<h2>“เรียลแอสเสท” จับมือเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้นโตเกียว “Sotetsu GROUP”  ตั้งบริษัทร่วมทุน “เรียลพาร์ทเนอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด” ลุยตลาดคอนโดฯในเมือง นำร่องโปรเจ็กต์แรก “THE STAGE  Mindscape Ratchada – Huai Khwang” กระแสตอบรับแรงเกินเป้า โชว์จุดขายทำเลเป็นต่อ ใกล้ MRT สถานีห้วยขวางเพียง 250 เมตร เริ่มต้น 2.89 ล้านบาท</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-51700" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/THE-STAGE-Mindscape-Ratchada-–-Huai-Khwang01_re.jpg" alt="" width="600" height="374" />

<strong>บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ </strong>ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จกับการเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ “The Stage” ย่านเตาปูนไปเมื่อหลายปีก่อน ล่าสุดบริษัทได้รับการทาบทามจากบริษัท โซเทสสึ  เรียลเอสเตท (Sotetsu Real estate Co.,Ltd) ที่เป็นบริษัทในเครือของบริษัทโซเทสสึ กรุ๊ป (Sotetsu Holdings Co.,Ltd.) ถือหุ้นอยู่ 100% และเป็นกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเซคชั่นที่ 1 ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมลงทุนจัดตั้งบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า บริษัท เรียลพาร์ทเนอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด

สำหรับการ Joint Venture ในครั้งนี้เป็นการดึงความเชี่ยวชาญของทั้งสองบริษัทมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวร่วมกัน โดยกลุ่มโซเทสสึ กรุ๊ป เป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวที่ก่อตั้งมานานกว่า 104 ปีแล้ว เป็นกลุ่มธุรกิจบริการครบวงจรที่เติบโตตามกาลเวลาผ่านการพัฒนาธุรกิจบริการต่างๆ รวมถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามแนวเส้นทางรถไฟ ปัจจุบันบริษัทโซเทสสึ โฮลดิ้ง ที่ได้รับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเซคชั่นที่ 1 มีทุนจดทะเบียน 3.88 หมื่นล้านเยนและมีบริษัทในเครือมากถึง 30 บริษัท ครอบคลุมธุรกิจขนส่งมวลชน ธุรกิจขายส่งสินค้า (Merchandising) อสังหาริมทรัพย์และโรงแรม

ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขายรวมสูงถึง 221.1 พันล้านเยน โดยธุรกิจด้านระบบขนส่งมวลชนคิดเป็น 30.4 พันล้านเยน (14% ของยอดขายทั้งหมด) ส่วนธุรกิจขายส่งสินค้า มีมูลค่า 102.2 พันล้านเยน (46% ของยอดขายทั้งหมด) และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 611 พันล้านเยน (30.8% ของยอดขายทั้งหมด)

เบื้องต้นบริษัทจะเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่สร้างความแตกต่างในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าทั้งปัจจุบันและอนาคต สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายและพฤติกรรมของคนเมืองรุ่นใหม่ ทำให้มีทางเลือกใหม่ของการจับจองเป็นเจ้าของโครงการที่ให้ความสะดวกสบายทั้งในการเดินทาง การใช้ชีวิตเต็มที่ ตรงกับ
ไลฟ์สไตล์ที่เลือกได้

<span style="color: #993300;">“ปัจจัยของความสำเร็จในการร่วมทุนครั้งนี้ คือ แบรนด์ที่แข็งแกร่งของกลุ่มบริษัทเรียลแอสเสทผนวกกับฐานะทางการเงินที่มั่นคงและโนว์ฮาวในการพัฒนาโปรเจ็กต์ที่อยู่อาศัยของกลุ่มโซเทสสึ จะเป็นปัจจัยดึงดูดให้ผู้ซื้อทั้งกลุ่มเรียลดีมานด์และนักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่น ทั้งด้านการออกแบบ การก่อสร้างโครงการ ศักยภาพทำเล สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการตลอดจนบริการหลังการขายที่ครอบคลุมความเข้าใจในไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค ที่จะนำไปสู่การพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของแต่ละกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด รวมถึงแผนการลงทุนโครงการใหม่ๆร่วมกันในอนาคต”</span> <strong>บดินทร์ธร</strong>กล่าว
<h3><img class="alignnone size-full wp-image-51703" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/บดินทร์ธร-จึงรุ่งเรืองกิจ03_re.jpg" alt="" width="600" height="400" /></h3>
<h3>ประเดิมโครงการแรกย่านรัชดา</h3>
ประเดิมเปิดตัวโครงการร่วมทุนแรกคือ THE STAGE  Mindscape Ratchada – Huai Khwang ตั้งอยู่บนถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ ซอย 6 ห่างจากรถไฟฟ้าสถานี MRT ห้วยขวาง ประตู 1 ประมาณ 250 เมตร และสามารถเดินทางเพื่อไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS ได้ที่อโศกเพียงแค่ 4 สถานีเท่านั้น โดยโครงการออกแบบเป็นคอนโดมิเนียมระดับ Upper Class  สูง 29 ชั้น มีจำนวนห้องชุดทั้งหมด 477 ยูนิต

ล่าสุดโครงการได้รับกระแสตอบรับดีทำยอดขายเกินกว่าเป้าหมายที่วางแผนไว้ โดยเน้นความคุ้มค่าในราคาเริ่มต้นเพียงตารางเมตรละ 1 แสนต้นๆ เท่านั้นหรือเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท ถือว่าเป็นราคาที่จับต้องได้เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยในโซนนี้กว่า 130,000 บาทต่อตารางเมตร และในขณะเดียวกันผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าในโซนนี้ยังเป็นที่ต้องการของตลาดโดยผลตอบแทนรวมสูงกว่า 5%

<span style="color: #993300;">“เพื่อเน้นจุดยืนในด้านการเป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ The STAGE Mindscape Ratchada-Huai Khwang จึงได้มีการเพิ่มช่องทางการขาย ผ่าน “Line my Shop” โดยโครงการกำลังจะเปิดขายห้องซีรี่ย์ใหม่ New Expanding Terrace ในวันที่ 15 ต.ค.2564 นี้ พร้อมกับจะเปิดให้จองครั้งแรกเวลา 10.30 น. เฉพาะการจองผ่านช่องทางนี้อีกด้วย”</span>

บดินทร์ธรกล่าวเสริมว่า  Line my Shop เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านการขายสินค้าบน LINE OA ให้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะมีฟีเจอร์การใช้งานต่างๆ มากมายตั้งแต่การสั่งซื้อ จ่ายเงิน ติดตามสถานะ ไปจนถึงลูกค้าได้รับสินค้า นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถรับชมห้องตัวอย่างผ่านออนไลน์แบบ 360° Virtual Tour รวมทั้งยังสามารถหาข้อมูลโครงการผ่านช่องทาง REAL ASSET App ได้อีกด้วย

ส่วน Facilities ภายในโครงการถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Millennial ที่ทำงานประจำออฟฟิศและทำงานแบบ Work from Home ดังนั้นพื้นที่ส่วนกลางส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เช่น Co-Passion Space, Fitness และยังมี White Ion Bath Onsen แยกชาย-หญิง เพิ่มความสดชื่น และผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน รวมถึงสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge ระบบ Ozone และ Salt Chlorine พร้อมพื้นที่ออกกำลังกายภายนอกอาคารสำหรับ Jogging Track, Multiscape และ Playing Court โดยควบคุมการใช้ Facilities ด้วยระบบ IOT เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนกลาง เพราะหากไม่มีการใช้งานไฟจะเปิดแค่ 50%

ขณะเดียวกันเพื่อรองรับการใช้ชีวิตในคอนโดฯของคนเมืองรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปค่อนข้างเร็ว ทั้งรูปแบบการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน และไลฟ์สไตล์ส่วนตัว เรียลแอสเสทจึงได้ต่อยอดธุรกิจด้วยการ Co-Partner กับ “Bottomless” ซึ่งมีความเป็น specialist ตัวจริงด้านกาแฟมากถึง 16 ปี จนกระทั่งพัฒนามาเป็นโรงคั่ว นำเข้าเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ดีจากทั่วโลก เปิดร้านกาแฟร่วมกันภายใต้ชื่อ “Mindscape Café by Bottomless” รวมทั้งได้ Co-Partner กับ Kochii เปิดตัว “Guild @ Mindscape by Kochii” สถานที่รวมตัวกันของคนที่มีความชื่นชอบคล้ายกันทั้งด้าน Content Creator และสาย Esports  ประกอบด้วยพื้นที่ Co-Working, ห้องสตูดิโอ สำหรับถ่ายงานต่างๆ ทั้ง streaming, podcast และ review station รวมทั้งจัดเป็น e-sports academy

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/it/emma-by-axa-%e0%b9%82%e0%b8%94%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b8%e0%b8%87%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2-%e0%b9%81%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%8b%e0%b9%88%e0%b8%b2-%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%8a.html">บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เปิดตัวแอปพลิเคชัน “EMMA by AXA”</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

&nbsp;

“เรียลแอสเสท” จับมือ “Sotetsu Group” เขย่าตลาดคอนโดฯ รัชดาฯ-ห้วยขวาง

<h2>เพอร์เฟค เปิดขายแบบบ้านนวัตกรรมปลอดฝุ่นจาก เซกิซุย เคมิคอล ยูนิตพิเศษในโครงการบ้านหรู เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ 5 ทำเล มูลค่ารวมกว่า 3 พันล้าน ด้านยอดขายรวมบริษัทสะดุดจากมาตรการเข้มงวด LTV สินเชื่อบ้าน รอลุ้นกำลังซื้อฟื้นครึ่งปีหลังเมื่อการจัดตั้งรัฐบาลมีความชัดเจน</h2>
<strong>วงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต</strong> กรรมการผู้จัดการ <strong>บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน)</strong> เปิดเผยว่า บริษัทร่วมกับ <strong>เซกิซุย เคมิคอล</strong> จากญี่ปุ่น จัดตั้งบริษัทจอยต์เวนเจอร์ในอัตราส่วนผู้ถือหุ้นฝั่งไทย 51% และญี่ปุ่น 49% เพื่อพัฒนาบ้านนวัตกรรมยูนิตพิเศษขึ้นในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ 5 ทำเล

โดยปีนี้มีการเปิดตัวบ้านนวัตกรรมเซกิซุยทั้งหมด 4 ทำเล ได้แก่ กรุงเทพกรีฑา, รามคำแหง, แจ้งวัฒนะ, รัตนาธิเบศร์ รวม 74 ยูนิต มูลค่ารวม 2,230 ล้านบาท และปีหน้า บริษัทจะเปิดขายบ้านนวัตกรรมเพิ่มอีก 28 ยูนิต ในโครงการทำเลสุขุมวิท 77 มูลค่า 920 ล้านบาท

บ้านนวัตกรรมเซกิซุยที่พัฒนาร่วมกับเพอร์เฟคจะเป็นรูปแบบบ้านเดี่ยวระดับบน ที่ดิน 85-200 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 274-475 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 20-45 ล้านบาทต่อหลัง

<figure><img class="wp-image-7899 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/1558513372946-e1558513599446.jpg" alt="เซกิซุย บ้านนวัตกรรม" width="800" height="378" /><figcaption> บ้านตัวอย่าง: บ้านนวัตกรรมปลอดฝุ่นจากเซกิซุยในโครงการมาสเตอร์พีซ กรุงเทพกรีฑา พัฒนาโดย บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค</figcaption></figure>

&nbsp;
<h2>เชื่อเศรษฐีรับค่านวัตกรรม top-up 15% ได้</h2>
สำหรับนวัตกรรมที่มีในบ้านแบบใหม่นี้ <strong>Kiyotaka Kobayashi</strong> ผู้จัดการอาวุโส International Business Promotion, Housing Company บริษัท Sekisui Chemical กล่าวว่า จุดเด่นคือระบบ <strong>Air Factory System</strong> คือเครื่องกรองอากาศ 3 ชั้นที่ดักจับฝุ่นได้เล็ก 0.3 ไมครอนและสามารถกรองกลิ่นได้ ประกอบกับระบบ <strong>Air Tightness System</strong> การซีลจุดเชื่อมของบ้าน เช่น วงกบ จะปิดสนิท อากาศที่เข้ามาในบ้านจะต้องผ่านเครื่องกรองจึงสะอาดบริสุทธิ์

เทคโนโลยีการสร้างบ้านของเซกิซุยสามารถทำให้บ้านไร้รอยต่อได้เนื่องจากเป็นบ้านโมดูลาร์ที่ผลิตจากโรงงาน 80% ของโครงสร้าง ทั้งนี้ โครงสร้างผลิตโดย บริษัท เซกิซุย-เอสซีจี อินดัสทรี จำกัด แล้วจึงมาประกอบที่ไซต์งาน

<figure><img class="wp-image-7900 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/IMG_20190522_114230_1-01-e1558513760499.jpeg" alt="เซกิซุย บ้านนวัตกรรม Air Factory" width="600" height="800" /><figcaption> ระบบกรองอากาศ Air Factory System ในบ้านนวัตกรรมเซกิซุย ระบบใช้พลังงานไฟฟ้า กินไฟ 15 บาท/วัน</figcaption></figure>

นอกจากระบบดังกล่าวแล้ว บ้านนวัตกรรมยังสามารถกันเสียงได้ 10 เดซิเบล เป็นผนังกันความร้อน ใช้โครงสร้างเหล็กป้องกันแผ่นดินไหว และมีพื้นแบบ Floor Service เทปูนรองใต้พื้นบ้านก่อนเดินงานท่อประปา ทำให้เข้าไปซ่อมแซมได้ง่าย

วงศกรณ์กล่าวเสริมว่า <span style="color: #ff0000;">ราคาขายบ้านนวัตกรรมนี้มีราคาแพงกว่าบ้านปกติในขนาดเดียวกันราว 15% แต่เชื่อว่าผู้บริโภคระดับบนยอมรับได้</span>เนื่องจากเป็นฟังก์ชันที่ช่วยให้สุขภาพและคุณภาพอยู่อาศัยดีขึ้น

"เทียบกับการซื้อรถยนต์รุ่นท็อปก็จะแพงกว่ารุ่นธรรมดา 15% แต่มีคนยอมจ่ายเพิ่มเพื่อให้ได้ฟังก์ชันที่ดีกว่า เพียงแต่เราต้องไม่ผลิตรุ่นท็อปออกมามากเกินไป" วงศกรณ์กล่าว โดยปีนี้เพอร์เฟคคาดหวังยอดขายจากกลุ่มโครงการแนวราบระดับลักชัวรี 5-6 พันล้านบาท ดังนั้นยอดขายจากบ้านนวัตกรรมน่าจะมีสัดส่วนราว 20-40% ของบ้าน segment นี้ในปี 2562

"ส่วนการนำนวัตกรรมนี้ไปใช้ในบ้านระดับกลางลงไปคงทำไม่ได้เพราะต้นทุนสูงมากและไม่สามารถลดราคาได้"

<figure><img class="size-full wp-image-7902" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/IMG_20190522_121807-01-e1558514171979.jpeg" alt="" width="600" height="800" /><figcaption> บ้านจากเซกิซุยยังมีการออกแบบฟังก์ชันบางอย่างที่มีกลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ่น เช่น บริเวณ 'เกงกัง' สำหรับถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน</figcaption></figure>
<ul>
 	<li>อ่านเพิ่มเติม <a href="https://forbesthailand.com/forbes-life/living/%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94.html">อยู่แบบญี่ปุ่น: ฟังก์ชันห้องชุดคอนโดฯ ที่แตกต่างด้วยวัฒนธรรมความเป็นอยู่</a></li>
</ul>
&nbsp;
<h2>ยอดขายซึมหลังมาตรการ LTV บังคับใช้</h2>
ด้านยอดขายรวมของเพอร์เฟค วงศกรณ์เปิดเผยว่า <strong>ช่วง 4 เดือนแรกบริษัททำยอดขายไป 5 พันล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 1.9 หมื่นล้านบาท</strong> ซึ่งพบว่าลูกค้าเร่งซื้อตั้งแต่ก่อนมาตรการเข้มงวดอัตรา LTV (Loan-to-Value) ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศใช้วันที่ 1 เมษายน 2562

"ไตรมาสแรกทุกคนเร่งซื้อเพื่อหนีเรื่อง LTV พอเดือนเมษายนยอดขายพลิกเลย เงียบเหงามาก" วงศกรณ์กล่าว
<ul>
 	<li>อ่านประกอบ: <a href="https://forbesthailand.com/news/property/%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%89.html">เคาะแล้ว! นโยบายแบงก์ชาติคุมปล่อยกู้สินเชื่อบ้าน เริ่ม 1 เม.ย.62</a></li>
</ul>
ทั้งนี้ มาตรการคุมเข้ม LTV มีผลกระทบมากกับกลุ่มผู้ซื้อโครงการแนวราบซึ่งสามารถกู้สินเชื่อบ้านได้เต็ม 100% ของราคาบ้านมานาน ขณะที่มาตรการใหม่จะกู้ได้ไม่เกิน 90% ของราคาบ้านกรณีเป็นบ้านราคาต่ำกว่า 10 ล้าน และ 80% ของราคาบ้านกรณีเป็นบ้านราคา 10 ล้านขึ้นไป

อย่างไรก็ตาม เอ็มดีเพอร์เฟคมองว่าบริษัทยังมีโอกาสทำยอดขายได้ตามเป้า เนื่องจากเพอร์เฟคยังมีโครงการรอเปิดขายในครึ่งปีหลัง แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 13 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ

<span style="color: #ff0000;">"เรารอการจัดตั้งรัฐบาลอยู่ เพราะจะทำให้ลูกค้ากลุ่มกลางบนขึ้นไปมีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจและกล้าตัดสินใจซื้อบ้าน</span> ส่วนกลุ่มกลางถึงล่าง เขามีดีมานด์ตลอดเวลาแต่ติดปัญหากู้สินเชื่อไม่ผ่าน เราก็รอรัฐบาลใหม่จะมีมาตรการที่ช่วยกำลังซื้อส่วนนี้หรือไม่" วงศกรณ์กล่าว

&nbsp;

<strong>Forbes Facts</strong>
<ul>
 	<li>เพอร์เฟคเคยเปิดขายบ้านพ่วงนวัตกรรมมาแล้วเมื่อครั้งจับมือกับเอสซีจีพัฒนาบ้าน "ไฮม์" เทคโนโลยีบ้านป้องกันแผ่นดินไหว แต่ยอดขายไม่เป็นไปตามคาด อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้วงศกรณ์กล่าวว่าบริษัทได้ปรับรูปแบบการขายจากบ้านสั่งสร้างมาเป็นบ้านพร้อมอยู่ ซึ่งน่าจะช่วยจูงใจได้ดีขึ้นเพราะลูกค้าได้ชมบ้านจริง</li>
 	<li>บ้านนวัตกรรมปลอดฝุ่นของเซกิซุยนี้เคยมีการติดตั้งมาแล้วในโครงการไซมิส คิน รามอินทรา 64 พัฒนาโดย บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด เมื่อปลายปี 2560</li>
</ul>
&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events