<h2 class="p1">หุ้นบริษัทค้าปลีก Lifestyle International ของ Thomas Lau วัย 65 ปี ร่วงดิ่งราว 35% ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่แล้ว ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินของเขาลดลง 24% มาอยู่ที่ 1.4 พันล้านเหรียญ</h2>
ห้างสรรพสินค้า Sogo ของ Lifestyle 2 แห่งที่มี Thomas Lau เป็นเจ้าของ ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกง โดยเฉพาะร้านค้าที่ได้รับใบอนุญาตจาก Seven &amp; i ของญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุประท้วงในหลายๆ จุดพอดี
จากรายงานผลประกอบการล่าสุดของ Lifestyle รอบกลางปี 2019 ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมาพบว่า ยอดขายลดลง 2% จาก 2 ปีที่แล้วลงมาอยู่ที่ 5.6 พันล้านเหรียญฮ่องกง (718 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) แต่กำไรเพิ่มขึ้นถึง 45% มาอยู่ที่ 1.3 พันเหรียญฮ่องกง
บริษัทบอกว่า ยอดขายที่ลดลงมาจากความต้องการของผู้บริโภคที่ซบเซา โดยมีปัจจัยหนึ่งคือ “ความไม่สงบทางสังคมและการเมืองที่ดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง” และอาจกระทบต่อผลประกอบการในอนาคตด้วย ขณะที่กำไรที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากรายได้จากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว
รายงานยังระบุด้วยว่า บริษัทกำลังก่อสร้างห้าง Sogo แห่งที่ 3 บนพื้นที่ที่เคยเป็นสนามบิน Kai Tak ของฮ่องกง มีกำหนดเปิดตัวในปี 2022
Lau เริ่มต้นกิจการ Lifestyle ช่วงต้นยุค 1980 โดยเปิดห้าง Sogo แห่งแรกขึ้นในปี 1985 หลังจากที่เขากับ Joseph พี่ชายขายเครือบริษัทอุตสาหกรรมที่สร้างขึ้นด้วยกันจากธุรกิจพัดลมเพดานอันเก่าแก่ของครอบครัว
โดย Thomas ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและซีอีโอ Lifestyle ขณะที่ลูกชาย Kam Sen และลูกสาว Kam Shim รับบทบาทกรรมการบริหาร Lifestyle ด้วยกันทั้งคู่--Ambika Behal
&nbsp;
<ul>
 	<li>อ่านเพิ่มเติม <a href="https://forbesthailand.com/world/asia/10-%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a-%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b8%b5%e0%b8%ae%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%87.html">10 อันดับ มหาเศรษฐีฮ่องกง ประจำปี 2020</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

<a href="https://bit.ly/38hL0Vu">คลิกอ่านการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีฮ่องกง ประจำปี 2020 ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มีนาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-27443" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/COVER-82-MARCH-.jpg" alt="สรพหล นิติกาญจนา" width="300" height="393" />

ค้าปลีกผันผวน และทรัพย์สินของ Thomas Lau ที่ร่วงดิ่ง

<h2>ฮ่องกงมี มหาเศรษฐีอันดับ 1 คนใหม่ที่เฉือนชนะคนเดิมนิดเดียว Lee Shau Kee มีทรัพย์สิน 3.04 หมื่นล้านเหรียญ ชนะอันดับ 2 คือ Li Ka-shing ผู้มีทรัพย์สิน 2.94 หมื่นล้านเหรียญที่เคยครองอันดับ 1 ทำเนียบมหาเศรษฐีฮ่องกงทุกปีนับตั้งแต่เริ่มจัดอันดับในปี 2008</h2>
ขอย้ำอีกครั้งว่ามูลค่าทรัพย์สินของ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ทั้งสอง ต่างกันแค่ 1 พันล้านเหรียญ หรือเกิน 3%ของทรัพย์สินสุทธิมาเล็กน้อยเท่านั้น

เนื่องจากสถานการณ์ที่ตกต่ำในฮ่องกงทำให้ทรัพย์สินของเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ทั้งสองลดลงจากตัวเลขในทำเนียบเมื่อปีที่แล้ว ทรัพย์สินสุทธิของ Li ลดลง 7% ส่วนทรัพย์สินสุทธิของ Lee เพิ่มขึ้น 1%

เหตุการณ์สำคัญเกี่ยวกับ Lee อีกเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินก็คือ เขาลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการของ Henderson Land Development ซึ่งเป็นบริษัทหัวเรือใหญ่ของเขาเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แล้วส่งบังเหียนต่อให้ลูกชาย 2 คน Lee Ka Shing และ Lee Ka Kit ที่รับตำแหน่งประธานกรรมการร่วม

<figure><img class="wp-image-28818 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/LEE.jpg" alt="" width="453" height="484" /><figcaption> Lee Shau Kee มหาเศรษฐีอันดับ 1</figcaption></figure>

หุ้น CK Asset บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของ Li ดิ่งลงเกือบ 18% ในปีที่ผ่านมา หลังจากบริษัทประกาศเมื่อเดือนสิงหาคมว่า กำไรสุทธิครึ่งปีแรกลดลง 38% ขณะที่ Henderson Land รายงานผลประกอบการในเดือนเดียวกันว่า กำไรสุทธิครึ่งปีแรกของบริษัทลดลงครึ่งหนึ่งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

หลังจากมีกำไรที่เกิดขึ้นครั้งเดียวโดดขึ้นมา เนื่องจากการขายทรัพย์สินในปีก่อนหน้าหุ้นบริษัทซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ในทรัพย์สินของ Lee ตกไป 8% ในปีที่แล้วแต่ก็ถือว่าดีขึ้นหลังจากที่เคยตก 18% ในช่วงกรกฎาคม-กันยายน เนื่องจากการประท้วงในฮ่องกง ซึ่งทุบหุ้นจนร่วงทั้งภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ขณะที่ทั้งสองบริษัทอ้างว่า อุปสรรคจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเป็นเหตุให้ผลกำไรลดลง Henderson ก็เสริมว่าการประท้วงก็ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเช่นกัน

<figure><img class="wp-image-28819 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/Li.jpg" alt="" width="453" height="484" /><figcaption> Li Ka-shing มหาเศรษฐีอันดับ 2</figcaption></figure>

สถิติล่าสุดของรัฐบาลชี้ว่า ราคาพื้นที่ค้าปลีกในฮ่องกงตกไปกว่า 9% นับตั้งแต่เริ่มมีการประท้วงเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว เจ้าสัวทั้งสองหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ฮ่องกง เมื่อมีการทำลายทรัพย์สินและความรุนแรงหนักขึ้นจนสะเทือนไปทั้งเมือง

Li วัย 91 ปี ขอร้องให้ทั้งฝ่ายผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่รัฐพยายามควบคุมอารมณ์และเมื่อเดือนตุลาคม มูลนิธิ Li Ka Shing ของเขาก็ตั้งกองทุน Crunch Time Instant Relief Fund เพื่อช่วยเหลือกิจการขนาดเล็กและขนาดกลางในฮ่องกง

โดยบริจาคเงิน 1 พันล้านเหรียญฮ่องกง (128 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ให้กิจการ 27,000 รายในพื้นที่ซึ่งถูกผลกระทบหนักที่สุดจากเหตุการณ์ไม่สงบ

Henderson Land Development ได้ให้ความช่วยเหลือเช่นกัน โดยประกาศเมื่อเดือนพฤศจิกายนว่าจะให้รัฐบาลยืมที่ดินซึ่งยังไม่ได้พัฒนาประมาณ 4 เฮกเตอร์เป็นเวลา 7 ปี เพื่อสร้างที่พักอาศัยราคาถูกโดย

โครงการนี้มีเป้าหมายจะสร้างที่พักอาศัย 2,000 ยูนิตสำาหรับ 10,000 ครอบครัวและจะเป็นโครงการใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฮ่องกงสำาหรับที่พักอาศัยประเภทนี้
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/world/asia/10-%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5%E0%B8%AE%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%87.html">อ่านเพิ่มเติม: 10 อันดับ มหาเศรษฐีฮ่องกง ประจำปี 2020</a></li>
</ul>

<hr />

<a href="https://bit.ly/38hL0Vu">คลิกอ่านการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีฮ่องกง ประจำปี 2020 ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มีนาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-27443" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/COVER-82-MARCH-.jpg" alt="สรพหล นิติกาญจนา" width="301" height="395" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events