ความแข็งแกร่งที่มั่นคงของ ฤทธา เกิดจาก​รากฐานทาง​วัฒนธรรมที่เรียกว่า "Hāto"

<h2>“We Make the Impossible Possible” ไม่ใช่คำขวัญที่ฤทธาคิดขึ้นเอง แต่เป็นคำที่ลูกค้ามอบให้หลังฤทธาสร้างผลงานเหนือ ความคาดหมายในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง คำนี้กลายเป็นบทสรุปของหัวใจฤทธาอย่างแท้จริง เพราะตลอด 37 ปีที่ผ่านมาความสำเร็จขององค์กรเกิดจากการยึดมั่นใน 3 แกนหลัก ความแข็งแกร่งทางการเงิน ความเป็นเลิศด้านวิศวกรรม และวัฒนธรรม “Hāto” ที่ดูแลผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกกลุ่มด้วยใจ สิ่งเหล่านี้คือพลังที่ทำให้ฤทธาฝ่าทุกวิกฤต เติบโตอย่างก้าวกระโดด และสร้างฐานะทางการเงินที่มั่นคงด้วยกำไรสะสมกว่า 5 พันล้านบาท</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3 ผู้ร่วมก่อตั้งฤทธา อุทร ภูษิตกาญจนา, กมล โอภาสกิตติ และ ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ให้สัมภาษณ์พิเศษ Forbes Thailand เปิดเส้นทางความสำเร็จจากจุดเริ่มต้นและจุดเปลี่ยนของฤทธา ที่ไม่ได้มีเพียง 1 แต่มีก้าวกระโดดสำคัญครั้งใหญ่ถึง 4 บทตอน ผ่านยุคโชติช่วงชัชวาล วิกฤตต้มยำกุ้ง และวิกฤตโควิด-19 ซึ่งเปรียบเสมือน “ไม้ค้ำถ่อ” ที่ส่งพลังให้ฤทธาก้าวข้าม ยกระดับองค์กรจากบริษัทผู้รับเหมารายย่อยสู่ผู้เล่นระดับประเทศในฐานะผู้รับเหมาคุณภาพระดับท็อปของไทย Chapter 1 จุดเริ่มต้นฤทธา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อุทร ภูษิตกาญจนา เล่าย้อนอดีตในยุคเริ่มต้นเข้าสู่วงการรับเหมาก่อสร้างว่า พวกเขาทั้ง 5 คนเป็นพนักงานที่บริษัทก่อสร้างของญี่ปุ่นด้วยกัน ได้เริ่มต้นเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในวงการรับเหมาก่อสร้าง ทำให้ได้เรียนรู้วัฒนธรรมองค์กรญี่ปุ่นคือ ทำงานหนัก เข้มแข็ง มุ่งพัฒนางานที่มีคุณภาพ และรักษาพันธสัญญากับลูกค้า ขณะเดียวกันก็ได้เรียนรู้เทคโนโลยีการก่อสร้างระดับนานาชาติของญี่ปุ่น ได้เรียนรู้เทคนิคและโนว์ฮาวก่อสร้างทุกขั้นตอนของงานก่อสร้างในการทำงานของบริษัทข้ามชาติ ซึ่งขณะนั้นมีการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในการก่อสร้าง เป็นวัฒนธรรมที่ยอดเยี่ยม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ในช่วงปี 2532 เริ่มต้นก่อตั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้างมีผู้ร่วมก่อตั้ง 5 คนคือ คุณสุวัฒน์ เชาว์ปรีชา, ผม อุทร ภูษิต-กาญจนา, คุณกมล โอภาสกิตติ, คุณขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ และคุณอารักษ์ ศศิพงศ์ปรีชา ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ประสบการณ์ที่ทุกคนได้รับจากการทำงานในบริษัทผู้รับเหมาญี่ปุ่นหล่อหลอมให้พวกเราทำงานด้วยความมุ่งมั่น มุมานะ อดทน มี commitment ต่อลูกค้าเรื่องคุณภาพและการส่งมอบงานที่ตรงเวลา” <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/06/AND5ySnUj6pqehHuadtp.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="AND5ySnUj6pqehHuadtp.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​ Chapter 2 เรียนรู้สู่มาตรฐานโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท ฤทธา จำกัด มีโอกาสเข้าไปทำงานก่อสร้างในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดในยุคโชติช่วงชัชวาลสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งมีการลงทุนก่อสร้างโรงงานมาตรฐานระดับโลก เช่น โรงกลั่นน้ำมัน Shell และ ESSO โรงงานปิโตรเคมีคอล เช่น Monsanto Premier Kasei ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างสหรัฐฯ ไทย และญี่ปุ่น ทำให้ฤทธามีโอกาสเข้าไปเป็นผู้รับเหมาหลักด้านงานโยธา โครงสร้าง และอาคาร ซึ่งโครงการนี้มีเงินลงทุนร่วม 1 หมื่นล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การก่อสร้างโครงการมาตรฐานสูงเหล่านี้จะต้องมีระบบความปลอดภัยขั้นสูงสุด (high standard of safety procedure) มีระบบการวางแผนก่อสร้างที่ดี (project execution procedure) นอกจากนั้น ยังมีระบบควบคุมคุณภาพที่ได้มาตรฐานอเมริกัน เช่น ASTM, AWS หรือญี่ปุ่น (JIS) ทำให้ฤทธาได้เรียนรู้การทำงานระดับเวิลด์คลาสด้วยการทำงานจริง ได้บ่มเพาะและเรียนรู้วิธีการก่อสร้างมาตรฐานสูงเหล่านี้เป็นเวลาถึง 10 ปี ทำให้วิศวกรรวมถึงพนักงานสายงานอื่นๆ ของฤทธามีความรู้ความสามารถเทียบเท่ากับบุคลากรของบริษัทข้ามชาติ ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/06/sUKmecp4e8weAY91ybjG.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="sUKmecp4e8weAY91ybjG.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> Chapter 3 โอกาสในวิกฤตต้มยำกุ้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในยุคโชติช่วงชัชวาลฤทธาได้บ่มเพาะความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความแข็งแกร่งด้านการเงิน เมื่อเกิดวิกฤตด้านการเงินของประเทศที่เรียกว่า “วิกฤตต้มยำกุ้ง” บริษัทในประเทศไทยล้มระเนระนาด รวมถึงบริษัทรับเหมาก่อสร้างด้วย ซึ่งส่วนมากรับเหมาก่อสร้างให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ แต่วิกฤตนี้ไม่กระทบฤทธา เพราะฤทธาทำงานรับเหมาก่อสร้างในภาคอุตสาหกรรม (real sector) และเจ้าของงานส่วนมากเป็นนักลงทุนต่างชาติ ดังนั้น เมื่อเกิดการลอยตัวค่าเงินบาทจาก 25 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ เป็น 50 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ เจ้าของงานที่จ้างฤทธาจึงไม่มีปัญหาด้านการเงิน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในขณะนั้นบริษัทสัญชาติอังกฤษชื่อ Tesco มาร่วมทุนกับ Lotus ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Tesco Lotus พร้อมวางแผนขยายห้าง Lotus ไปทั่วประเทศ ต้องการผู้รับเหมาที่มีความสามารถมาทำงานก่อสร้างให้ แต่เนื่องจาก Tesco ต้องการผู้รับเหมาที่มีมาตรฐานระดับโลก เมื่อทำการคัดเลือกผู้รับเหมา (pre qualify) จึงมีเพียงบริษัทฤทธาที่เป็นบริษัทรับเหมาสัญชาติไทยเพียงรายเดียวที่ผ่านการคัดเลือก &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท ฤทธา ได้ก่อสร้าง Tesco Lotus ในขณะนั้นร่วม 200 สาขา และยังได้ก่อสร้างห้าง Makro อีกกว่า 50 สาขา โครงการเหล่านี้สะท้อนถึงความสามารถของฤทธาในการพัฒนาระบบก่อสร้างให้เร็วขึ้นควบคุมคุณภาพได้ดียิ่งขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีจากโรงงาน precast concrete มาตรฐานสูง และโรงงาน steel fabrication ที่ช่วยลดระยะเวลาก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากผลงานที่โดดเด่นบริษัทแม็คโครจึงมอบคำยกย่องที่กลายเป็นคำจำกัดความของฤทธาในเวลาต่อมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“We Make the Impossible Possible”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังผ่านวิกฤตบริษัทฤทธาขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มธุรกิจใหม่ เช่น โรงพยาบาล โรงแรม คอนโดมิเนียม และเริ่มเข้าสู่ตลาดต่างประเทศทั้งในกาตาร์และกัมพูชา ตอกย้ำบทบาทของบริษัทในฐานะบริษัทไทยที่พร้อมเติบโตในเวทีระดับโลก ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/06/b2J9DmgEzFkeKSnABjYL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="b2J9DmgEzFkeKSnABjYL.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> Chapter 4 ปรับกลยุทธ์หลังโควิด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในช่วงที่โลกเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงัก ธุรกิจทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง รวมถึงอุตสาหกรรมก่อสร้างเช่นกัน ฤทธาเองต้องเผชิญกับความท้าทาย รายได้ลดลงจากระดับ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท เหลือเพียง 7,028 ล้านบาท ขณะที่บริษัทก่อสร้างหลายแห่งต้องปิดตัว แต่ด้วยการบริหารต้นทุนอย่างมีวินัย การรักษาสภาพคล่อง และการไม่ปลดพนักงาน ฤทธาสามารถประคับประคององค์กรให้ผ่านวิกฤตและฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว &nbsp; &nbsp; “เมื่อ 2 ปีที่แล้วผมได้รับเชิญให้กลับมาร่วมบริหารอีกครั้งหลังวิกฤตโควิด-19” ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานกรรมการและผู้ร่วมก่อตั้งกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราเพียงแค่ปรับหัวเรือ วางกลยุทธ์ใหม่ และภายในเวลาไม่นานรายได้กลับมาแตะ 1.1 หมื่นล้านบาทในปี 2566 ก่อนจะทะลุ 1.8 หมื่นล้านบาทในปี 2567 สูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยฐานะทางการเงินที่มั่นคงและการบริหารจัดการที่แม่นยำฤทธาจึงสามารถรักษา ROE และ ROA ให้อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม สะท้อนถึงประสิทธิภาพทางธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งและพร้อมรองรับการเติบโตในระยะยาว ภาพ: วรัชญ์ แพทยานันท์ และ บจ. ฤทธา, ออกแบบภาพปกโดย ธัญวดี นิรุติศาสตร์ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/america/michael-strahan-and-his-watch-collection" alt="Michael Strahan เพราะเวลาไม่เคยหยุด จากนักกีฬาสู่การสะสมนาฬิกาหรู"></a><a href="https://forbesthailand.com/people/cover-story/tanit-chearavanont-4th-wave-cp-axtra" alt="ธนิศร์ เจียรวนนท์ คลื่นลูกที่ 4 “CP Axtra” เปิดเกมรุกเร็วอี-คอมเมิร์ซผงาดเอเชีย">ธนิศร์ เจียรวนนท์ คลื่นลูกที่ 4 “CP Axtra” เปิดเกมรุกเร็วอี-คอมเมิร์ซผงาดเอเชีย</a>​ ​<a href="https://www.mebmarket.com/ebook-366034-Forbes-Thailand-May-2025" alt="​อ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2568 ในรูปแบบ e-magazine">​อ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2568 ในรูปแบบ e-magazine</a><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure><a href="https://www.mebmarket.com/ebook-366034-Forbes-Thailand-May-2025" alt="https://www.mebmarket.com/ebook-366034-Forbes-Thailand-May-2025" data-image-link="image"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/05/JqtARBAL351v8rSiQyD3.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="JqtARBAL351v8rSiQyD3.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="300px,auto" data-rotate="" data-image-link="https://www.mebmarket.com/ebook-366034-Forbes-Thailand-May-2025" origin-size="300,394" style="width: 300px; height: auto;" data-index="3"></a></figure></div>

ฤทธา แกร่งทุกมิติ สู่ New S-Curve

<h2>หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ชื่อของ “ฤทธา” ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางจากผลงานโครงการต่างๆ ที่ฤทธาเป็นผู้ดูแลการก่อสร้างนั้นแทบไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากภัยพิบัติครั้งนั้น</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เส้นทาง 37 ปีของฤทธา มีผลงานมากมายในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งอาคารของศูนย์การค้า วัด โรงพยาบาล ไปจนถึงกลุ่มอุตสาหกรรม ส่วนปัจจุบัน 3 ผู้ร่วมก่อตั้ง “ฤทธา” ได้แก่ อุทร ภูษิตกาญจนา, กมล โอภาสกิตติ และ ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ บอกว่าโครงการที่สร้างความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งให้กับฤทธา ได้แก่ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค, Dior Gold House และสนามบินสุวรรณภูมิ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โครงการมิกซ์ยูสขนาดกว่า 500,000 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่มีผู้รับเหมาหลักเพียงรายเดียว เป็นการรวมโรงแรม อาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม และห้างสรรพสินค้าไว้ในคอมเพล็กซ์เดียว สูงกว่า 300 เมตร และเป็นหนึ่งในตึกที่สูงที่สุดของประเทศ ฤทธารับมือกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งโควิด-19 วิกฤตแรงงาน วัตถุดิบขาดแคลนและต้นทุนที่ผันผวน พร้อมบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นโครงการที่ทีมงานภาคภูมิใจที่สุด สนามบินสุวรรณภูมิ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หนึ่งในโครงการพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศด้วยมูลค่านับแสนล้านบาท ฤทธาได้รับโอกาสเข้าร่วมในช่วงสำคัญของการก่อสร้างสนามบินแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นบทบาทที่สร้างความภูมิใจในฐานะผู้มีส่วนร่วมขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานของไทย Dior Gold House&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โครงการแฟล็กชิปของแบรนด์ระดับโลกที่ต้องดำเนินการก่อสร้างภายใน 5 เดือนภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวดด้านเวลา รายละเอียด และมาตรฐานงานตกแต่งระดับสากลจาก Paris ฤทธาสามารถส่งมอบงานได้ทันเวลาพร้อมคุณภาพที่ได้รับคำาชื่นชมจากแบรนด์โดยตรง ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/05/EZNR8tbg7SGGv6MUVBDY.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-index="0" data-file-name="EZNR8tbg7SGGv6MUVBDY.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> ​ ออกแบบภาพปกและกราฟิก: ธัญวดี นิรุตติศาสตร์ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/property/cloud-11-construction-is-now-80-percent-complete" alt="Cloud 11 โปรเจ็กต์จาก MQDC ขยายมูลค่าโครงการสู่ 43,000 ล้าน ก่อสร้างคืบหน้า 80% แล้ว เตรียมเปิดให้บริการ Q4 ปีนี้">Cloud 11 โปรเจ็กต์จาก MQDC ขยายมูลค่าโครงการสู่ 43,000 ล้าน ก่อสร้างคืบหน้า 80% แล้ว เตรียมเปิดให้บริการ Q4 ปีนี้</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เปิด 3 ผลงานเด่น ความภาคภูมิใจของ "ฤทธา"

&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เปิดเส้นทางกว่า 3 ทศวรรษ จากผู้รับเหมาช่วงทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท สู่การสร้างโครงการระดับประเทศ ทั้ง Dusit Central Park, สนามบินสุวรรณภูมิ และ Mega Store เกือบ 200 แห่งทั่วไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Forbes Thailand พูดคุยกับ อุทร ภูษิตกาญจนา, กมล โอภาสกิตติ และ ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ผู้ร่วมก่อตั้งฤทธา ที่ขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรม ความเร็ว การเงินที่แข็งแกร่ง และวัฒนธรรม ‘Hāto’ ที่ดูแลคนด้วยหัวใจ <div class="se-component se-video-container __se__float-none" contenteditable="false" style="width: 100%;"><figure style="width: 100%; height: 56.25%; padding-bottom: 56.25%; margin: 0px;"><iframe frameborder="0" allowfullscreen="" src="https://www.youtube.com/embed/3sx2SP2odB4" data-proportion="true" data-percentage="100%,56.25%" data-size="100%,56.25%" data-align="none" style="width: 100%; height: 100%;" data-index="0" data-file-name="3sx2SP2odB4" data-file-size="0" data-origin="100%,56.25%"></iframe></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2568 จำหน่ายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรืออ่านในรูปแบบ e-magazine ได้ที่ <a href="https://bit.ly/forbes_may25_meb" alt="MEB">MEB</a> และ <a target="_blank" href="https://bit.ly/forbes_may25_pinto" alt="PINTO">PINTO</a>​

‘ฤทธา’ ก่อสร้างหมื่นล้าน ใช้หัวใจญี่ปุ่น สร้างมาตรฐานโลก

<h2>นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2568 พบกับบุคคลบนปก 3 ผู้ร่วมก่อตั้ง “ฤทธา” แกร่งทุกมิติสู่ New S-Curve Building a New Standard for Thai Construction</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลัมน์ Cover Story พบกับ 3 ผู้ร่วมก่อตั้ง “ฤทธา” ได้แก่ อุทร ภูษิตกาญจนา, กมล โอภาสกิตติ และ ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ที่มาเปิดเผยเส้นทางความสำเร็จของฤทธา วันนี้คำขวัญที่ว่า “We Make the Impossible Possible” ไม่ใช่คำขวัญที่ฤทธาคิดขึ้นเอง แต่เป็นคำที่ลูกค้ามอบให้ หลังฤทธาสร้างผลงานเหนือความคาดหมายในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง และคำนี้กลายเป็นบทสรุปของหัวใจฤทธาอย่างแท้จริง เพราะตลอด 37 ปีที่ผ่านมา ความสำเร็จขององค์กรเกิดจากการยึดมั่นใน 3 แกนหลัก ความแข็งแกร่งทางการเงิน ความเป็นเลิศด้านวิศวกรรม และวัฒนธรรม “Hato” ที่ดูแลผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกกลุ่มด้วยหัวใจ สิ่งเหล่านี้คือพลังที่ทำให้ฤทธาฝ่าทุกวิกฤต เติบโตอย่างก้าวกระโดด และสร้างฐานะทางการเงินที่มั่นคงด้วยกำไรสะสมกว่า 5 พันล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลัมน์ Thriving 30s พบกับ กีรดิต หิรัณยศิริ Gen 3 แม่ทองสุก “ทองคำรักษ์โลก” - ราคาทองคำที่พุ่งทะยานแตะ 50,000 บาทต่อทองคำท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกจากนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ของประธานาธิบดี Donald Trump และมาตรการภาษีล่าสุดที่กำหนดเก็บไทยในอัตรา 37% กับความท้าทายของผู้ประกอบการไทย ทำให้ทองกลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (safe haven) ที่สามารถประกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/wy5v1zRmduwwwQZTRzBQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="wy5v1zRmduwwwQZTRzBQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลัมน์ The Next Tycoons พบกับ นฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ สร้างสมการใหม่ให้ GUNKUL – ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานทดแทนเปิดตัวผู้บริหารคนใหม่ พร้อมประกาศวิสัยทัศน์ว่าจะนำบริษัทเป็นพาร์ตเนอร์ด้านพลังงานสีเขียวและโครงสร้างพื้นฐานแห่งภูมิภาคเอเชีย ด้วยกลยุทธ์ต่อยอด 3 ธุรกิจหลักสร้างฐานธุรกิจใหม่ สร้างรายได้ต่อเนื่อง 3 ปีมากกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลัมน์ Strategies พบกับ พันธ์ชนะ รัตนประสิทธิ์ “หอยนางรม” รุ่น 3 พลิกเกมสู่ออนไลน์ - เมื่อ พันธ์ชนะ รัตนประสิทธิ์ ตั้งเป้าสร้างการเติบโตธุรกิจ ขยายตลาดส่งออกและฐานการบริโภคในประเทศ พลิกโฉมแบรนด์ “หอยนางรม” ด้วยกลยุทธ์ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ดึงอินฟลูเอนเซอร์ บล็อกเกอร์ และเชฟชื่อดังบอกเล่าเรื่องราวผ่านโลกออนไลน์ การก้าวสู่ทศวรรษที่ 9 หอยนางรมจึงเต็มไปด้วยเกมธุรกิจที่ตื่นตาตื่นใจด้วย KPI ที่ท้าทายสู่เป้ารายได้ 1 พันล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลัมน์ Entrepreneurs พบกับ ประภาศรี สุฉันทบุตร ปั้น HANN โรงพยาบาลแห่งลุ่มน้ำโขง - แพทย์หนุ่มจากจุฬาฯ ที่ต้องการให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดยโสธรและจังหวัดใกล้เคียงเข้าถึงการรักษาพยาบาลและบริการที่ดี เขาและภรรยาจึงจัดตั้ง “โรงพยาบาลนายแพทย์หาญ” โรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกของจังหวัดยโสธรในปี 2529&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลัมน์ 30 Under 30 พบกับ ภวินท์ ชยาวิวัฒน์กุล โปรเจกต์รักษ์โลก “Aluminum Loop” - เมื่อ 3 ปีที่แล้วทายาทรุ่น 3 วัย 28 ปีแห่งไทยเบเวอร์เรจแคน หรือ TBC ได้ริเริ่มโปรเจกต์เล็กๆ “Aluminum Loop” โครงการด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์อลูมิเนียม ด้วยเป้าหมายลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ เบื้องหลังโปรเจกต์นี้เป็นมากกว่า Net Zero เพราะไม่เพียงแต่เป็นมิติด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นมิติทางเศรษฐศาสตร์อีกด้วย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/LJe2MVmACszE5Lsiros7.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="LJe2MVmACszE5Lsiros7.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลัมน์ Small Giants พบกับ กาญจนา พงศ์พัฒนะเดชา ประกายความหวังชุบพลัง KTMS – การเบนเข็มเส้นทางพยาบาลดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลสู่การนำความเชี่ยวชาญเฉพาะทางไตเทียมเริ่มต้นธุรกิจให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมครบวงจร ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้สามารถเข้าถึงมาตรฐานด้านสุขภาพทั่วประเทศ พร้อมสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลัมน์ Power Women พบกับ จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม Grab โชว์ซูเปอร์แอปท็อปฟอร์ม – เบื้องหลังการร่วมขับเคลื่อนความสำเร็จการปลุกปั้นแบรนด์ Grab ขึ้นแท่นอันดับ 1 ด้วยประสบการณ์ทางการตลาดและอี-คอมเมิร์ซธุรกิจ FMCG ระดับโลก สร้างความเชื่อมั่นให้รับภารกิจนำทัพซูเปอร์แอปตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน พร้อมเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจเติมเต็มทุกมิติในอีโคซิสเต็ม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น คอลัมน์ Dine with the Boss พบกับ “Weng Sam Lam” นำ ROCTEC เจาะเทรนด์โซลูชัน ICT ครบวงจร รวมถึงเหล่าสตรีแห่งทำเนียบ 50 Over 50 Global ปี 2025 <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/6py7iN58oQYxVx9D8fei.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="6py7iN58oQYxVx9D8fei.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร่วมอ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจรวมถึงเรื่องราวธุรกิจอันหลากหลายเพื่อสร้าง “แรงบันดาลใจของผู้ใฝ่ความสำเร็จ” จาก Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2568 และอ่านในรูปแบบ e-magazine ได้ที่ Meb และ Pinto

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events