมีอีกหลายกองทุนฯ จากต่างประเทศที่ติดต่อเข้ามามากขึ้น รวมถึงนักลงทุนก็เริ่มติดต่อกลับเข้ามา ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 และเชื่อมั่นว่ากำลังซื้อที่เริ่มทยอยกลับมาของต่างชาติจะมากขึ้นในปี 2565”

ทั้งนี้ในส่วนของตลาดโรงแรมจากฮาบิแทท ฮอสพิทัลลิตี้ พบว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาเช่นกัน โดยคาดการณ์ปี 2565 ลูกค้า และนักท่องเที่ยวจะกลับมาได้ร้อยละ 40-50 ของปี 2562 ส่วนในปี 2566 จะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ร้อยละ 70-80 ดังนั้นเชื่อว่าในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าจะเป็นโอกาสที่ดีของโปรดักส์ด้านท่องเที่ยว

เร่งเครื่องกลยุทธ์ปี 65

“มองว่าปีหน้าจะเป็นปีที่ดีของอสังหาฯ หลายบริษัทต่างเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อคว้าโอกาสที่จะเกิดขึ้น สำหรับ ฮาบิแทท กรุ๊ป มีการเตรียมความพร้อมในส่วนของกระบวนการทำงาน การกำหนดสัดส่วนของโครงการที่จะพัฒนาในเซกเมนต์ต่างๆ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม และกระจายความเสี่ยงในการทำธุรกิจ รวมถึงเป้าหมายที่จะเดินไปในอนาคต นับเป็นจังหวะที่ดี ทั้งความพร้อมของเราเอง กำลังซื้อที่เริ่มกลับมาทั้งคนไทยและต่างชาติ เมื่อปีหน้าตลาดกลับมาดีขึ้น โอกาสทุกอย่างเปิด เราก็สามารถขับรถ และเหยียบคันเร่งได้อย่างเต็มที่” ชนินทร์ กล่าว

โดยในปี 2565 “ฮาบิแทท กรุ๊ป” วางแผนธุรกิจในอนาคตไว้อย่างสมดุล และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับตลาดกำลังซื้อระดับกลางถึงบน และผู้ซื้อชาวต่างชาติ โดยมีการศึกษาโปรดักส์เซกเมนต์ใหม่ ๆ มากขึ้น เช่น โครงการประเภทแนวราบ และแนวสูงในรูปแบบไลฟ์สไตล์ อินเวสเมนท์หรือซื้ออยู่ ทั้งในทำเลพัทยาและกรุงเทพฯ ที่ยังคงเป็นตลาดหลักอยู่เช่นเดิม ขณะเดียวกันก็มองหาทำเลใหม่ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตในอนาคต

“ในด้านการปรับตัว ฮาบิแทท กรุ๊ป จากเดิมที่เราเน้นทำคอนโดค่อนข้างเยอะ รวมถึงคอนโดในเมืองเจาะกลุ่มเซกเมนต์ไฮเอนด์ โดยที่พัทยาเป็นโมเดลไลฟ์สไตล์ อินเวสเมนท์ เมื่อสถานการณ์โควิด-19 เข้ามากระทบลูกค้าต่างชาติและกำลังซื้อคนไทย ทำให้มีการทบทวน และปรับแนวทางการทำงานใหม่ในช่วงที่ผ่านมา นำมาซึ่งกลยุทธ์และแผนงานในปีหน้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งการมุ่งพัฒนาแนวราบมากขึ้น อย่างไรก็ดี เรายังคงพัฒนาคอนโดต่อเนื่อง แต่เน้นการปรับสัดส่วนของพอร์ตให้มีความสมดุล เน้นกระจายความเสี่ยง เพื่อธุรกิจที่เติบโตได้อย่างยั่งยืน”

<img class="alignnone size-full wp-image-55737" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/ฮาบิแทท-กรุ๊ป_1204.jpg" alt="" width="600" height="400" />

มุมมองซื้อบ้าน “เปลี่ยน” หลังโควิด-19  

จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลต่อพฤติกรรมและการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย จากเดิมที่คนเลือกอาศัยอยู่ในเมือง ใกล้รถไฟฟ้า เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปกลับจากบ้านไปที่ทำงาน เปลี่ยนเป็นทำงานที่บ้านมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ซื้อเริ่มมองหาบ้านขนาดพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นแม้จะอยู่นอกเมืองออกไปก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบต้นทุนกันแล้วความคุ้มค่าอาจมีมากกว่า เช่น ด้วยราคาที่ไม่แตกต่างกันมาก การซื้อคอนโดขนาด 30-40 ตรม. 1 ห้อง อาจไปซื้อบ้านนอกเมืองที่มีพื้นที่กว้างและเพิ่มมากขึ้น โดยมีขนาด 3-4 ห้องนอน รวมถึงห้องนั่งเล่น

“ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คอนโดมีอัตราการซื้อที่น้อยลง แต่อัตราการซื้อที่อยู่อาศัยในแบบบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด ถือว่าเติบโตได้ดี โดยเฉพาะเซกเมนต์กลางและบน ส่วนอสังหาริมทรัพย์ตลาดล่างจะยังได้รับผลกระทบคงต้องรอจังหวะที่ดีมากกว่านี้” ชนินทร์กล่าวย้ำ

ความสำเร็จในปีนี้

ทั้งนี้จากการทำงานที่มุ่งมั่นและตั้งใจที่จะพัฒนาโครงการอย่างมีคุณภาพของ “ฮาบิแทท กรุ๊ป” สะท้อนถึงความสำเร็จส่งท้ายปี 2564 เป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจจากเวที PropertyGuru Thailand Property Awards 2021 ได้แก่ รางวัล Best Boutique Developer ที่ได้รับมา 3 ปีติดต่อกัน พร้อมกันนี้ยังได้รับรางวัล Best Hospitality Developer และ Special Recognition in Sustainable Design and Construction ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจที่ได้รับจากความมุ่งมั่นทำงานพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

“จากการคว้ารางวัลบนเวที PropertyGuru Thailand Property Awards 2021 ในครั้งนี้ นับเป็นอีกความสำเร็จของฮาบิแทท กรุ๊ป  และเป็นบทพิสูจน์ผลงานที่ได้รับการยอมรับในระดับมาตรฐานนานาชาติ ซึ่งผมและทีมงานจะไม่หยุดสร้างสรรค์งานทั้งในด้านการพัฒนาโครงการอสังหาฯ เพื่ออยู่อาศัยและการลงทุน รวมถึงการบริหารและให้บริการลูกค้าจากทาง ฮาบิแทท ฮอสพิทัลลิตี้” ชนินทร์ กล่าวทิ้งท้าย

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/it/ntt-data-%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%a8%e0%b8%99%e0%b9%8c-e-payment.html">NTT DATA หนุนสร้างระบบนิเวศน์ e-Payment ยกระดับความปลอดภัยชำระเงินดิจิทัล</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“ฮาบิแทท กรุ๊ป” เร่งเครื่องธุรกิจปี 65 เดินหน้ารับกำลังซื้อ ‘ไทย-ต่างชาติ’ ฟื้นตัว

<h2>‘เอสซี แอสเสท’ ชูแนวคิด ‘Home is Everything’ กระตุ้นอารมณ์คนซื้อบ้าน ผลักดันซีรีส์ใหม่ ‘Post Covid Home’ ตั้งเป้ายอดขาย 4,000 ล้านบาทในช่วง 2 เดือน พร้อมเปิดเกมรุกตลาดแนวราบ หวังก้าวสู่แบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1 อีก 2 ปี</h2>
โฉมชฎา กุลดิลก หัวหน้าสายงานกลยุทธ์แบรนด์องค์กร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวแคมเปญสื่อสารการตลาดประจำปี 2564 ผ่านกลยุทธ์มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง ภายใต้แคมเปญชื่อ ‘Home is Everything’ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำความรู้สึกที่ดีจากภายในบ้านส่งมอบกำลังใจให้ทุกคน ผ่านบทเพลง ‘Home’ เวอร์ชั่นพิเศษจาก บอย โกสิยพงษ์” ท่ามกลางสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้น

“ทุกครั้งที่เราลงไปสำรวจความเห็นของผู้บริโภคเกี่ยวกับบ้าน จะต้องมีคนนึกถึงเพลงนี้ เพลงที่พูดถึงดอกไม้ ประตู แจกัน ดินทราย ต้นไม้ใหญ่ สะท้อนถึงทุกสิ่ง ทุกอย่างในความเป็นบ้าน ยิ่งภายใต้สถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้น ผู้คนคิดถึงบ้าน บ้านเป็นตัวแทนความรักและกำลังใจ ทำให้ทุกคนอยากกลับบ้าน ถึงเวลาที่เหมาะสมสำหรับแคมเปญนี้” โฉมชฎากล่าว

ทั้งน้ ที่ผ่านมา บริษัทได้ใช้กลยุทธ์มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง ในเกือบทุกแคมเปญ โดยเพลงจะทำงานกับความรู้สึกคน สร้างความรู้สึกร่วมกับแคมเปญนั้นๆ ได้ แม้แต่เป็นแคมเปญที่ขายของตรงๆ แต่คนจะชอบ ชอบฟังเพลง ขณะที่เห็นสินค้าบ้าน สวย ๆ สร้างเรื่องราว ความรื่นรมย์ที่เกิดขึ้นทำให้คนอยากเข้ามาดูโครงการจริง

<img class="alignnone size-full wp-image-48448" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/ณัฎฐกิตติ์-ศิริรัตน์.jpg" alt="" width="450" height="300" />

ด้าน ณัฎฐกิตติ์ ศิริรัตน์ หัวหน้าสายงานการตลาด กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคที่อยู่บ้านมากขึ้นในช่วงโควิด ผู้บริโภคมีความต้องการเปลี่ยนไป ทุกคนให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพ ความสะอาด และความปลอดภัย มีความต้องการพื้นที่ที่หลากหลาย และเป็นส่วนตัว เนื่องจากต้องพ่อ แม่ต้องทำงาน (WFH) ลูกต้องเรียนออนไลน์ ซึ่งแตกต่างจากที่ผ่านมาคนซื้อบ้านต้องการพื้นที่ส่วนกลางเพื่อใช้เวลาอยู่รวมกันเป็นหลัก

บริษัทฯ ว่าผู้บริโภคในยุคโควิดจะมีความต้องการ 4 ด้านหลักด้วยกัน ได้แก่ 1. ความต้องการพื้นที่ธรรมชาติมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการทางร่างกายและอารมณ์ 2. ต้องการความสะดวก สบาย 3. ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับใช้พื้นที่ และ 4. ต้องประหยัดพลังงาน โดยบริษัทได้นำความต้องการเหล่านี้มาออกแบบบ้านในชุด “Post Covid Home”

ณัฎฐกิตติ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่าน ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบกลับมาฟื้นตัว โดยในช่วงครึ่งปีแรก ยอดขายของบริษัทฯ มีสัดส่วนร้อยละ 70 ของเป้าหมายยอดขายทั้งปี จากโครงการทั้งหมด 44 โครงการ เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 38 โครงการ ที่เหลือเป็นทาวน์โฮม ซึ่งจากแคมเปญนี้คาดว่าจะมียอดขาย 4,000 ล้านบาท ในช่วง 2 เดือนนี้ ขณะที่โดยเฉลี่ยบริษัทจะมียอดขายไตรมาสละ 4,500 ล้านบาท

“ปัจจุบัน เอสซี แอสเสท เป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักซัวรี่ ถ้าเป็นตลาดในภาพรวมจะติดอันดับ 1 ใน 3 โดยมีส่วนแบ่งร้อยละ 15 จากตลาดรวม และในอีก 2 ปีข้างหน้า บริษัทวางแผนก้าวสู่อันดับ 1 ในตลาดบ้านในทุกระดับราคา โดยจะให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์เป็นหลัก ถ้าจะซื้อบ้านจะต้องนึกถึง เอสซี แอสเสท” ณัฎฐกิตติ์กล่าว

สำหรับบ้านในชุด “Post Covid Home” เพื่อรองรับการใช้ชีวิตวิถีใหม่ จะทยอยเปิดตัวซีรีส์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2565 เป็นต้นไป เช่น บ้านนอร์ดิค ลักซัวรี่ โฮม ที่ออกแบบให้มีระเบียงกว้างเป็นพิเศษ เพื่อรองรับการใช้ชีวิตในแบบกึ่งเอาท์ดอร์ เป็นต้น เพื่อรองรับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ต้องการขยับขยายพื้นที่ของบ้านเพื่อรองรับฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น ปัจจุบันบ้านเอสซี แอสเสท มีระดับราคาตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/it/%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%8B%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B9%84.html">นูทานิคซ์ ประเทศไทย เผยสาระสำคัญไฮบริดคลาวด์ต่อธุรกิจองค์กร</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events