<h2>เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 หลักสูตรปริญญาโทด้านการจัดการแบรนด์และการตลาด ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้จัดการออนไลน์ ได้จัดงานประกาศผลมูลค่าแบรนด์องค์กรแห่งปี ASEAN and Thailand’s Top Corporate Brands 2024 ตลอดจนมอบรางวัลสุดยอดแบรนด์องค์กรและรางวัลหอเกียรติยศ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นับเป็นปีที่ 15 ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการเผยแพร่ผลงานวิจัยการประเมินมูลค่าแบรนด์องค์กร โดยคณะผู้วิจัยได้ใช้เครื่องมือ CBS Valuation เพื่อวัดมูลค่าแบรนด์องค์กรต่างๆ ซึ่งแม้ว่าในปี 2567 สภาพแวดล้อมด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และเทคโนโลยีได้มีการเปลี่ยนแปลงและสร้างผลกระทบในวงกว้าง แต่คณะผู้วิจัยได้ทำการประเมินมูลค่าแบรนด์องค์กรของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ของไทยและของประเทศใน ASEAN 6 ประเทศ&nbsp; &nbsp; คณะผู้วิจัยได้นำตัวเลขจากงบการเงินของบริษัทที่ผ่านเกณฑ์มาคำนวณมูลค่า โดยสูตร CBS Valuation ที่พัฒนาขึ้นจากการบูรณาการแนวคิดสามด้าน คือ การตลาด การเงิน และการบัญชี และใช้ค่าเฉลี่ย 3 ปีของตัวเลขทางการเงินของบริษัทนั้นในแต่ละหมวดธุรกิจ ทำให้ได้ผลลัพธ์มูลค่าแบรนด์องค์กรเป็นตัวเลขทางการเงิน&nbsp; &nbsp; สำหรับปี 2567 มีบริษัทที่ได้รับ รางวัลหอเกียรติยศ Thailand’s Top Corporate Brand Hall of Fame 2024 ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับบริษัทที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดติดต่อกัน 5 ปี 1 บริษัท คือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ Thailand’s Top Corporate Brands 2024&nbsp;หรือ&nbsp;บริษัทที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุด&nbsp;มีบริษัทที่ได้รับรางวัลจำนวน 15 บริษัท ได้แก่​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/Gi5Ro3V6zcQVxdPMkAXc.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Gi5Ro3V6zcQVxdPMkAXc.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="2000,2500" style="width: 720px; height: auto;" data-index="0"></figure></div> &nbsp; &nbsp; ในส่วนของ&nbsp;ASEAN’s Top Corporate Brands 2024 หรือ รางวัลสุดยอดแบรนด์องค์กรของประเทศในอาเซียนประจำปี 2567 มีทั้งหมด 6 บริษัท จาก 6 ประเทศ ดังนี้&nbsp; &nbsp; 1. Pt Bayan Resources Tbk จากอินโดนีเซีย มูลค่าแบรนด์ 31,445 ล้านเหรียญสหรัฐฯ&nbsp; &nbsp; 2. CelcomDigi จากมาเลเซีย มูลค่าแบรนด์ 10,401&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐฯ&nbsp; &nbsp; 3. SM Investments Corporation จากฟิลิปปินส์&nbsp;มูลค่าแบรนด์ 11,559&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐฯ&nbsp; &nbsp; 4. DBS Group Holdings&nbsp;จากสิงคโปร์&nbsp;มูลค่าแบรนด์ 24,725&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐฯ&nbsp; &nbsp; 5. Delta Electronics (Thailand) Public Company Limited จากไทย มูลค่าแบรนด์ 20,294&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐฯ&nbsp; &nbsp; 6. Joint Stock Commercial Bank for Foreign Trade of Vietnam&nbsp;จากเวียดนาม&nbsp;มูลค่าแบรนด์ 10,799&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐฯ&nbsp; &nbsp; โดยบริษัทที่ได้รับรางวัล&nbsp;ASEAN’s Top Corporate Brand Hall of Fame 2024 หรือ รางวัลหอเกียรติยศแห่งอาเซียน ประจำปี 2567 หลังเคยได้รับรางวัลมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดติดต่อกันมาแล้วถึง 5 ปี คือ PT Bank Central Asia Tbk จากอินโดนีเซีย แหล่งที่มา:&nbsp;<a href="https://www.chula.ac.th/news/215352/" alt="จุฬาฯ มอบรางวัล ASEAN and Thailand’s Top Corporate Brands ปีที่ 15 แก่องค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดประจำปี 2567">จุฬาฯ มอบรางวัล ASEAN and Thailand’s Top Corporate Brands ปีที่ 15 แก่องค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดประจำปี 2567</a>​ภาพ:&nbsp;จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอินโฟกราฟิก: Forbes Thailand เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/kbank-plan-2568-feb-2025" alt="กสิกรไทยเปิดแผนธุรกิจปี 2568 ตั้งเป้าสินเชื่อทรงตัว-คุมหนี้เสียต่ำ 3.25% เร่งใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพ">กสิกรไทยเปิดแผนธุรกิจปี 2568 ตั้งเป้าสินเชื่อทรงตัว-คุมหนี้เสียต่ำ 3.25% เร่งใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

15 บริษัท ที่มีมูลค่าแบรนด์มากที่สุดในไทย ประจำปี 2567 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

<h2>ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยสถิติการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ปี 2566 จำนวน 583 บริษัท พบว่า มีการจ่ายเงินปันผลรวม 842 ครั้ง เป็นการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมกว่า 593,098 ล้านบาท</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในช่วงเทศกาลจ่ายเงินปันผล คือ ในช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม 2566 บริษัทจดทะเบียนจ่ายเงินปันผลรวม 530 ครั้ง หรือคิดเป็น 62.9% ของจำนวนการจ่ายเงินปันผลทั้งหมดในปี 2566 โดยเดือนพฤษภาคม 2566 มีการจ่ายเงินปันผลมากที่สุดทั้งจากจำนวนครั้งและมูลค่าเงินปันผลจ่าย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หมวดธุรกิจที่มีการจ่ายเงินปันผลมูลค่าสูงสุด 3 อันดับแรก ในปี 2566 ได้แก่ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดธนาคาร และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยบริษัทจดทะเบียนในหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค (Energy and utilities sector) จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นด้วยมูลค่ามากที่สุดมีมูลค่ารวมกว่า 137,737 ล้านบาท &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ หากพิจารณาความสามารถในการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนจากผลประกอบการ ประจำปี 2566 พบว่า บริษัทจดทะเบียนไทย 823 บริษัท ที่รายงานผลประกอบการ มีกำไรสุทธิรวมกว่า 946,605 ล้านบาท ซึ่งกำไรสุทธิรวมลดลง 2.6% จากปีก่อน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม 76.0% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด (625 บริษัท) ยังคงมีกำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจในปี 2566 แต่บริษัทเหล่านี้จะมีการพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายการจ่ายเงินปันผล และมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของแต่ละบริษัท ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/mMCW8YC9n8sYyUT8261h.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="mMCW8YC9n8sYyUT8261h.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> <a href="https://www.freepik.com/free-photo/businessman-showing-business-evolution-with-graphic_928694.htm#fromView=search&amp;page=1&amp;position=34&amp;uuid=6a828b7e-073d-4b7b-b521-5b0ac3dab8ef">Image by creativeart on Freepik</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/fed-meeting-causing-chaos-in-money-and-capital-market-around-the-world" alt="จับตาประชุมเฟด 19-20 มี.ค. ป่วนตลาดเงิน-ทุนทั่วโลก">จับตาประชุมเฟด 19-20 มี.ค. ป่วนตลาดเงิน-ทุนทั่วโลก</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ปี 66 บริษัทในตลาดหุ้นไทย จ่ายปันผลกว่า 5.9 แสนล้านบาท กลุ่มพลังงาน ธนาคาร ไอทีจ่ายสูงสุด

<h2>ผลการศึกษาของซิสโก้ชี้ว่า องค์กรในไทยเพียง 20% มีความพร้อมในการปรับใช้และใช้ประโยชน์จาก AI โดย 74% เป็นกังวลอย่างมากเกี่ยวกับผลกระทบต่อธุรกิจหากไม่เตรียมพร้อมในอีก 12 เดือนข้างหน้าและพบว่า องค์กรเกือบทั้งหมดในไทย (99%) ระบุว่าความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับใช้เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้เพิ่มสูงขึ้นช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา</h2> &nbsp; &nbsp; การศึกษาพบว่ายังมีช่องว่างที่สำคัญใน 6 เสาหลักของธุรกิจ ได้แก่ กลยุทธ์ โครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูล การกำกับดูแล บุคลากร และวัฒนธรรมองค์กร โดยบริษัท 80% กล่าวว่า พวกเขายังไม่พร้อมเต็มที่ในการบูรณาการ AI เข้ากับธุรกิจของตน ซึ่งบริษัทต่างๆ กำลังแข่งกับเวลา โดย 74% กล่าวว่า พวกเขามีเวลาสูงสุดแค่ 1 ปีในการปรับใช้กลยุทธ์ AI มิฉะนั้นจะส่งผลเสียต่อธุรกิจ&nbsp; &nbsp;&nbsp;ทั้งนี้มีเพียง 20% ขององค์กรในประเทศไทยเท่านั้นที่มีความพร้อมเต็มที่ในการปรับใช้และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ตามรายงานฉบับแรกเกี่ยวกับดัชนีความพร้อมด้าน AI (AI Readiness Index) ของซิสโก้ ซึ่งได้ตีพิมพ์เผยแพร่ดัชนีดังกล่าวที่เป็นการสำรวจข้อมูลจากบริษัททั่วโลกมากกว่า 8,000 แห่งที่ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบสนองต่อการปรับใช้ AI อย่างรวดเร็ว นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจและชีวิตประจำวันเกือบทุกแง่มุม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รายงานดังกล่าวเน้นถึงความพร้อมของบริษัทต่างๆ ในการปรับใช้และใช้ประโยชน์จาก AI โดยแสดงให้เห็น “ช่องว่างที่สำคัญ” ในเสาหลักของธุรกิจและโครงสร้างพื้นฐานซึ่งจะก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างร้ายแรงในอนาคตอันใกล้นี้ โดยผลการศึกษาล่าสุดชี้ว่า ถึงแม้การปรับใช้ AI จะมีความคืบหน้าอย่างช้าๆ มานานหลายทศวรรษ แต่ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี Generative AI ประกอบกับการเปิดให้ใช้งานอย่างกว้างขวาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับผู้ใช้ทั่วไปในช่วงปีที่ผ่านมาส่งผลให้มีความสนใจเพิ่มมากขึ้น รวมถึงความท้าทาย ความเปลี่ยนแปลง และความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่เกิดจากเทคโนโลยีนี้ AI กระทบธุรกิจ&nbsp; &nbsp;&nbsp;ขณะที่ 63% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า AI จะมีผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจของพวกเขา และอาจก่อให้เกิดประเด็นใหม่ๆ เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและความปลอดภัย รายงานดัชนีดังกล่าวพบว่า บริษัทต่างๆ เผชิญกับความท้าทายมากที่สุดเมื่อใช้ประโยชน์จาก AI ควบคู่ไปกับข้อมูลของพวกเขา ที่จริงแล้วผู้ตอบแบบสอบถาม 75% ยอมรับว่าสาเหตุเป็นเพราะข้อมูลถูกจัดเก็บอย่างกระจัดกระจายไว้ในระบบต่างๆ ทั่วทั้งองค์กร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รายงานดัชนีดังกล่าวเปิดเผยว่า บริษัทต่างๆ ในไทยกำลังใช้มาตรการเชิงรุกในหลายด้านเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่มุ่งเน้น AI เป็นหลัก เมื่อพูดถึงการกำหนดกลยุทธ์ด้าน AI องค์กร 97% มีกลยุทธ์ด้าน AI ที่แข็งแกร่งอยู่แล้วหรืออยู่ระหว่างการพัฒนา องค์กรมากกว่า 8 ใน 10 (81%) ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Pacesetters (มีความพร้อมอย่างเต็มที่) หรือ Chasers (มีความพร้อมปานกลาง) โดยมีเพียง 1% เท่านั้นที่จัดอยู่ในกลุ่ม Laggards (ไม่ได้เตรียมพร้อม)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นับเป็นการบ่งบอกว่าผู้บริหารระดับสูงและผู้บริหารฝ่ายไอทีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบทุกคน (99%) กล่าวว่า ความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับใช้เทคโนโลยี AI ในองค์กรของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาโดยมีการรายงานว่า “โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์” เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการปรับใช้ AI&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่บริษัทต่างๆ เร่งการปรับใช้โซลูชัน AI ก็จะต้องมีการประเมินว่าควรจะลงทุนในส่วนใดบ้างเพื่อให้แน่ใจว่าโครงสร้างพื้นฐานของพวกเขาจะสามารถรองรับความต้องการของเวิร์กโหลด AI ได้ดีที่สุด นอกจากนี้ องค์กรยังต้องสามารถตรวจสอบว่า AI ถูกใช้งานอย่างไร เพื่อให้แน่ใจเกี่ยวกับROI, ความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรับผิดชอบ ข้อมูลที่สำคัญที่สุด ได้แก่ ความเร่งด่วนสูงสุด 1 ปีก่อนที่บริษัทต่างๆ จะเริ่มเห็นผลกระทบเชิงลบต่อธุรกิจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย 74% ของผู้ตอบแบบสอบถามในไทยเชื่อว่าพวกเขามีเวลาสูงสุดไม่เกิน 1 ปีในการปรับใช้กลยุทธ์ AI ก่อนที่องค์กรของพวกเขาจะเริ่มได้รับผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจ เร่งปรับกลยุทธ์&nbsp; &nbsp;&nbsp;โดยกลยุทธ์แรกคือการกำหนดกลยุทธ์ และองค์กรต่างๆ ดำเนินการได้ด้วยดี โดย 81% ขององค์กรในไทยจัดอยู่ในกลุ่ม Pacesetters หรือ Chasers โดยมีเพียง 1% เท่านั้นที่จัดอยู่ในกลุ่ม Laggards&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้97% ขององค์กรมีกลยุทธ์ AI ที่ชัดเจนอยู่แล้วหรืออยู่ระหว่างการพัฒนาซึ่งนับเป็นสัญญาณเชิงบวก ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เครือข่ายยังไม่มีความพร้อมที่จะรองรับเวิร์กโหลด AI โดย 95% ขององค์กรธุรกิจทั่วโลกตระหนักดีว่า AI จะก่อให้เกิดเวิร์กโหลดเพิ่มมากขึ้นต่อโครงสร้างพื้นฐาน แต่ในประเทศไทยมีองค์กรเพียง 29% เท่านั้นที่มองว่าโครงสร้างพื้นฐานของตนสามารถปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ (56%) ระบุว่า พวกเขามีความสามารถในการปรับขนาดอย่างจำกัดหรือไม่มีเลยเมื่อต้องรับมือกับปัญหาหรือความท้าทายด้าน AI ใหม่ๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดังนั้น เพื่อรองรับความต้องการด้านพลังงานและการประมวลผลที่เพิ่มสูงขึ้นของ AI บริษัทมากกว่า 2 ใน 3 (71%) จะต้องใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์มากขึ้นเพื่อรองรับเวิร์กโหลด AI ในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้อมูลเป็นปัจจัยสำคัญ องค์กรไม่สามารถละเลยความสำคัญของการมีข้อมูลที่พร้อมสำหรับ AI แม้ว่าข้อมูลจะทำหน้าที่เป็นแกนหลักที่สำคัญสำหรับการดำเนินการของ AI แต่กลับเป็นส่วนที่มีความพร้อมน้อยที่สุด โดยมีจำนวน Laggards มากที่สุด (10%) เมื่อเทียบกับเสาหลักอื่นๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ 75% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดระบุว่า ข้อมูลต่างๆ ถูกแยกส่วนหรือกระจัดกระจายอยู่ในองค์กรของตน ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาท้าทายที่สำคัญ เพราะความยุ่งยากซับซ้อนในการบูรณาการข้อมูลที่อยู่ในระบบต่างๆ และการทำให้ข้อมูลดังกล่าวพร้อมใช้งานสำหรับแอปพลิเคชัน AI ด้านบุคลากร ความต้องการทักษะด้าน AI เผยให้เห็นถึงช่องว่างหรือความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลในยุคใหม่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คณะกรรมการ (93%) และผู้บริหาร (91%) มีแนวโน้มที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจาก AI มากที่สุด โดยมีการตอบรับในระดับสูงหรือปานกลาง อย่างไรก็ตามยังมีงานที่ต้องทำอีกมากเพื่อดึงดูดผู้บริหารระดับกลาง โดย 19% ยอมรับ AI อย่างมีข้อจำกัดหรือไม่ยอมรับเลย และในส่วนของพนักงานองค์กรเกือบ 1 ใน 5 (22%) รายงานว่า พนักงานไม่ค่อยเต็มใจที่จะปรับใช้ AI หรือต่อต้านการใช้ AI&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วัฒนธรรมองค์กรเป็นอีกเหตุผลสำคัญ ซึ่งมีการเตรียมการน้อยมาก แต่มีแรงจูงใจสูงในการให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เสาหลักนี้มีจำนวน Pacesetters ต่ำที่สุด (13%) เมื่อเทียบกับหมวดหมู่อื่นๆ โดยส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากข้อเท็จจริงที่ว่า 3.4% ของบริษัทยังไม่ได้จัดทำแผนการจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management Plans) และสำหรับบริษัทที่ทำแผนไว้แล้ว 76% ยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้บริหารระดับสูงเปิดรับการเปลี่ยนแปลงด้าน AI ภายในองค์กรมากที่สุด และจะต้องเป็นผู้นำในการจัดทำแผนงานที่ครอบคลุมและมีการสื่อสารอย่างชัดเจนไปยังผู้บริหารระดับกลางและพนักงานที่มีอัตราการยอมรับ AI ค่อนข้างต่ำ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/people/the-next-tycoons/sakol-tangkoskul-scl" alt="สกล ตั้งก่อสกุล ปรับสปีด SCL ฝ่าความเร็วรถ EV">สกล ตั้งก่อสกุล ปรับสปีด SCL ฝ่าความเร็วรถ EV</a>​ ​<a target="_blank" href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/3109395a-7159-4b09-84e0-4539ed083c8c" alt="คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ในรูปแบบ e-magazine">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ในรูปแบบ e-magazine</a><div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure><a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/3109395a-7159-4b09-84e0-4539ed083c8c" alt="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/3109395a-7159-4b09-84e0-4539ed083c8c" data-image-link="image"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/UPkPcBvgR1JutLtwR7qQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="UPkPcBvgR1JutLtwR7qQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="300px,auto" data-rotate="" origin-size="305,400" data-image-link="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/3109395a-7159-4b09-84e0-4539ed083c8c" style="width: 300px; height: auto;" data-index="0"></a></figure></div>

ช่องว่างด้านความพร้อมของ AI ในบริษัทไทย

<h2 class="p1">จากการจัดอันดับ 200 Best Over A Billion หรือทำเนียบบริษัทจดทะเบียนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีผลประกอบการระดับสูง และมีรายได้ตั้งแต่ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขึ้นไป</h2>
โดยในปีนี้มี 14 บริษัทไทย เข้าสู่ทำเนียบ ดังนี้
&nbsp;
ธนาคารกรุงเทพ - บริการทางการเงิน
<img class="alignnone size-full wp-image-25047" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/bbl.jpg" alt="" width="480" height="320" />
ยอดขาย 5.2 พันล้านเหรียญ
รายได้สุทธิ 1,094 ล้านเหรียญ
มูลค่าในตลาด 10,626 ล้านเหรียญ
&nbsp;
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา - บริการทางการเงิน
<img class="alignnone size-full wp-image-25061" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/krungsri02.jpg" alt="" width="480" height="320" />
ยอดขาย 4.4 พันล้านเหรียญ
รายได้สุทธิ 768 ล้านเหรียญ
มูลค่าในตลาด 8,834 ล้านเหรียญ
&nbsp;
เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ - อาหาร
<img class="alignnone wp-image-25048" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/bjc.jpg" alt="" width="480" height="320" />
ยอดขาย 4.8 พันล้านเหรียญ
รายได้สุทธิ 206 ล้านเหรียญ
มูลค่าในตลาด 6,598 ล้านเหรียญ
&nbsp;
บีทีเอส กรุ๊ป - คมนาคม
<img class="alignnone size-full wp-image-25063" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/btsgroup.jpg" alt="" width="480" height="320" />
ยอดขาย 5.2 พันล้านเหรียญ
รายได้สุทธิ 89 ล้านเหรียญ
มูลค่าในตลาด 5,176 ล้านเหรียญ
&nbsp;
เซ็นทรัลพัฒนา - อสังหาริมทรัพย์
<img class="alignnone size-full wp-image-25052" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/cpn.jpg" alt="" width="480" height="320" />
ยอดขาย 1.0 พันล้านเหรียญ
รายได้สุทธิ 347 ล้านเหรียญ
มูลค่าในตลาด 10,051 ล้านเหรียญ
&nbsp;
เจริญโภคภัณฑ์ - อาหาร
<img class="alignnone size-full wp-image-25049" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/cp.jpg" alt="" width="480" height="320" />
ยอดขาย 16.8 พันล้านเหรียญ
รายได้สุทธิ 481 ล้านเหรียญ
มูลค่าในตลาด 7,616 ล้านเหรียญ
&nbsp;
โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ - ค้าปลีก
<img class="alignnone size-full wp-image-25050" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/homepro.jpg" alt="" width="480" height="320" />
ยอดขาย 1.9 พันล้านเหรียญ
รายได้สุทธิ 174 ล้านเหรียญ
มูลค่าในตลาด 7,299 ล้านเหรียญ
&nbsp;
อินโดรามา เวนเจอร์ส - เคมีภัณฑ์
<img class="alignnone size-full wp-image-25053" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/ivl.jpg" alt="" width="480" height="320" />
ยอดขาย 10.7 พันล้านเหรียญ
รายได้สุทธิ 819 ล้านเหรียญ
มูลค่าในตลาด 6,971 ล้านเหรียญ
&nbsp;
ธนาคารกสิกรไทย - บริการทางการเงิน
<img class="alignnone size-full wp-image-25057" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/kbamk.jpg" alt="" width="480" height="320" />
ยอดขาย 6.0 พันล้านเหรียญ
รายได้สุทธิ 1,190 ล้านเหรียญ
มูลค่าในตลาด 13,011 ล้านเหรียญ
&nbsp;
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ - อสังหาริมทรัพย์
<img class="alignnone size-full wp-image-25054" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/lah.jpg" alt="" width="480" height="320" />
ยอดขาย 1.1 พันล้านเหรียญ
รายได้สุทธิ 324 ล้านเหรียญ
มูลค่าในตลาด 4,344 ล้านเหรียญ
&nbsp;
พีทีจี เอ็นเนอยี - ค้าปลีก
<img class="alignnone size-full wp-image-25055" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/ptg.jpg" alt="" width="480" height="320" />
ยอดขาย 3.3 พันล้านเหรียญ
รายได้สุทธิ 19 ล้านเหรียญ
มูลค่าในตลาด 1,062 ล้านเหรียญ
&nbsp;
สยามแม็คโคร - ค้าปลีก
<img class="alignnone size-full wp-image-25058" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/makro.jpg" alt="" width="480" height="320" />
ยอดขาย 5.9 พันล้านเหรียญ
รายได้สุทธิ 184 ล้านเหรียญ
มูลค่าในตลาด 5,842 ล้านเหรียญ
&nbsp;
ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป - อาหาร
<img class="alignnone size-full wp-image-25059" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/thaiunion.jpg" alt="" width="480" height="320" />
ยอดขาย 4.1 พันล้านเหรียญ
รายได้สุทธิ 101 ล้านเหรียญ
มูลค่าในตลาด 2,896 ล้านเหรียญ
&nbsp;
ทรู คอร์ปอเรชั่น - โทรคมนาคม
<img class="alignnone size-full wp-image-25060" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/true.jpg" alt="" width="480" height="320" />
ยอดขาย 5.0 พันล้านเหรียญ
รายได้สุทธิ 218 ล้านเหรียญ
มูลค่าในตลาด 6,823 ล้านเหรียญ
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/world/asia/best-over-a-billion-8-%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%a9%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%99%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b9%83%e0%b8%88-%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9%89.html">Best Over A Billion: 8 บริษัทน่าสนใจ รายได้มากกว่าพันล้านเหรียญแห่งเอเชีย 2019</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

<a href="https://bit.ly/2PN8dcx">คลิกอ่านฉบับเต็ม ทำเนียบ 200 Best Over a Billion ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2562 ได้ในรูปแบบ e-Magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-23540" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/11/COVER-78-NOVEMBER.jpg" alt="" width="300" height="393" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events