Zipmex แพลตฟอร์มเทรด Digital Asset ลูกครึ่งไทย-สิงคโปร์ มั่นใจตลาดคริปโตไทยบูมต่อเนื่อง
มาร์คัส ลิม - เอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ก่อตั้ง Zipmex แพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มั่นใจตลาดคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ในไทยและภูมิภาคขยายตัวอีกมาก ชูจุดเด่นครอบคลุม 4 ประเทศ พร้อมค่าธรรมเนียมการเทรดต่ำที่สุด
มาร์คัส ลิม ซีอีโอ Zipmex Asia และหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Zipmex กล่าวว่า คริปโตเป็นคอนเซ็ปท์ใหม่ที่ล้ำหน้าและไร้ขอบเขต ถือเป็นการปฏิวัติทางการเงินที่ทำให้ ผู้คนสามารถใช้จ่ายและเก็บเงินบนโลกออนไลน์ได้ โดยหลังจากที่ตนได้เริ่มเข้าไปเทรดเมื่อปี 2559 ได้เห็นศักยภาพของสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ไม่ใช่เพียงแหล่งการซื้อขายแลกเปลี่ยนเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสทางธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นประตูให้ผู้คนได้ก้าวเข้าสู่ อีโคซิสเต็มส์ของสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นโลกแห่งการลงทุนในอนาคต
ในปี 2561 ลิมได้รู้จักกับ ดร. เอกลาภ ยิ้มวิไล ซึ่งขณะนั้นทำงานให้กับบริษัทหลักทรัพย์ไทยแห่งหนึ่ง ดร. เอกลาภ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายธุรกิจการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านตลาดทุนและสินทรัพย์ใหม่ มองเห็นประโยชน์และศักยภาพของบล็อคเชนและการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับการลงทุน
ความสนใจในคริปโตและการมองเห็นโอกาสทางการตลาดจากการที่มีแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลให้บริการในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่เพียงไม่กี่ราย ทำให้ทั้งคู่ร่วมกันก่อตั้ง Zipmex ขึ้น โดยเริ่มที่อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และออสเตรเลียในเดือนกันยายน 2562 ก่อนขยายสู่ประเทศไทยในเดือนกรกฎาคม 2563
“เราเป็นแพลตฟอร์มเพื่อการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลที่สามารถซื้อขายและสร้างรายได้จากสินทรัพย์ดิจิทัลได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นไปได้อย่างปลอดภัยและง่าย” ดร. เอกลาภ ซีอีโอ Zipmex ประเทศไทย กล่าว
“วิสัยทัศน์ของเรา คือ การสร้างอีโคซิสเต็มส์แบบดิจิทัลที่ปลอดภัยและมั่นคง เพื่อผู้ใช้งานสามารถลงทุน เก็บออม ใช้จ่าย และบริหารจัดการเงินในอนาคตด้วยตัวเอง การชำระเงินรวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมต่ำ โดยสินทรัพย์จะได้รับการประกันภัยวงเงินสูงสุด 100 ล้านเหรียญสหรัฐผ่านความร่วมมือกับ BitGo” ลิม กล่าว
จุดเด่นของ Zipmex คือ มีค่าธรรมเนียมการเทรดที่ต่ำที่สุด โดยมีเหรียญให้เทรดกว่า 50 เหรียญ ถือเป็นแพลตฟอร์มเดียวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานภาครัฐถึง 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย (ได้รับใบอนุญาตการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจากกระทรวงการคลังในการกำกับของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย และยังเป็นหนึ่งในบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคนี้
“เราต้องการส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสจัดการทรัพย์สิน เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเสริมสร้างความมั่งคั่ง ทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่าย สามารถลงทุนได้ทุกที่ทุกเวลา เราได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตั้งแต่บัญชีเงินฝากแบบมีโบนัส NFT (Non-Fungible Token) Market Place หรือตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่เป็นสิ่งของที่มีความแตกต่างเฉพาะตัวไม่สามารถทดแทนกันได้ และบัตรคริปโต ซึ่งถือเป็นรายแรกในเอเชียอีกด้วย” ลิม กล่าว
ปัจจุบันตลาดคริปโตทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าอาจจะพุ่งขึ้นถึงกว่า 5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในอีก 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากนักลงทุนสถาบันต่างทะยอยเพิ่มสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าไปในพอร์ตโฟลิโอมากขึ้น โดยในรอบปีที่ผ่านมา Zipmex ขยายตัวสูงถึง 2,500% จำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นจาก 80 คนทั่วโลกในปลายปี 2563 เป็น 370 คนในปี 2564 และในไทยมีพนักงานเพิ่มขึ้นจาก 30 คน เป็น 270 คน
Zipmex ยังได้รับเงินลงทุนในการระดมทุนรอบ Series B เมื่อ 31 สิงหาคม 2564 เป็นจำนวนเงิน 41 ล้านเหรียญสหรัฐหรือกว่า 1.3 พันล้านบาทจาก Venture Capital ระดับโลกอย่าง B Capital และ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่เน้นการลงทุนในสตาร์ทอัพ รวมทั้ง บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) ที่ร่วมลงทุนในรอบนี้ โดยก่อนหน้านี้ได้รับเงินลงทุนในรอบ Series A จำนวนกว่า 300 ล้านบาท
“ปี 2564 ตลาดคริปโตในไทยเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นและได้รับความเชื่อถือมากขึ้นจากดีลใหญ่ ตลาดยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ปัจจุบัน มีผู้เปิดบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัล 1.6-1.7 ล้านคน เทียบกับประชากรทั้งประเทศ 70-80 ล้านคน เราจึงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้คนไทยเข้าสู่โลกของสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเน้นขยายตลาดในกลุ่มผู้ใช้บริการรายใหม่ๆ เข้ามา” ดร. เอกลาภ กล่าวทิ้งท้าย