<h2>ดิอาจิโอฯ พร้อมประกาศผลการแข่งขันสุดยอดบาร์เทนเดอร์ไทย ภาปุณณ์ บุญรักษาตระกูล ขึ้นแท่นสุดยอดบาร์เทนเดอร์ไทย คว้าชัย “Diageo World Class Thailand 2023” พร้อมเป็นตัวแทนประเทศไปแข่งขันบนเวทีโลกที่บราซิล กันยายนนี้</h2> ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/RdY2oQwmHy35TZomhhPw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="RdY2oQwmHy35TZomhhPw.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="1000,533"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส ไทยแลนด์ 2023 (Diageo World Class Thailand 2023) การแข่งขันเพื่อเฟ้นหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์ในประเทศไทย จัดโดย บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ DMHT ผู้นำด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นำเข้าพรีเมียมระดับโลก มายาวนานกว่า 12 ปี ภายใต้การสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ปิดฉากการแข่งขันลงไปอย่างสวยงาม พร้อมประกาศผลการแข่งขัน&nbsp;&nbsp;&nbsp; ภาปุณณ์ บุญรักษาตระกูล บาร์เทนเดอร์จากร้าน Before Dawn เชียงใหม่ สามารถเอาชนะใจกรรมการ คว้ารางวัลชนะเลิศไปครองได้สำเร็จ พร้อมคว้าโอกาสในการเป็นตัวแทนบาร์เทนเดอร์ชาวไทย ไปแข่งขันต่อในระดับโลก กับเวทีดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส 2023 (Diageo World Class 2023) ที่จะจัดขึ้น ณ เมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp; ภูนีต นารัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ DMHT กล่าวว่า “การแข่งขันดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส เป็นเวทีการแข่งขันสำหรับบาร์เทนเดอร์ในระดับสากล และยังเป็นเสมือนพื้นที่ให้บาร์เทนเดอร์ทุกคนได้แสดงฝีมือและแข่งขันในระดับโลก ผู้ชนะจากเวทีนี้ในปีที่ผ่านๆ มา ล้วนมีบทบาทสำคัญที่ช่วยสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการมอบประสบการณ์ในการดื่มอันยอดเยี่ยมให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ดิอาจิโอ ในฐานะที่เป็นคนสร้างเวทีนี้ขึ้นมา รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่การแข่งขันของเราได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากบาร์เทนเดอร์ทั่วประเทศ และภูมิใจที่ได้เป็นอีกแรงสนับสนุนให้บาร์เทนเดอร์ไทยไปได้ไกลในระดับโลก”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พรพรรณ อินทรทัต ผู้อำนวยการกองเผยแพร่โฆษณาต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “สถิติด้านการท่องเที่ยวของปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นสัญญาณบวกของการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ททท. จึงเดินหน้าส่งเสริมการดำเนินงาน “ปีท่องเที่ยวไทย 2566” สำหรับตลาดในประเทศ และ “Visit Thailand Year 2023: Amazing New Chapters”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่องจากปี 2565 โดยตั้งเป้าจะส่งมอบคุณค่าและความหมายของการท่องเที่ยวไทยผ่าน Soft Power และการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ ซึ่งบริการด้านเครื่องดื่มและอาหารของไทยเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยตอบโจทย์การส่งเสริมการท่องเที่ยวของททท. เราเล็งเห็นว่าบาร์เทนเดอร์ไทยมีความสามารถไม่แพ้ใคร และการแข่งขันที่มีมาตรฐานและได้รับการยอมรับในระดับสากลอย่างดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส ไทยแลนด์ ก็เป็นเวทีในการขับเคี่ยวและขัดเกลาฝีมือบาร์เทนเดอร์ไทยให้เฉียบคม ช่วยยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม และช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเชิงอาหารของไทยให้แข็งแรงยิ่งขึ้น”&nbsp;&nbsp;&nbsp; ด้าน ภาปุณณ์ บุญรักษาตระกูล บาร์เทนเดอร์จาก Before Dawn ผู้ชนะเลิศการแข่งขันดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส ไทยแลนด์ 2023 กล่าวว่า “การแข่งขันดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส เป็นเหมือนเวทีที่เป็นจุดมุ่งหมายของบาร์เทนเดอร์หลายๆ คน ทั้งในแง่ของการเป็นเวทีที่ยอมรับและในแง่ของการเป็นเวทีที่บาร์เทนเดอร์เก่งๆ ในระดับแถวหน้าของไทยหลายคนเคยผ่านมาก่อน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนตัวรู้สึกดีใจและภูมิใจมากที่ความพยายามในการฝึกซ้อมและประสบการณ์ทั้งหมดทำให้สามารถชนะในการแข่งครั้งนี้ได้ เพราะบาร์เทนเดอร์ 236 คนที่มาแข่งในครั้งนี้ ทุกคนเก่งและมีความสามารถมากๆ ต่อไปก็จะพยายามอย่างดีที่สุด ในฐานะตัวแทนประเทศไปแข่งในเวทีระดับโลกต่อไปครับ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยเครื่องดื่มแก้วที่ภาปุณณ์รู้สึกมั่นใจในการแข่งขันครั้งนี้คือเครื่องดื่มที่ทำในการแข่งขันโจทย์ Johnnie Walker Blue Label โดยจากโจทย์ Ritual หรือพิธีกรรม ภาปุณณ์นำเอาการทำยาสมุนไพรจากคุณทวดที่เป็นหมอยาทางภาคเหนือมาเป็นแรงบันดาลใจ และนำสูตรยามาปรับเป็นซีรัปที่ช่วยส่งเสริมและเพิ่มเติมคุณค่าเครื่องดื่ม Johnnie Walker Blue Label ได้เป็นอย่างดี นอกจากภาปุณณ์ซึ่งเป็นผู้ชนะในปีนี้แล้ว ยังมีบาร์เทนเดอร์ที่สามารถคว้ารางวัลจากเวทีดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส ไทยแลนด์ 2023 ได้แก่ •	กันตฤทธิ์ ร่วมทองรัตน์ จาก Bar Scofflaws รองชนะเลิศอันดับ 1 •	Ben Jonson Hodges จาก Stella Bar, Capella Hotel BKK รองชนะเลิศอันดับ 2 และผู้ชนะรางวัลโจทย์ Don Julio •	ดนัยพงศ์ ทองแกมแก้ว จาก Salt Society, Centara Reserve Samui รองชนะเลิศอันดับ 3 •	ณัช ศิริจังสกุล จาก Asia Today Bar ผู้ชนะรางวัล Rising Star •	โกศิลป์ ขำจา จาก Firefly , Sindhorn Kempinski ผู้ชนะรางวัลโจทย์ Tanqueray No.10 •	พฤฒ นทีพายัพทิศ จาก Parasite ผู้ชนะรางวัลโจทย์ The Singleton&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การแข่งขันดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส 2023 จะจัดการแข่งขันขึ้นที่เมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิลในช่วงเดือนกันยายน 2566 โดยภาปุณณ์จะเป็นตัวแทนบาร์เทนเดอร์ไทยในปีนี้ เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์ในระดับโลกต่อไป รูปภาพเพิ่มเติม อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/hr/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2-%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-100-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B9%87%E0%B8%9B%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89" alt="อิเกีย ลุยปั้นทีมงานกว่า 100 ตำแหน่ง เน้นคอนเซ็ปต์ “ไม่ว่าใครก็ทำงานที่อิเกียได้”">อิเกีย ลุยปั้นทีมงานกว่า 100 ตำแหน่ง เน้นคอนเซ็ปต์ “ไม่ว่าใครก็ทำงานที่อิเกียได้”</a>​<hr class="__se__solid">​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ดิอาจิโอฯ ประกาศผลการแข่งขันสุดยอดบาร์เทนเดอร์ไทย 2023

<h2>Alberto Ibeas เป็นชาวสเปนก่อนหน้าที่จะมาร่วมงานกับดิอาจิโอ เขาเป็นผู้บริหารทางการเงินทั่วภูมิภาคลาตินอเมริกาแคริบเบียน และสหราชอาณาจักร</h2>
จากนั้นได้เข้าร่วมงานกับดิอาจิโอยาวนานถึง 21 ปีเคยดำรงตำแหน่งสำคัญต่างๆ ของดิอาจิโอมาแล้วทั่วโลก เช่น สเปน เวเนซูเอลา Miami และ London ส่วนประเทศไทย Alberto มานั่งเก้าอี้บริหารสูงสุดเกือบ 2 ปีแล้ว และบอกว่า อยากจะต่อเวลาการทำงานที่เมืองไทยให้นานที่สุด เพราะชอบวัฒนธรรมวิถีชีวิตและผู้คนที่นี่

“ชอบที่คนไทยยิ้มเก่ง อารมณ์ดีเฉลิมฉลองเก่ง ภรรยาและลูกๆ ผมรู้สึกแบบนี้เช่นกัน” Alberto เริ่มต้นการสนทนากับทีมงาน Forbes Thailand ถึงความรู้สึกหลังจากได้มาอยู่เมืองไทยในฐานะผู้บริหารข้ามชาติ เขาบอกว่า เรื่องที่เคยได้ยินได้ฟังมาเกี่ยวกับคนไทยว่า เป็นคนที่ไม่กล้าพูดตรงๆ ไม่กล้าปฏิเสธ เมื่อมาสัมผัสในการทำงานแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น

เพราะวันแรกที่มาทำงานเขาได้รับคำปฏิเสธจากทีมงานคนไทยในการประชุมครั้งแรก ซึ่งเป็นไปในบรรยากาศที่ดี ทำให้เขาชอบและรู้สึกสนุกกับงานบริหารที่ประเทศไทยเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันและผู้คนที่เฉลิมฉลองได้ทุกโอกาส

ผ่านประสบการณ์บริหารมาหลายประเทศย่อมเห็นความแตกต่างในวัฒนธรรมและวิถีปฏิบัติ เป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่ผู้บริหารข้ามชาติต้องเรียนรู้และปรับตัว Alberto บอกว่า “ตอนทำงานใน Miami คุณจับตัวพนักงานไม่ได้ เพราะเขาไม่ค่อยแตะต้องตัวกัน ส่วนในเวเนซูเอลาเจ้านายต้องกอดลูกน้องทุกคนตอนมาทำงาน ไม่เช่นนั้นจะดูไม่มีมารยาท แต่มาไทยไม่ต้องปรับตัวมากคนไทยค่อนข้างเปิดใจง่ายๆ ตรงๆ”

แม้จะบอกว่าการบริหารในไทยไม่ต้องปรับตัวมากแต่เขาก็พบอุปสรรคเช่นกันคือเรื่องกำแพงภาษา เพราะในประเทศอื่นๆ ที่เคยไปประจำมาเขารู้ภาษาหมด แต่ในไทยเขาต้องพึ่งพาคนในทีมให้คอยช่วยสื่อสารให้ เป็นเรื่องจำเป็นต้องทำ เพราะที่ดิอาจิโอไทยมีพนักงานคนไทยถึง 99% จากพนักงาน 650 คน แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีเพราะทำให้เขามีความรู้เกี่ยวกับตลาดในไทยมากขึ้น


เพิ่มนวัตกรรมดึงตลาด

ความสนุกกับงานบริหารเป็นส่วนหนึ่งแต่เป้าหมายสร้างการเติบโตทางธุรกิจถือเป็นภารกิจสำคัญ Alberto ยอมรับว่าตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปีที่ผ่านมาชะลอตัวค่อนข้างชัด ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลด้านรายได้ของดิอาจิโอประเทศไทยที่ลดลงเมื่อเทียบกับ 2-3 ปีก่อนหน้า

โดยในปี 2562 ดิอาจิโอไทยทำยอดรายได้รวมที่กว่า 6.34 พันล้านบาท ขณะที่ปี 2561 ทำรายได้กว่า 6.82 พันล้านบาท แต่ก่อนหน้านั้นทำได้กว่า 7.82 พันล้านบาทในปี 2560 สะท้อนว่าเทรนด์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชะลอตัวลง

 “สำหรับประเทศไทย สถานการณ์ค่อนข้างท้าทายในปีที่ผ่านๆ มาไม่ใช่เพราะเศรษฐกิจแต่เป็นเรื่องของกลยุทธ์ เราจึงต้องสร้างสรรค์นวัตกรรมให้มากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค”

นวัตกรรมที่ Alberto กล่าวถึงคือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่คิดค้นออกมาซึ่งสร้างรายได้ให้บริษัทกว่า 25% เช่น จอห์นนี่ พ็อคเก็ต เป็นสุราจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ขวดเล็กขนาดพกพาซึ่งเหมาะกับหลายโอกาสและเทศกาล มีคอลเล็คชั่น White Walker by Johnnie Walker และ Johnnie Walker A Song of Fire ที่ร่วมมือกับซีรีส์ดัง Game of Thrones

ขณะเดียวกันก็มีผลิตภัณฑ์ Smirnoff ICE Umeshu ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเหล้าบ๊วยที่โด่งดังในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งดิอาจิโอได้ออกผลิตภัณฑ์นี้มาเพื่อสอดรับเทรนด์ญี่ปุ่นในประเทศไทย เป็นต้น

โดยผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มหลากหลายที่ดิอาจิโอนำมาสู่ตลาดในไทย ส่วนหนึ่งคิดค้นมาจากศูนย์นวัตกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดิอาจิโอประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ชื่อ 10BA อยู่ที่สิงคโปร์ ทำรีเสิร์ชและคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตลอดเวลา


<img class="alignnone size-full wp-image-28121" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/ผลประกอบการดิอาจิโอ้.jpg" alt="" width="600" height="350" />
พฤติกรรมบริโภคเปลี่ยน

Alberto บอกว่า นอกจากตลาดที่ชะลอตัวแล้ว อีกสิ่งที่พบในตลาดเมืองไทยคือพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เปลี่ยนไป “แต่ก่อนผู้บริโภคชอบดื่มกลางคืนฟังเพลงดังๆ แต่ตอนนี้มีแนวโน้มลดลงเทรนด์เปลี่ยนไปในทางที่คนดื่มแบบเบาๆ สังสรรค์หรือเน้นคุยนั่งชิลเป็นส่วนมาก ซึ่งเรามุ่งสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์เทรนด์นี้”

นอกจากผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย Alberto ยังได้เล่าถึงกิจกรรมการตลาดที่ดิอาจิโอทำท่ามกลางข้อกฎหมายที่เข้มงวดว่า เขาให้ความสำคัญ 3 เรื่องคือ ลดจำนวนการดื่มก่อนวัยอันควร รณรงค์เมาไม่ขับ ไม่ส่งเสริม การดื่มอย่างเป็นอันตรายและดื่มจนเกินพอดี

โดยได้ออกหลักสูตร DRINKiQ เป็นโปรแกรมอี-เลิร์นนิ่งซึ่งเปิดกว้างสำหรับทุกคนเข้าไปเรียนรู้ได้ที่ www.drinkiq.com โดยเนื้อหาจะเน้นให้ความรู้ ส่งเสริมการดื่มอย่างรับผิดชอบ

ซึ่งถือเป็นเจ้าแรกในวงการผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และครั้งแรกในไทยที่ใช้สื่ออินเทอร์แอ็กทีฟให้ข้อมูลเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ที่ครอบคลุม กระชับ เข้าใจง่ายและรู้ทันแอลกอฮอล์เพื่อการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล ดื่มอย่างมีสติ และแนะนำคนใกล้ชิดให้ดื่มได้อย่างเหมาะสม

ไม่เพียงเท่านี้ ดิอาจิโอยังใช้เทคโนโลยี VR มาจำลองผลที่เกิดจากเมาแล้วขับให้คนได้เห็นภาพ และยังร่วมมือกับตำรวจจราจรสถาบันวิจัยและฝึกอบรมแห่งสหประชาชาติ (UNITAR) และจัดแคมเปญ Join the Pact ที่ให้ผู้คนเข้ามาสัญญาในเว็บไซต์ว่าจะเมาไม่ขับ โดยเมื่อต้นปี 2652 ได้ปล่อยวิดีโอ “อย่าให้ผีต้องรับผิดชอบ” บนโซเชียลมีเดีย (Facebook)

&nbsp;

ทั้งหมดนี้คือบางส่วนของแนวคิดและการบริหารของผู้บริหารข้ามชาติชาวสเปนที่อยู่กับดิอาจิโอมายาวนานกว่า 21 ปี ซึ่ง Alberto บอกว่า ในประเทศของเขา คนจะเกษียณอายุการทำงานที่อายุ 67 ปี ดังนั้นเขายังมีเวลาอีกมากในการทำงานพอๆ กับประสบการณ์ที่ผ่านมา แม้จะมีความยากลำาบากในการบริหารที่ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายที่เข้มงวด ก็ต้องทำให้ได้ตามนั้น

โดยเขายึดหลักบริหารตามแนวทางของซีอีโอดิอาจิโอบริษัทแม่ คือ Ivan Menezes ที่ว่า “There’s no right way to do the wrong thing เป็นการยืนยันว่าไม่มีข้ออ้างในการทำสิ่งที่ผิด เราต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องตลอดเวลา”

เหมือนจะยืนยันว่าการทำตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในไทยแม้จะมีข้อจำกัดที่เข้มงวดแค่ไหน ก็ต้องปฏิบัติตามเพื่อความถูกต้องนั่นเอง

ภาพ: API และดิอาจิโอ ประเทศไทย

<hr />

<a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/7ccbe3a1-622d-4b15-ad64-0c7298d701df/february-2020">คลิกอ่านฉบับเต็ม "Alberto Ibeas นำทัพสุราพรีเมียมฝ่าเทรนด์บริโภคชะลอตัว" ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับกุมภาพันธ์ 2563 ในรูปแบบ e-Magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-26493" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/new-COVER-81-FEBRUARY-17-1-63-.jpg" alt="" width="300" height="393" />

Alberto Ibeas นำทัพสุราพรีเมียมฝ่าเทรนด์บริโภคชะลอตัว

ภายกลังกรมสรรพสามิตได้ให้ตัวแทนภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วม ตลอดจนแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อกรมสรรพสามิตในการร่างกฎหมายระดับรอง (อนุบัญญัติ) ภาษีสุรา ภายใต้ พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 16 กันยายนนี้ ได้มุ่งเน้นการจัดระบบสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตและลดความเหลื่อมล้ำในการเลือกปฏิบัติต่อผู้ประกอบการ สาระสำคัญและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ประกอบไปด้วย

1) ฐานในการคำนวณภาษีด้านราคา จากเดิมคิดตามราคาขายส่งช่วงสุดท้าย เป็นราคาขายปลีกแนะนำ ซึ่งเป็นราคาจำหน่ายแก่ผู้บริโภคทั่วไปในตลาดปกติ

2) อัตราภาษีที่เรียกเก็บ ยังคงเป็น 2 อัตรา แต่เปลี่ยนจากการเน้นเก็บตามมูลค่าสินค้เป็นเน้นการจัดเก็บตามปริมาณดีกรีแอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้น เพื่อการพัฒนาคุณภาพสุราและควบคุมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีดีกรีสูงและส่งผลต่อสุขภาพ

3) ใบอนุญาตขายสุรา จากเดิม 7 ประเภท เหลือเพียง 2 ประเภท คือ ขายปลีกและขายส่ง เพื่อลดความซ้ำซ้อน

4) เพดานของอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุรา ตลอดจนผลิตและนำเข้า เพิ่มขึ้น 10 ถึง 25 เท่า

5) เพิ่มบทลงโทษสุราผิดกฎหมาย เพื่อลดปัญหาสินค้าผิดกฎหมาย โดยสุราทุกชนิดที่นำเข้ามาจำหน่ายในราชอาณาจักรจะต้องมีหลักฐานการเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวจากผู้ผลิตในต่างประเทศหรือผู้มีสิทธิ์ในตราสินค้า

<img style="width: 680px; height: 962px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/26c32fcd00346d717639273db054303a.png" alt="" />

ด้าน ธนากร คุปตจิตต์ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ เชื่อมั่นว่า พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 นี้ จะสร้างความเป็นธรรมให้แก่ภาคเอกชน ลดปัญหาสุราผิดกฎหมาย คือ สุราปลอมแปลงและลักลอบนำเข้า และลดปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นอันตราย ด้วยอัตราภาษีที่กระทรวงการคลังกำหนดอัตราต่ำกว่าสำหรับสุราที่มีปริมาณดีกรีต่ำกว่าจึงกระทบต่อสุขอนามัยผู้บริโภคน้อยกว่า ตามข้อสังเกตของคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิตฯ ทั้งนี้ ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ มุ่งหวังให้การปฏิรูปในครั้งนี้ส่งผลให้สามารถควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และลดปัญหาการดื่มที่เป็นอันตรายได้ผลจริง เช่นเดียวกับในต่างประเทศ"

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events