<h2>ไม่ใช่แค่ธุรกิจอาหารที่ได้รับผลกระทบหนักจากพิษเศรษฐกิจชะลอตัวและนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนไทยที่ลดลง เพราะ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ก็ได้รับผลกระทบดังกล่าวนับจากสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดจนทำให้มีรายได้ลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดจึงเตรียมปิดตัวกิจการ "ดิวตี้ฟรี" สาขาในเมืองจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ สาขาศรีวารี จ.สมุทรปราการ, พัทยา จ.ชลบุรี และที่ตึกมหานคร กทม. พร้อมเปิดโครงการให้พนักงานทุกสาขาเลือกลาออกได้โดยสมัครใจ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายสูง ปรับธุรกิจให้ลีนมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น </h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่ใช่แค่ธุรกิจอาหารที่ได้รับผลกระทบหนักจากพิษเศรษฐกิจชะลอตัวประกอบกับนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนไทยที่ลดลง เพราะล่าสุด บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ก็ได้รับผลกระทบดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องนับจากสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดจนทำให้มีรายได้ลดลงต่อเนื่อง ทางบริษัทจึงได้ทำการยื่นหนังสือ ต่อ บมจ. ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ในวันที่ 13 มิ.ย. 2568 ที่ผ่านมา เพื่อหารือแนวทางในการยกเลิกสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรหรือดิวตี้ฟรี ในสนามบิน 5 แห่ง คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ท่าอากาศยานดอนเมือง, ท่าอากาศยานภูเก็ต, ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่&nbsp; &nbsp; ล่าสุดทาง&nbsp;นิตินัย ศิริสมรรถการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิง เพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด&nbsp;เผยว่า บริษัท เตรียมปิดกิจการ "ดาวน์ทาวน์ดิวตี้ฟรี" ร้านค้าปลอดอากรในเมือง จำนวน 3 แห่ง ในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งประกอบไปด้วย สาขาศรีวารี จ.สมุทรปราการ, พัทยา จ.ชลบุรี และที่ตึกมหานคร กทม. เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีนักท่องเที่ยวในรูปแบบกรุ๊ปทัวร์เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยลดน้อยลง โดยยืนยันว่า&nbsp;"เป็นการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในยุคปัจจุบันที่เศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก และเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายสาขาในเมืองที่มีต้นทุนสูงมาก เลยเลือกปิดกิจการพร้อมกัน 3 แห่งไปในคราวเดียวกันเลย เพื่อทำให้ธุรกิจมีความลีนหรือมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น" <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/07/uLyAt3R5sEsS645kn5r6.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="uLyAt3R5sEsS645kn5r6.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ หลังจากปิดกิจการสาขาดาวน์ทาวน์ทั้ง 3 แห่งในเดือนกันยายนแล้ว ทางบริษัทจะเหลือร้านค้าปลอดอาการที่เปิดให้บริการในเมืองจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ สาขา คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี รางน้ำ, คิง เพาเวอร์ ซิตี บูทีค (ONE BANGKOK) และคิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ภูเก็ต&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;ขณะที่&nbsp;ร้านค้าปลอดอากรในสนามบิน&nbsp;ที่ทางบริษัท คิง เพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เคยยื่นหนังสือขอยกเลิกสัญญาการดำเนินธุรกิจใน 5 สนามบิน ไปก่อนหน้านี้ อันเป็นผลมาจากสถานการณ์ที่ขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอผลจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือเยียวยาว่าจะออกมาในทิศทางใด&nbsp; &nbsp; &nbsp;อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทยังเตรียมประกาศเปิดโครงการ "ลาออกโดยสมัครใจ" ให้พนักงานทุกสาขาสามารถเลือกยื่นใบลาออกได้ โดยทางบริษัทพร้อมจ่ายค่าชดเชยตามที่กฎหมายแรงงานกำหนดรวมถึงให้เงิน On top เพิ่มขึ้นตามอายุการทำงานของแต่ละบุคคล และในส่วนของพนักงานจาก 3 สาขาที่เตรียมปิดกิจการในเดือนกันยายนนั้น หากต้องการที่จะทำงานต่อทางบริษัทก็พร้อมโอนย้ายมาสาขาที่ยังคงเปิดให้บริการต่อเนื่อง ภาพ :&nbsp;บริษัท คิง เพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด&nbsp; เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/king-power-appoints-nitinai-sirismatthakarn-as-ceo" alt="คิง เพาเวอร์ แต่งตั้ง 'นิตินัย ศิริสมรรถการ' อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT นั่งแท่น CEO">คิง เพาเวอร์ แต่งตั้ง 'นิตินัย ศิริสมรรถการ' อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT นั่งแท่น CEO</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

"คิง เพาเวอร์" ตัดใจ! ปิดดิวตี้ฟรี 3 แห่ง ก.ย.นี้ พร้อมเปิดให้พนักงานสมัครใจลาออก หลังธุรกิจรายได้ลดต่อเนื่อง!

"คิง เพาเวอร์" ฉีกโมเดลสู้ COVID-19 ขายออนไลน์เฉพาะกิจ ไม่บินก็ซื้อได้

เปิดตัวอย่างเป็นทางการกับศูนย์การค้า LAO Duty Free Mall หรือ LDF ทุ่มทุนกว่า 3,500 ล้านบาท ผลงานสร้างของกลุ่มทุนไทย &ldquo;สยามอินเตอร์เนชั่นแนล&rdquo; ร่วมกับนักธุรกิจจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ภายใต้ชื่อ บริษัท บีเอ็ม กรุ๊ป จำกัด พร้อมเปิดตัวในไตรมาสแรกปีหน้า บนพื้นที่กว่า 37,000 ตารางเมตร ในคอนเซปท์ Uniqueness, Luxury และ Simplicity รวมรวมแบรนด์ดังและบริการครบวงจร เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์การค้าใหม่ของอาเซียน 
 
จากความเชื่อมั่นในศักยภาพของทำเลในเขตเศรษฐกิจเฉพาะ ซึ่งมีความได้เปรียบที่อยู่ใกล้สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 (จังหวัดหนองคาย) ด้วยมูลค่าตลาดการค้าชายแดนมากกว่าปีละ 10,000 ล้านบาท และใกล้จุดต่อเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าความเร็วสูง ทำให้นักลงทุนได้รับความสะดวกในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ รวมทั้ง สิทธิพิเศษทางภาษีที่นักลงทุนจะได้รับ ทั้งหมดนี้จะทำให้โครงการสามารถเติบโตตามเป้าหมายรายได้ปีละ 3,500 ล้านบาท และคุ้มทุนภายใน 5 ปี พร้อมรองรับกำลังซื้อมหาศาลจาลูกค้า และนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ทั้งสปป.ลาว คนไทย จีน เวียดนาม และนักท่องเที่ยวทั่วโลก 
 
LAO Duty Free Mall เป็นเพียงหนึ่งในธุรกิจของ สยาม รามสูต ประธานกรรมการบริหาร สยามอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของฉายาวีรบุรุษเออีซีที่พร้อมสู้กับทุกวิกฤตที่ผ่านเข้ามานับครั้งไม่ถ้วน กระทั่งสามารถสร้างอาณาจักรรายได้รวมทั้งเครือกว่า 150 ล้านเหรียญฯในปีนี้ และประกาศเดินหน้าสู่ 350 ล้านเหรียญฯในปี 2563 พบกับเรื่องราวฉบับเต็มในบทสัมภาษณ์แบบ exclusive ใน Forbes Thailand ฉบับ JULY 2015

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events