<h2>ตลาดทีวีเมืองไทยจะกลับมาโตอีกครั้งปีนี้ “ซัมซุง” สำรวจพบคนไทยเปลี่ยนทีวีเร็วขึ้นจาก 5-6 ปีเปลี่ยนครั้ง ลดเหลือ 4 ปี เพราะกระแสคลื่นใหม่ TV AI เตรียมส่งซีรีส์ใหม่ลงตลาด ให้ลูกค้าผ่อนได้นานถึง 60 เดือน แค่มีเงิน 300 บาทต่อเดือนเข้าถึงทีวี AI ได้สบายๆ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ชวพจน์ เทียนทอง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจภาพและเสียง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ผู้จำหน่ายและทำการตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าซัมซุงในประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดรวมสินค้าทีวีในเมืองไทยมีมูลค่าประมาณ 22,000 ล้านบาทในปี 2567 หรือ 2 ล้านเครื่อง ความต้องการทีวีโดยรวมติดลบในช่วงครึ่งปีแรกของปี และฟื้นตัวจนเติบโตได้ 2 เปอร์เซ็นต์ในครึ่งปีหลัง ทำให้มูลค่าของตลาดทีวีตลอดปี 2567 ไม่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เพราะสภาพเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของลูกค้าที่หดตัวมาระยะหนึ่งแล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปีนี้ตลาดทีวียังต้องเผชิญกับภาพรวมเศรษฐกิจทั้งในต่างประเทศ ปัญหาหนี้ครัวเรือน ทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคยังไม่ดีขึ้น แต่ชวพจน์คาดการณ์ว่า ตลาดรวมทีวีในไทยน่าจะกลับมาเติบโตได้ถึง 2 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ และบริษัทซัมซุงเองได้ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายไว้ที่ 6 เปอร์เซ็นต์ ด้วยกลยุทธ์ครบทุกมิติ โดยเฉพาะการวางทีวีซีรีย์ใหม่ๆ ด้วยเทคโนโลยี Vision AI สู่ตลาด พร้อมอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ตอบโจทย์ทุกความบันเทิง มีราคาตั้งแต่ 13,900-139,000 บาท​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/05/b1Yv2jWMzY2a1koZaxgG.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="b1Yv2jWMzY2a1koZaxgG.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"><figcaption><div>ชวพจน์ เทียนทอง</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราเชื่อมั่นว่าตลาดทีวีจะกลับมาโตในปีนี้ เพราะผลวิจัยของบริษัทพบว่าคนไทยมีพฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนไป เมื่อก่อนเปลี่ยนทีวีเครื่องใหม่ๆ ทุก 5-6 ปี เพราะเครื่องเสีย แต่ปัจจุบันลูกค้าเปลี่ยนทีวีใหม่ทุก 4 ปี และเหตุผลที่ซื้อทีวีเครื่องใหม่เร็วขึ้นคือ ต้องการทีวีที่มีซอฟต์แวร์ใหม่ สามารถเชื่อมโยงกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ในบ้านได้ หรือมีฟีเจอร์ที่ตอบสนองลูกค้าแบบ personal มากขึ้น” ชวพจน์บอก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความต้องการทีวีพรีเมียมที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้การเติบโตของทีวีพรีเมียมเซกเมนต์ในไตรมาสแรกของปีนี้เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก และคาดว่าจะเป็นเซกเมนต์ที่ช่วยผลักดันให้ตลาดทีวีในปี 2568 เติบโตได้ 2 เปอร์เซ็นต์ตามที่คาดการณ์ไว้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ชารียา เข็มทอง ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ ธุรกิจภาพและเสียงของซัมซุง กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ซัมซุงเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้ารายแรกที่แนะนำทีวี AI สู่ตลาดและจะต่อยอดนำเสนอทีวี AI อีกหลายซีรีส์ในปีนี้ พร้อมจัดเต็มฟีเจอร์ 8K AI Upscaling Pro อัปสเกลความคมชัดของคอนเทนต์ได้ถึงระดับ 8K แบบเรียลไทม์ ปรับคุณภาพเสียงได้ทันที อุปกรณ์ในบ้านใช้งานง่ายและแม่นยำ นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรม Real Quantum Dot ทำให้ทีวีของซัมซุง มีสีสดใส คมชัด ปลอดภัยจากสารแคดเมียม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ทีวี AI ของซัมซุงรุ่นใหม่ ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานในทุกมิติ อาทิ AI Customization Mode ที่ตรวจจับประเภทของคอนเทนต์ พร้อมปรับค่าภาพให้เหมาะสมกับความชอบของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ ขณะที่ Adaptive Sound Pro และ Active Voice Amplifier Pro จะช่วยปรับแต่งเสียงโดยอิงจากประเภทคอนเทนต์ที่รับชม เช่น หนัง เพลง หรือรายการทีวี และ Pet Care &amp; Baby Care ซึ่งเป็นฟีเจอร์ดูแลสัตว์เลี้ยงและเด็กเล็กผ่านเซนเซอร์ในตัวทีวี โดยวิเคราะห์เสียงเห่าหรือเสียงร้องไห้ พร้อมส่งแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ไปยังหน้าจอทีวี สมาร์ทโฟน หรือมอนิเตอร์ทันที&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับไลน์อัพ ซัมซุง ทีวี AI ที่จะวางตลาดในปีนี้ ได้แก่ Neo QLED 8K QN990F ราคาเริ่มต้น 139,990 บาท ส่วน OLED Series รุ่นใหม่ ราคาเริ่มต้น 44,990 บาท The Frame ราคาเริ่มต้น 25,990 บาท QLED Series ภาพสีสันสด คมชัดระดับ UHD พร้อมอัปเกรดระบบ AI ให้รองรับการใช้งานที่แม่นยำยิ่งขึ้น ราคาเริ่มต้น 13,990 บาท ส่วน Soundbar Q-Series ถูกออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อกับทีวี มีพลังเสียงกระหึ่มเสมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์ส่วนตัว ราคาเริ่มต้น 12,990 บาท​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/05/MPcU7nd3NunxLEw52gjC.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="MPcU7nd3NunxLEw52gjC.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากบริษัทจะขยายไลน์อัพทีวีที่มี AI รองรับเพื่อให้คนกำลังซื้อทุกระดับสามารถเข้าถึงได้แล้ว ซัมซุงยังช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของลูกค้า ด้วยมาตรการทางการเงินของซัมซุง คือให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าแบบผ่อนรายเดือนได้ด้วยเงินดาวน์ต่ำและผ่อนนานสุดถึง 24 เดือน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ลูกค้ายังซื้อสินค้าซัมซุงและผ่อนจ่ายกับพันธมิตรของซัมซุง อาทิ อิออน เฟิร์สช้อย ได้สูงสุดถึง 60 เดือน ช่วยเพิ่มกำลังซื้อในภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ในขณะนี้ลูกค้าที่มีเงินตั้งแต่ 300 บาทต่อเดือน สามารถเข้าถึงทีวีซัมซุงที่รองรับ AI ได้แล้วทุกรุ่นวันนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ซัมซุงไม่ได้ทำให้ทีวีเป็นแค่ทีวี เราพัฒนานวัตกรรมตลอด เพื่อผลิตสินค้าของเราให้แตกต่างจากคู่แข่ง นอกจากทีวีจะเป็นศูนย์กลางที่จะเชื่อมโยงกับสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ของซัมซุง อาทิ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น และมือถือแล้ว ยังมีฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้ใช้ปลอดภัยจากการใช้งานด้วย” ชารียาบอก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ชารียากล่าวว่า ตลาดทีวีไม่ได้หายไปไหน เพราะวันนี้ลูกค้ายังดูทีวีกันอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนพฤติกรรมไปดูผ่านแอปพลิเคชั่นบนทีวีมากขึ้น ตลาดใหญ่ของทีวียังเป็นตลาด replacement และตลาดทีวีขนาด 55 นิ้วยังเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ด้วยแผนการตลาดของซัมซุง Vision AI นอกจากยอดขายจะเติบโตได้ 6% แล้ว บริษัทคาดว่าส่วนแบ่งการตลาดทีวีซัมซุงจะเพิ่มอีก 1.8-2 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ ภาพ: ซัมซุง ​​​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/it/lg-launch-lg-signature-oled-m-4" alt="เปิดตัวทีวีเครื่องละล้าน! LG SIGNATURE OLED M4 ทีวีไร้สายเชื่อมต่อ เครื่องแรกของโลก">เปิดตัวทีวีเครื่องละล้าน! LG SIGNATURE OLED M4 ทีวีไร้สายเชื่อมต่อ เครื่องแรกของโลก</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

คนไทยเปลี่ยนทีวีเร็วขึ้นเป็นทุก 4 ปี ‘ซัมซุง’ เตรียมส่งซีรีส์ใหม่ลงตลาด ให้ลูกค้าผ่อนได้นาน 60 เดือน

<h2>หลายๆ ประเทศมีเอกลักษณ์พิเศษที่สร้างความได้เปรียบในการพัฒนาเศรษฐกิจ สำหรับประเทศไทย เอกลักษณ์ของประเทศหลายด้านนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง ทว่าบางด้านจะเป็นเพียงความได้เปรียบชั่วคราว อาทิ ความสามารถในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงในภาคอุตสาหกรรมจากต่างประเทศ ซึ่งเมื่อประเทศมีรายได้และต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น ประเทศอื่นก็อาจจะชิงความได้เปรียบทางด้านนี้ไป</h2>
ภายในกลุ่มอาเซียนปัจจุบันเวียดนามเป็นประเทศที่ดึงดูดการลงทุนโดยตรงได้มากที่สุด โดยมีการลงทุนโดยตรงสุทธิประมาณร้อยละ 4.8 ต่อปีของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ระหว่างปี 2554-2559 เทียบกับการลงทุนโดยตรงสุทธิของไทยที่ติดลบร้อยละ 0.4 ต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน 

จากข้อมูลของ UN Comtrade การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของไทยมีแนวโน้มคงที่อยู่ในระดับ 2.9-3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ มาตั้งแต่ปี 2553 ส่วนเวียดนามได้แซงหน้าไทยไปตั้งแต่ปี 2556 และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนคาดว่าได้แซงหน้ามาเลเซียเป็นที่ 1 ของอาเซียนในปี 2560

การส่งออกของเวียดนามที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก มาจากสินค้ากลุ่มเดียว และบริษัทเดียวเป็นหลัก คือการผลิตและส่งออกโทรศัพท์มือถือของบริษัท ซัมซุง ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 5.4 หมื่นล้านเหรียญในปี 2560 คิดเป็นเกือบสองเท่าตัวของการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของไทยทั้งหมด

ในส่วนจุดแข็งของไทย เรายังทิ้งห่างประเทศอื่นๆ ในอาเซียนสำหรับการผลิตและการส่งออกสินค้าในกลุ่มยานยนต์ หลายค่ายรถยนต์ใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนเพื่อส่งออกไปสู่ประเทศอื่นในภูมิภาคและสู่ตลาดโลก 

อย่างไรก็ตาม อินโดนีเซียมีประชากรมากกว่าไทยประมาณ 3.8 เท่า และเศรษฐกิจของอินโดนีเซียก็ขยายตัวเร็วกว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ ดังนั้นภายในเวลาไม่นานตลาดรถยนต์ในอินโดนีเซียก็จะใหญ่กว่าในไทยหลายเท่าตัว ถ้าถึงจุดนั้น ไทยจะยังเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในอาเซียนอยู่หรือไม่

การดึงดูดการลงทุนโดยตรงในภาคอุตสาหกรรมจากต่างชาติไม่ใช่อะไรที่ไทยจะกำหนดได้โดยลำพัง เพราะขึ้นอยู่กับยุทธศาสตร์การแข่งขันของบริษัทข้ามชาติต่างๆ และขึ้นกับว่าบริษัทของประเทศใดจะสามารถผลิตสินค้ายอดนิยมในอนาคต ถ้าบริษัทญี่ปุ่นครองตลาดได้ การกำหนดฐานการผลิตและการลงทุนโดยตรงไปสู่ประเทศต่างๆ ก็จะเป็นรูปแบบหนึ่ง ถ้าเป็นบริษัทเกาหลีใต้ก็อีกรูปแบบหนึ่ง และถ้าเป็นบริษัทจีนก็จะแตกต่างไปอีก

ถ้าหันมาดูภาคเศรษฐกิจที่ประเทศไทยน่าจะมีความได้เปรียบอย่างยั่งยืนในระยะยาว ภาคเกษตรและอาหาร และภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวก็น่าจะอยู่ในแนวหน้า (ยกเว้นผลที่คาดไม่ถึงจากภาวะโลกร้อน)เพราะแม้ว่าไทยจะพัฒนาไปสู่ประเทศที่มีระดับรายได้สูงในอนาคต สาขาเกษตรและอาหารก็สามารถเป็นสาขาหลักสาขาหนึ่งของเศรษฐกิจไทยได้ ไม่แตกต่างอะไรกับประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศที่ยังอยู่ในแนวหน้าทางด้านการเกษตรและอาหาร เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฯลฯ 

สิ่งที่ต้องเน้นคือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มคุณภาพและมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการตลาดเพื่อเพิ่มค่านิยมและราคาให้แก่สินค้าไทยในตลาดโลก

ด้านการท่องเที่ยวนั้น ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจาก 14.1 ล้านคนในปี 2552 มาเป็น 35.4 ล้านคนในปี 2560 รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.0 ของ GDP มาเป็นร้อยละ 13.6 และมีมูลค่าสูงกว่าทุกประเทศในภูมิภาคนี้ 

การที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมมาประเทศไทยคงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่เสริมกัน ไม่ว่าจะเป็นเอกลักษณ์ทางศิลปวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย เอกลักษณ์ของอาหารไทย ความเป็นมิตรของคนไทยกับคนต่างชาติ โดยเฉพาะการที่ไทยไม่เคยเป็นอาณานิคมของประเทศมหาอำนาจใด และความเป็นสังคมสายกลาง มีความอะลุ่มอล่วย ไม่แข็งกร้าว ซึ่งถ้าไทยสามารถดูแลให้เอกลักษณ์และความได้เปรียบเหล่านี้อยู่ได้ตลอดไป รวมถึงดูแลความยั่งยืนของสถานที่ท่องเที่ยว ธุรกิจท่องเที่ยวจะไปได้อีกไกล และเป็นสาขานำในการพัฒนาเศรษฐกิจต่อไป

ในบางช่วงที่ผ่านมา ปัญหาสังคมแยกสี และปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ท้าทายการเป็นสังคมสายกลาง รวมทั้งสังคมรอยยิ้มของไทย ในช่วงต่อไปประเทศไทยต้องรักษาเอกลักษณ์ทางด้านสังคมสายกลางไว้ให้ได้ มิฉะนั้นจุดเด่นของสังคมไทยจะหมดไป และจะกระทบการพัฒนาประเทศในวงกว้าง

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/8eea4a885dd40a78761f08f839cdd606.jpg" alt="" width="250" height="291" /><figcaption> ดร.ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและนักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย</figcaption></figure>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events