THAI MEDICAL GLOVE จับมือ SAP พลิกโฉมธุรกิจเฮลธ์แคร์ พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน - Forbes Thailand

THAI MEDICAL GLOVE จับมือ SAP พลิกโฉมธุรกิจเฮลธ์แคร์ พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน

ในฐานะผู้เล่นใหม่ในอุตสาหกรรม บริษัท โทยเมดิคอลโกลฟ จำกัด มีความพร้อมที่จะแข่งขันกับผู้เล่นในตลาด เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตถุงมือทางการแพทย์ชั้นนำของประเทศไทย เราได้สนทนากับ            คุณมนตรี ปุณณมากุล CEO ของบริษัท ซึ่งได้เผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการวางแผนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทและอธิบายว่า ทำไมเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) จึงได้สร้างพลังแห่งความมุ่งมั่นและขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัท ช่วยเล่าให้ฟังเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Thai Medical Glove Thai Medical Glove ก่อตั้งโดย นายแพทย์บุญ วนาสิน ด้วยเป้าหมายที่ต้องการ ส่งเสริมถุงมือทางแพทย์ของประเทศไทย ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกด้วยมาตรฐานสากล ผ่าน การสร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งเราได้สั่งสมประสบการณ์ในการบริหาร โรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เรามีความตั้งใจที่จะเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท โดยบริษัททั่วไปมักใช้เวลากว่า 20 ปี อย่างไรก็ตาม เราต้องการย่อกระบวนการให้สั้นลง และคาดการณ์ที่จะเสนอขายหุ้น IPO ของเราภายใน 3 ปี เพื่อให้บริษัทมีความโดดเด่นและแตกต่าง จากคู่แข่ง เราจึงพยายามขับเคลื่อนธุรกิจด้วยวิธีที่ต่างออกไป โดยเริ่มจากการเปลี่ยน Mindset จากวิธี “ดั้งเดิม” ที่ผู้เล่นในอุตสาหกรรมรายอื่นๆ ดำเนินการอยู่ เราเห็นการดิสรัปเกิดขึ้นมากมายในอุตสาหกรรม ซึ่งทำาให้ซัพพลายเชนได้รับผลกระทบ และลูกค้าก็ถูกดิสรัปเช่นเดียวกัน สำหรับโลกธุรกิจในทุกวันนี้ ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และเราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงควบคู่ไปด้วย เราจึงนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้ได้มากที่สุด เทคโนโลยีเป็นหัวใจสำคัญของความสามารถขององค์กรเพื่อให้เกิดความคล่องตัวและยืดหยุ่น  มากขึ้น Thai Medical Glove ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไรให้พร้อมมากขึ้นสำหรับอนาคต เพื่อบรรลุพันธกิจของเราและก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตถุงมือชั้นนำของประเทศไทย เราได้พิจารณาปัจจัยสำคัญ 2 ประการ ได้แก่ การนำเทคโนโลยีมาใช้และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมช่วยให้เราบรรลุเป้าหมาย และยังช่วยพัฒนาทักษะของพนักงานให้พร้อมสำหรับการทำงานในอนาคต เราได้คัดเลือกผู้มีความสามารถและผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยเราจัดทำกระบวนการ เพื่อให้เป็นธุรกิจที่มีการจัดการได้ดีที่สุด และเตรียมพร้อมสำหรับความต้องการถุงมือทางการแพทย์ที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งคาดว่าการเติบโตจะเพิ่มขึ้นจาก 8% เป็น 28% ต่อปี เรามีกำลังการผลิตที่มากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย และมีแผนที่จะผลิตถุงมือ 2 หมื่นล้านชิ้นต่อปี แนวทางดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-driven) เป็นอันดับแรกจึงฝังอยู่ในทุกส่วนของธุรกิจของเรา เราใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต จัดการต้นทุนการผลิตของเรา ในขณะที่ช่วยให้ธุรกิจของเรามีความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
มนตรี ปุณณมากุล Chief Executive Officer
Thai Medical Glove เพิ่งเลือก RISE ร่วมกับ SAP เพื่อจัดการกับความท้าทายทางธุรกิจที่สำคัญบางประการ ช่วยอธิบายสิ่งที่นำไปสู่การตัดสินใจนี้ว่ามีประโยชน์อะไรบ้าง การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จนั้นต้องการมากกว่าแค่การนำเทคโนโลยีมาใช้ในฐานะที่เป็นธุรกิจที่ตั้งขึ้นใหม่ การมีพันธมิตรด้านเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์เป็นกุญแจสำคัญในการช่วยให้ Thai Medical Glove เร่งขยายธุรกิจและการเติบโตของเรา ด้วยพันธมิตรที่เชื่อถือได้อย่าง SAP เราสามารถบรรลุแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด ที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ซึ่งช่วยให้เรามีประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นทางดิจิทัล ‘RISE with SAP’ ทำหน้าที่เป็นแกนหลักดิจิทัล ในการก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจของเรา และทำให้เราสามารถควบคุมและลดต้นทุนการผลิตทั่วทั้งซัพพลายเชน รับข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้ทีมผู้บริหารสามารถวางแผนล่วงหน้า วิเคราะห์และคาดการณ์การเติบโต และกำาไรของธุรกิจได้ และลดข้อผิดพลาดในการผลิต ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจของเรา นอกจากนี้ การนำโซลูชั่นระบบคลาวด์ เช่น SAP S/4HANA มาใช้ ช่วยให้เราขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้เรารักษาความได้เปรียบในการแข่งขันไว้ได้ หลายบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับยุคหลัง    COVID-19 มีคำาแนะนำอะไรบ้างให้กับบริษัทเหล่านี้ บริษัทต้องคิดใหม่และออกแบบวิธีดำเนินการใหม่ และต้องมีความสามารถในการรับ วิเคราะห์ และดำเนินการกับข้อมูลภายในและภายนอกแบบเรียลไทม์ ระบบอัตโนมัติ และการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจะช่วยสร้างแผนที่ละเอียดรอบคอบ เพื่อให้บริษัทประสบความสำเร็จ และแม้กระทั่งคาดการณ์ผลลัพธ์ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงสภาวะแวดล้อมการนำ “การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล” มาใช้ ซึ่งใช้ประโยชน์จากชุดข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้ธุรกิจต่างๆ สามารถทำได้มากขึ้นโดย ใช้เวลาน้อยลง และมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ตลอดจนสร้างซัพพลายเชนที่ยืดหยุ่น ในขณะเดียวกันก็สร้างรูปแบบธุรกิจและแหล่ง  รายได้ใหม่ๆ เช่นเดียวกัน