“เราไม่ได้รู้สึกว่างานที่ทำอยู่เป็นแค่อาชีพ แต่เราทุ่มเท และเอาใจใส่กับทุกสิ่งที่เราทำเพราะเราอยากให้แบรนด์ของเราเข้าไปอยู่ในใจลูกค้าอย่างแท้จริง” นี่คือบทสรุปที่ ปอ-ถวนันท์ ธเนศเดชสุนทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี เวล แกรนด์ แอสเสท จำ.กัด นิยามถึงความมุ่งมั่นที่ทำ.ให้เขาและหุ้นส่วน ทุ่มหมดหน้าตักเพื่อสร้างธุรกิจเมื่อ 8 ปีก่อน
“ผมมีพื้นฐานเป็นสถาปนิก ช่วงที่เรียนจบ กลับมาเมืองไทยใหม่ๆ ผมเป็นอาจารย์อยู่ ที่คณะสถาปัตยกรรม ม. ธรรมศาสตร์ แต่ในใจลึกๆ ก็มีแพชชั่นอยากจะทำธุรกิจ อยากพัฒนาโครงการที่เราออกแบบเอง เลยชวนหุ้นส่วนอีก 2 คน มาร่วมกันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์แห่งแรกที่สุขุมวิท 65 ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ผมยิ่งมีแพชชั่นกับธุรกิจนี้มากขึ้น”
อย่างไรก็ตามแม้จะเริ่มต้นธุรกิจจากทีมงานคุณภาพเพียง 5 คน ซึ่งถวนันท์บอกเล่าอย่างติดตลกว่า 3 ใน 5 คือ ทีมผู้บริหารแต่ด้วยความมุ่งมั่นและไอเดียในการดีไซน์ที่แตกต่าง ทำให้ ดี เวล สามารถแจ้งเกิดในวงการได้อย่างสง่างาม สร้างชื่อผ่านผลงานคุณภาพมาแล้วมากมาย อาทิ โครงการ ดี 65 คอนโดมิเนียม สุขุมวิท, ดี 25 คอนโดมิเนียม ทองหล่อ ซอย 25, ดี เมโมเรีย พหลโยธิน ซอย 8 และ ดี มูระ พหลโยธิน - เกษตร
“ในฐานะดีเวลลอปเปอร์ขนาดกลาง เราเน้นสร้างความแตกต่างที่โปรดักซ์ เพื่อสร้างแบรนด์ ซึ่งผมมองว่าโปรดักซ์ที่ดี แค่ดีไซน์สวยอย่างเดียวยังไม่พอ แต่ต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัยในทุกมิติอย่างแท้จริงในราคาที่จับต้องได้ เพราะฉะนั้นนอกจากความใส่ใจที่เราทุ่มเทในการพัฒนาทุกโครงการ เรายังตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า ถ้าเราทำแบบนี้แล้วลูกค้าจะได้อะไร”
หลังจากสั่งสมประสบการณ์บุกตลาดคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ในหลายย่านของกรุงเทพฯล่าสุดเมื่อปีที่แล้วดีเวลเปิดเกมรุกใหม่หันมาบุกโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบใจกลางเมืองเพราะเห็นแนวโน้มการอยู่อาศัยของคนเมืองที่เปลี่ยนไป
“อย่างที่บอกว่าเราใส่ใจกับความต้องการของลูกค้าเป็นที่ตั้ง เรามีการศึกษาเทรนด์ความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จนพบว่าสุดท้ายแล้วเป้าหมายสูงสุดของคนส่วนใหญ่ คือการมีบ้านเพราะฉะนั้นเราถึงหันมาบุกตลาดนี้ โดยเปิดตัวโครงการแนวราบโครงการแรก คือ อาณา เอกมัย (ARNA Ekamai) โครงการบ้านเดี่ยวระดับซูปเปอร์ลักชัวรีพร้อมอยู่ ที่ไม่เพียงโดดเด่นด้วยโลเคชั่นที่สงบและตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้เอกมัย และทองหล่อ รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่สอดรับกับทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนเมือง แต่ยังให้ความเป็นส่วนตัว ออกแบบให้รองรับเพียง 11 ครอบครัว สมกับเป็น Secret Village”
พร้อมกันนี้ยังชูไอเดียการออกแบบที่เหนือชั้นตั้งแต่การคัดสรรเฉพาะวัสดุที่ดีที่สุดพิถีพิถันในการออกแบบทุกรายละเอียดเพื่อออกแบบพื้นที่ใช้สอยในบ้านให้สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อยู่อาศัยในหลากหลายเจเนอเรชั่นได้อย่างแท้จริงพร้อมมอบความอุ่นใจให้ผู้อยู่อาศัยด้วยบริการหลังการขายซึ่งจะนำร่องให้บริการสำหรับลูกค้าโครงการอาณาเอกมัยเป็นที่แรกก่อนจะเริ่มดำเนินการในทุกโครงการของดีเวลจากนี้
ผลจากความมุ่งมั่นที่ไม่ได้ใช้แค่ความรู้และประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการแต่ใช้หัวใจขับเคลื่อนพาให้ล่าสุดอาณาเอกมัยสามารถคว้า 3 รางวัลจาก Thailand Property Awards 2017 และเป็นตัวแทนประเทศไทย ไปคว้ารางวัล Best Residential Property Asia Pacific 2018 มาครองได้สำเร็จ
“ตอนที่ได้รางวัลระดับประเทศเราก็ภูมิใจแล้ว แต่พอรู้ว่าได้รางวัลระดับภูมิภาคคือยิ่งภูมิใจ เหมือนเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเรามาถูกทางแล้วจริงๆ”
สำหรับกลยุทธ์ของ ดี เวลจากนี้ ผู้บริหาร คนเก่งกล่าวว่า ในปีนี้ ดี เวล ยังคงโฟกัส ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยมีแผนจะเปิดตัว 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการทาวน์โฮมแนวใหม่ ที่ร่วมทุนกับ บ. เศรษฐีวรรณ ภายใต้ชื่อแบรนด์ “AIRES (ไอเรส)” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มครอบครัวสมัยใหม่ เน้นไลฟ์สไตล์แบบ Work-life Integration ที่ ต้องการผสมผสานการใช้ชีวิตในบ้าน และที่ทำงานอย่างลงตัว บน 3 ทำเลศักยภาพ ได้แก่ พระราม 9, รัชดาภิเษกและรามคำแหงควบคู่ไปกับการพัฒนาคอมเมอเชี่ยลสเปชย่านบางนา
สำหรับเป้าหมายระยะยาวถวนันท์ย้ำว่ายังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยเน้นการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน
“กุญแจสำคัญที่พาให้เราประสบความสำเร็จ มาถึงวันนี้ คือความเอาใจใส่และทุ่มเทในการพัฒนาโครงการ เพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแรง และเข้าไปอยู่ในใจลูกค้าจากการบอกต่อปากต่อปาก ไม่ใช่จากการโฆษณา ทุกโครงการที่เราทำ เราดูแลตั้งแต่การก่อสร้าง จนวันนี้เราก้าวไปอีกขั้น ด้วยการดูแลบริการหลังการขายในทุกโครงการจากนี้ ถามว่าสเกลเราเล็กเกินไปหรือไม่สำหรับมีบริการหลังการขายเป็นของตัวเอง ผมคิดต่างว่า เราไม่ได้มองเรื่องสเกล แต่ผมว่าเรากำลังลงทุนเพื่อสร้างแบรนด์ของเราให้แข็งแรงขึ้น” ถวนันท์ทิ้งท้าย
Quote: "ในฐานะดีเวลลอปเปอร์ขนาดกลาง เราเน้นสร้างความแตกต่างที่โปรดักซ์เพื่อสร้างแบรนด์ เพราะฉะนั้นนอกจากความใส่ใจที่เราทุ่มเทในการพัฒนาทุกโครงการ เรายังตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า ถ้าเรา ทำแบบนี้แล้วลูกค้าจะได้อะไร"