“เดอะไพร์ทอน” ที่หนึ่งในใจแม่ค้าออนไลน์ หนุนรายได้ทะยานสู่ 1,000 ล้าน - Forbes Thailand

“เดอะไพร์ทอน” ที่หนึ่งในใจแม่ค้าออนไลน์ หนุนรายได้ทะยานสู่ 1,000 ล้าน

จากชีวิตแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องการมีรายได้เสริม "อุไรวรรณ อาจศัตรู" ก้าวสู่การเป็นเจ้าของโรงงานผลิตเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารครบวงจร "เดอะไพร์ทอน" ด้วยมาตรฐาน GMP และเทคโนโลยีที่ทันสมัย และวิสัยทัศน์ที่ต้องการเติบโตเคียงข้างแม่ค้าออนไลน์ จึงไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ตลาด จากโรงงานแรกสู่โรงงานที่สอง ด้วยงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท และเป็นแรงผลักดันให้ "เดอะไพร์ทอน" ทะยานสู่เป้าหมายรายได้ 1,000 ล้านบาทในปีนี้

อุไรวรรณ อาจศัตรู ปัจจุบันเป็นผู้บริหารระดับสูง ของบริษัท เดอะไพร์ทอน จำกัด (The Phaithon) เริ่มเส้นทางชีวิตจากการเป็นแม่ค้าออนไลน์ในช่วงปี 2559 เพราะอยากมีรายได้เสริมจากการทำงานเป็นพนักงานรายวัน และเห็นตัวอย่างหลายคนประสบความสำเร็จจากการขายออนไลน์มีรายได้หลักล้านบาท แต่ก้าวแรกก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ

"เราเริ่มต้นจากรายเล็กๆ ขายสบู่ ครีมบำรุงผิว เพราะอยากมีรายได้เสริม มีบางคนสำเร็จจากขายออนไลน์หลักล้าน ครั้งแรกที่ทำไม่ประสบความสำเร็จ ก็ลองผิดลองถูก ไม่รู้ว่าสินค้าตัวไหนที่ทำแล้วจะประสบความสำเร็จ เปิดขายหลายแบรนด์ ไม่โฟกัสแบรนด์ไหนดัง มีสินค้าเยอะก็ไปเปิดบิลกับเขา จนมาเจอสินค้าแอลบีของคุณต้นหอม มียอดขายถล่มทลาย มองเห็นว่าอาชีพแม่ค้าออนไลน์ก็สามารถทำเงินได้ ก็ขายไปเรื่อยๆ จนเริ่มพัฒนาแบรนด์ของตัวเอง"

แบรนด์แรกของ อุไรวรรณ คือ มิยาบิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนที่ตั้งใจทำเพื่อจำหน่ายให้กับสาวโรงงาน พนักงานรายวันที่เธอเคยเป็นมาก่อน คนกลุ่มนี้ต้องการบริโภคอาหารเสริมคุณภาพดี ในราคาไม่แพง มิยาบิจึงเข้ามาตอบโจทย์ในราคาเพียงกล่องละ 99 บาท และขายดีมาก ออร์เดอร์พุ่งพรวดขาย 1 แสนกล่อง หมดภายใน 1 วัน จึงสั่งผลิตอีก 5 แสนกล่อง 1 ล้านกล่อง แต่ปัญหาคือโรงงานผลิตสินค้าให้ไม่ทัน เป็นจุดเปลี่ยนให้คิดทำโรงงานเอง

จากโรงงานแรกสู่แห่งที่ 2 ลงทุน 100 ล้าน

อุไรวรรณ กล่าวว่า สมัยนั้นยังไม่มีโรงงานขนาดใหญ่ จึงคิดอยากทำโรงงาน ในปี 2563 พอขายสินค้าแคลซี่ คอลลาเจน ของ วินัย ไกรบุตร ยอดขายดีมาก จึงคิดทำโรงงานอีกครั้ง เพราะยอดขายสินค้าในขณะนั้นสามารถหล่อเลี้ยงโรงงานได้ จึงเป็นที่มาของการตั้งโรงงานแรก เพื่อซัพพอร์ตการขายสินค้าของตัวเองเป็นหลัก ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้รับผลิตสินค้าให้กับแบรนด์อื่น (OEM) แต่ด้วยทัศนคติไม่ตรงกันกับหุ้นส่วน ทำให้ธุรกิจชะงักอีกรอบ

"ตอนนั้นหุ้นส่วนมีความเห็นไม่ตรงกัน เรามองในมุมแม่ค้าออนไลน์ อยากให้เขาขายสินค้าในราคาไม่แพง ถึงจะกำไรน้อยแต่เน้นวอลุ่มปริมาณมากๆ แต่หุ้นส่วนให้โรงงานอยู่ได้ มีกำไร เมื่อทัศนคติไม่ตรงกัน ก็ถอยคนละก้าว"

สำหรับโรงงานแห่งแรก ใช้เงินลงทุนไม่ถึง 10 ล้าน แต่พอมีปัญหาแนวคิดไม่ตรงกัน ก็แยกออกมาทำเอง แต่สุดท้ายหุ้นส่วนเปลี่ยนใจ ขายหุ้นให้ทั้งหมดในปี 2565 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "เดอะไพร์ทอน"

​การทำโรงงานทำให้ อุไรวรรณ ต้องเรียนรู้มากขึ้น ทำการบ้านมากขึ้น เพื่อให้ก้าวไปสู่ความฝันในการเป็นโรงงานผลิตอันดับ 1 ในใจแม่ค้าออนไลน์ มีการพัฒนาตัวเองมากขึ้น ไปเรียนเสริมด้าน R&D หาความรู้ด้านวัตถุดิบ สารสกัดต่างๆ พัฒนาและคิดค้นหาสูตรที่จะตอบโจทย์ผู้บริโภคให้มากที่สุด และเป็นสินค้าคุณภาพในราคาจับต้องได้

"โรงงานเรามีจุดเด่นเรื่องกาแฟ ตอนนั้นเรามองเห็นว่ากาแฟมีทุกบ้าน ทุกคนต้องกิน อย่างน้อยวันละสองซอง ยอดขายของกาแฟแบรนด์ยักษ์ใหญ่แต่ละแบรนด์มียอดขายหลักหมื่นล้าน อย่างน้อยเราได้แค่ 1% หรือ 0.1% ก็สูงมากแล้ว ขณะเดียวกันมองว่ากาแฟที่ดีไม่ใช่ราคาสูงอย่างเดียว แต่มีราคาจับต้องได้ เราคิดว่าลูกค้าไปได้ เราไปได้"


​เดอะไพร์ทอน ถือเป็นโรงงานผลิตสินค้าประเภทกาแฟสำหรับแม่ค้าออนไลน์รายใหญ่ ปัจจุบันมีการผลิตหลากหลายแบรนด์ เช่น ยอดรัก นาคาคอฟฟี่ ชายชง เป็นต้น นอกจากกาแฟแล้วทางเดอะไพร์ทอนยังเด่นในเรื่องของสินค้าประเภทคอลลาเจน ที่มีสินค้าอีกหลายแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ เช่น นิภา ดอกเตอร์จี นาริโกะ เป็นต้น และมีการคิดค้น วิจัยและพัฒนาสารสกัด กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่อุไรวรรณพยายามพัฒนาคิดค้นสารสกัดใหม่ๆ ที่จะช่วยให้แม่ค้าออนไลน์สามารถขายสินค้าได้ในราคาไม่แพงมาก และตอบโจทย์คนรักสุขภาพ จนได้รับรางวัล The Masterpiece Business Of Health And Beauty Manufacturer 2023 ในงานอายุน้อยร้อยล้าน Thailand Health and Beauty Awards 2023

"เรามียอดสั่งผลิตซ้ำจากลูกค้าสูงมาก อย่างยอดรัก 16 ล็อต นิภา 17 ล็อต นาริโกะ 27 ล็อต ตอกย้ำสิ่งที่เราคิดมาถูกทาง เราคิดแบบเจ้าสัว เราแลกด้วยวอลุ่ม บวกกำไรน้อยหน่อย ให้แม่ค้าตรงกลางไปขายต่อได้ ไม่อย่างงั้นเราจะไม่สามารถสู้โรงงานใหญ่ๆ ได้ สุดท้ายพอลูกค้ารีพีทเยอะๆ เราก็มีต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง โรงงานก็อยู่ได้ เราถือคติที่ว่า ลูกค้าอยู่ได้ โรงงานก็อยู่ได้" อุไรวรรณกล่าว

จากประสบการณ์การเป็นแม่ค้าออนไลน์มาก่อน เดอะไพร์ทอน จึงมุ่งตอบสนองความต้องการของแม่ค้าออนไลน์เป็นหลัก "คุณเดินมาหาเรา คุณได้ราคาที่ไปต่อได้แน่นอน เราเหลือค่าตลาดไว้ให้คุณ ราคาสินค้าขายต่อได้ มาแพลนสินค้ากับเราไม่ต้องรอนาน" นี่คือจุดขายของเดอะไพร์ทอน ซึ่งเก็บข้อมูล pain point ทั้งหมดของลูกค้ามาวางแผนการทำธุรกิจ ซึ่งปัจจุบัน เดอะไพร์ทอน มีฐานลูกค้ากว่า 200 แบรนด์ และอยู่ระหว่างลงทุนโรงงานแห่งที่ 2 ที่คลอง 8 ลำลูกกา ด้วยมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดดำเนินการในเดือนสิงหาคมนี้ และเป็นแรงผลักดันให้เดอะไพร์ทอนก้าวสู่เป้าหมายรายได้ 1,000 ล้านบาทในปีนี้


​เป้าหมายคือแรงจูงใจขับเคลื่อนธุรกิจ

อุไรวรรณ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ 1,000 ล้านบาทในปีนี้ เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าจากปีก่อนที่มีรายได้ 380 ล้านบาท เพราะโรงงานแห่งใหม่จะขยายไลน์ผลิต ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอางเพิ่มขึ้น มีกำลังการผลิตหลักหมื่นชิ้นต่อวัน แม้จะเป็นการตั้งเป้าหมายที่สูงมาก แต่เชื่อว่าด้วยความมุ่งมั่นจะสามารถไปถึงได้ ซึ่งในปีนี้ เดอะไพร์ทอน วางแผนขยายตลาดต่างประเทศ ไปพร้อมกับแม่ค้าออนไลน์ที่สนใจขยายตลาดไปด้วยกัน และในอีก 3 – 5 ปีข้างหน้า เป้าหมายคือการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

"กรีน (อุไรวรรณ) เป็นคนชอบตั้งเป้าหมาย และอยากพาคนรอบข้าง ที่เป็นแม่ค้าออนไลน์ อยากให้น้องๆ มีเป้าหมายร่วมกันกับเรา อยากมีบ้าน มีรถ กรีนเริ่มจากการตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง จากโรงงานเล็ก เป็นโรงงานใหญ่ มีแห่งที่สอง เป็นคนที่มีเป้าหมายในชีวิตเสมอ ทำให้ทุกอย่างเดินไปอย่างมีแรงจูงใจเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น"

​อุไรวรรณ อยากให้กำลังใจแม่ค้าออนไลน์ เวลาเจอปัญหาและอุปสรรค จะถอยก้าวหนึ่งเสมอ เราจะไม่วิ่งชนปัญหาเพื่อเอาชนะ แต่จะย้อนกลับมาดูตัวเอง โทษตัวเอง ปรับปรุงตัวเอง ว่าเราบกพร่องตรงไหน ขาดตรงไหน เราจะต้องปรับเปลี่ยนอย่างไร เวลาเจอปัญหาต้องทำอย่างไร สิ่งสำคัญต้องมีสติให้มากที่สุด ไม่วู่วาม อดทน มีวินัย จะทำให้เราฝ่าฟันอุปสรรคไปได้

"สิ่งเหล่านี้จะพยายามสอนทีมงาน พนักงานทุกคน รวมถึงแม่ค้าออนไลน์ทุกคนที่เดินเข้ามาหาเดอะไพร์ทอน ไม่ใช่มีเงินอย่างเดียวแล้วจะสำเร็จได้ ต้องมีใจด้วย ต้องมีความอดทน มีวินัย ถ้ามีสิ่งเหล่านี้หิ้วกระเป๋ามาหาเรา เราซัพพอร์ตคุณได้ ถ้าคุณมาหาเรา สามารถเติบโตไปกับเราได้แน่นอน" อุไรวรรณกล่าวทิ้งท้าย