<h2>SABINA มั่นใจแรงส่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ผนวกกับฤดูขายในช่วงปลายปี ผลักดันให้ภาพรวมการจับจ่ายใช้สอยไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ มีสัญญาณดีขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมเดินหน้าอัดแคมเปญต้อนรับไฮซีซั่น ที่มีมหกรรมขาย 11.11 รออยู่ ควบคู่ไปกับการเปิดตัวสินค้าใหม่ให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย มั่นใจรักษาความสามารถในการทำกำไรได้ตามเป้า </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดวงดาว&nbsp;มหะนาวานนท์&nbsp;ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า SABINA ประเมินสถานการณ์การจับจ่ายใช้สอยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยเห็นสัญญาณการบริโภคที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากในช่วงปลายปี นอกจากจะเป็นช่วงฤดูขายหรือไฮซีซั่นแล้ว ในปีนี้เศรษฐกิจภายในประเทศยังได้รับอานิงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นโครงการคนละครึ่งพลัส บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงการกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยการลดหย่อนภาษี ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจราว 1 แสนล้านบาท ที่จะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเติบโตได้ในระดับเกิน 2%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“แม้ว่า SABINA อาจจะไม่ได้รับผลบวกโดยตรงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบนี้ ไม่เหมือนกับโครงการช้อปดีมีคืน หรืออีซี่ อี-รีซีท (Easy E-Receipt) ที่เราได้รับผลดีโดยตรง แต่มาตรการที่รัฐทยอยประกาศและดำเนินการนั้น เป็นการสร้างการหมุนเวียนของเงินในระบบ ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศให้ประชาชนมีความมั่นใจ และกระตุ้นอารมณ์อยากจับจ่ายใช้สอย ซึ่งเชื่อว่า SABINA จะเป็นหนึ่งในใจที่ผู้บริโภคนึกถึง ด้วยความหลากหลายของสินค้า และการทำตลาดที่มีสีสัน ทำให้เรามั่นใจว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ภาพรวมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคจะดีขึ้นอย่างแน่นอน” ดวงดาวกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะเดียวกัน SABINA ยังเดินหน้าตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา SABINA ได้เปิดตัวและทำตลาดสินค้าไฮไลท์ที่เคยประสบความสำเร็จอย่างงดงามในปี 2566 และ 2567 และกลายเป็นสินค้า “ขายดี” ตลอดกาล นั่นคือ “ซาบีน่า บราเลส” (SABINA BRALESS) ซึ่งในปีนี้ ได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ เพื่อเพิ่มความสบายในการสวมใส่มากขึ้น กับบราไร้โครงรุ่นใหม่ “NEW SABINA BRALESS” พร้อมทั้งเปิดตัวแคมเปญ “SABINA BRALESS สบายอก ราคาเบา” ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีตามคาด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ SABINA ยังนำเสนอสินค้าใหม่ที่มีความหลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกวัย และตอกย้ำความเป็นมากกว่าชุดชั้นใน ด้วยการขยายไลน์สินค้าไปสู่เอาท์เทอร์แวร์ ทั้งชุดลำลอง ชุดนอน รวมถึงชุดว่ายน้ำ พร้อมๆ ไปกับการคอลแลบกับพันธมิตรที่เป็นแบรนด์ไทย ในการผสมผสานความร่วมมือเพื่อนำเสนอสินค้ารูปแบบใหม่ ๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยล่าสุด SABINA ได้ผนึกความร่วมมือกับ PIPATCHARA แบรนด์แฟชั่นรักษ์โลกที่สร้างชื่อเสียงจากฝีมือคนไทย เปิดตัวคอลเลกชั่น PIPATCHARA x SABINA ด้วยการนำอวนประมงที่ไม่ใช้แล้วกลับมาสร้างคุณค่าใหม่ ให้กลายเป็นงานแฟชั่นคราฟต์ดีไซน์รักษ์โลก ด้วยการผลิตเป็น Aqua ซึ่งเป็น Infinitude รูปแบบใหม่ที่ดีไซน์เหมือนตัวต่อหมากเก็บ นำมาใช้กับงานดีไซน์ในคอลเลคชั่นความร่วมมือสุดพิเศษนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผลิตภัณฑ์ในคอลเลกชั่นนี้ถ่ายทอดแนวคิดรักษ์โลกผ่านการออกแบบ ตั้งแต่ชุดว่ายน้ำดีไซน์พิเศษที่สามารถใส่ได้สองด้านเพื่อเพิ่มความคุ้มค่าในการใช้งาน, กระเป๋า, บราหนัง, รวมถึงเสื้อยืดจากผ้าคอตตอนรีไซเคิล (Recycled Cotton) 100% และเสื้อทรง Baby Tee กับเสื้อกล้าม ที่ใช้ผ้าที่มีส่วนผสมของเส้นใยไนลอนรีไซเคิล (Recycled Nylon) ซึ่งทั้งหมดได้รับการรับรองมาตรฐานสากล GRS (Global Recycled Standard) เพื่อสะท้อนแนวคิดการออกแบบอย่างยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ไตรมาสสุดท้ายของปี เรายังมีแคมเปญใหญ่ 11.11 รออยู่ แม้ว่าที่ผ่านมาจะต้องเผชิญกับปัจจัยท้าทายต่างๆ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของผู้บริโภค แต่เรายังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรไว้ได้ตามเป้าหมาย ขณะเดียวกัน เรายังมีแผนเพิ่มมาร์จินจากช่องทางรับจ้างผลิต (OEM) ซึ่งเป็นสินค้ามาร์จินสูง โดยในปัจจุบัน ช่องทางนี้มีสัดส่วนประมาณ 6% ของรายได้ช่องทางขายทั้งหมด ดังนั้นอาจจะเห็นสัดส่วนรายได้ฝั่ง OEM มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งจะทำให้มาร์จินเพิ่มขึ้นด้วย"&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับแผนการขยายสินค้าให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าวว่า&nbsp;ยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะการตอกย้ำความเป็นแบรนด์ไทยของ SABINA และการผนึกความร่วมมือกับแบรนด์ไทยรายอื่นๆ ที่เป็นแผนต่อเนื่องในระยะยาว เช่นเดียวกับแผนการผลิตสินค้าในกลุ่มยั่งยืน (Sustainable Products) ซึ่งปัจจุบันเราตั้งเป้าผลิตในสัดส่วน 5% ของสินค้าทั้งหมด และจะขยายสัดส่วนเพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/10/3BrhABHjLEM2dMVn89Jj.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="3BrhABHjLEM2dMVn89Jj.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""><figcaption><div>Insert description</div></figcaption></figure></div> ​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/central-krabi-officially-open" alt="สิ้นสุดการรอคอย! ‘เซ็นทรัล กระบี่’ เปิดแล้ว! เจาะกลุ่มกำลังซื้อสูงภาคใต้ ตั้งเป้าทราฟฟิกกว่า 25,000 คน/วัน">สิ้นสุดการรอคอย! ‘เซ็นทรัล กระบี่’ เปิดแล้ว! เจาะกลุ่มกำลังซื้อสูงภาคใต้ ตั้งเป้าทราฟฟิกกว่า 25,000 คน/วัน</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events