ฮ่องกงมี มหาเศรษฐีอันดับ 1 คนใหม่ที่เฉือนชนะคนเดิมนิดเดียว Lee Shau Kee มีทรัพย์สิน 3.04 หมื่นล้านเหรียญ ชนะอันดับ 2 คือ Li Ka-shing ผู้มีทรัพย์สิน 2.94 หมื่นล้านเหรียญที่เคยครองอันดับ 1 ทำเนียบมหาเศรษฐีฮ่องกงทุกปีนับตั้งแต่เริ่มจัดอันดับในปี 2008
ขอย้ำอีกครั้งว่ามูลค่าทรัพย์สินของ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ทั้งสอง ต่างกันแค่ 1 พันล้านเหรียญ หรือเกิน 3%ของทรัพย์สินสุทธิมาเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากสถานการณ์ที่ตกต่ำในฮ่องกงทำให้ทรัพย์สินของเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ทั้งสองลดลงจากตัวเลขในทำเนียบเมื่อปีที่แล้ว ทรัพย์สินสุทธิของ Li ลดลง 7% ส่วนทรัพย์สินสุทธิของ Lee เพิ่มขึ้น 1% เหตุการณ์สำคัญเกี่ยวกับ Lee อีกเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินก็คือ เขาลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการของ Henderson Land Development ซึ่งเป็นบริษัทหัวเรือใหญ่ของเขาเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แล้วส่งบังเหียนต่อให้ลูกชาย 2 คน Lee Ka Shing และ Lee Ka Kit ที่รับตำแหน่งประธานกรรมการร่วม หุ้น CK Asset บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของ Li ดิ่งลงเกือบ 18% ในปีที่ผ่านมา หลังจากบริษัทประกาศเมื่อเดือนสิงหาคมว่า กำไรสุทธิครึ่งปีแรกลดลง 38% ขณะที่ Henderson Land รายงานผลประกอบการในเดือนเดียวกันว่า กำไรสุทธิครึ่งปีแรกของบริษัทลดลงครึ่งหนึ่งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า หลังจากมีกำไรที่เกิดขึ้นครั้งเดียวโดดขึ้นมา เนื่องจากการขายทรัพย์สินในปีก่อนหน้าหุ้นบริษัทซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ในทรัพย์สินของ Lee ตกไป 8% ในปีที่แล้วแต่ก็ถือว่าดีขึ้นหลังจากที่เคยตก 18% ในช่วงกรกฎาคม-กันยายน เนื่องจากการประท้วงในฮ่องกง ซึ่งทุบหุ้นจนร่วงทั้งภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ทั้งสองบริษัทอ้างว่า อุปสรรคจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเป็นเหตุให้ผลกำไรลดลง Henderson ก็เสริมว่าการประท้วงก็ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเช่นกัน สถิติล่าสุดของรัฐบาลชี้ว่า ราคาพื้นที่ค้าปลีกในฮ่องกงตกไปกว่า 9% นับตั้งแต่เริ่มมีการประท้วงเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว เจ้าสัวทั้งสองหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ฮ่องกง เมื่อมีการทำลายทรัพย์สินและความรุนแรงหนักขึ้นจนสะเทือนไปทั้งเมือง Li วัย 91 ปี ขอร้องให้ทั้งฝ่ายผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่รัฐพยายามควบคุมอารมณ์และเมื่อเดือนตุลาคม มูลนิธิ Li Ka Shing ของเขาก็ตั้งกองทุน Crunch Time Instant Relief Fund เพื่อช่วยเหลือกิจการขนาดเล็กและขนาดกลางในฮ่องกง โดยบริจาคเงิน 1 พันล้านเหรียญฮ่องกง (128 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ให้กิจการ 27,000 รายในพื้นที่ซึ่งถูกผลกระทบหนักที่สุดจากเหตุการณ์ไม่สงบ Henderson Land Development ได้ให้ความช่วยเหลือเช่นกัน โดยประกาศเมื่อเดือนพฤศจิกายนว่าจะให้รัฐบาลยืมที่ดินซึ่งยังไม่ได้พัฒนาประมาณ 4 เฮกเตอร์เป็นเวลา 7 ปี เพื่อสร้างที่พักอาศัยราคาถูกโดย โครงการนี้มีเป้าหมายจะสร้างที่พักอาศัย 2,000 ยูนิตสำาหรับ 10,000 ครอบครัวและจะเป็นโครงการใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฮ่องกงสำาหรับที่พักอาศัยประเภทนี้คลิกอ่านการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีฮ่องกง ประจำปี 2020 ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มีนาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine