เศรษฐกิจจีนแข็งแกร่งแค่ไหนดูได้จากตัวเลขคาดการณ์ของ IMF หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาที่คาดว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2564 นี้จะเติบโตถึง 8% เมื่อเทียบกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะขยายตัว 5.5%

การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของจีนเป็นที่จับตามองของนักลงทุนทั่วโลก ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสะท้อนได้จากปริมาณการลงทุนจากต่างประเทศที่หลั่งไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรจีน
รายงานการวิเคราะห์ของ Peterson Institute for International Economics และ People’s Bank of China หรือธนาคารกลางจีนระบุว่า นักลงทุนต่างชาติได้ถือพันธบัตรและหุ้นจีนมูลค่า 5.7 ล้านล้านหยวนหรือ 8.37 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2563 ซึ่งเป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 45% เมื่อเทียบกับ 12 เดือนก่อน
และหากนับจากปี 2557 ซึ่งเป็นปีแห่งการเปิดตลาดการลงทุนในจีน เม็ดเงินลงทุนในจีนจากนักลงทุนทั่วโลกมีปริมาณเพิ่มขึ้นถึงกว่า 6 เท่าเลยทีเดียว
การถือครองสินทรัพย์ในประเทศจีนของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“เงินลงทุนที่ทะลักเข้าสู่จีนไม่ใช่แค่สะท้อนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนเท่านั้น แต่ยังบ่งบอกว่า นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลจากการดำเนินการต่างๆ ของจีนที่ต้องการเปิดตลาดทางการเงิน” Gian Plebani ผู้จัดการกองทุน UBS Asset Management ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ระดับโลกและพันธมิตรของ ซิตี้โกลด์กล่าว
เขายังได้อธิบายว่า ที่ผ่านมาการลงทุนในหุ้นและพันธบัตรจีนของนักลงทุนสถาบันเคยมีข้อจำกัด โดย นักลงทุนจะต้องขออนุญาตผ่านระบบโควต้าเท่านั้น และการนำเงินลงทุนออกจากประเทศจีนในอดีตก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
อย่างไรก็ตาม จีนได้เปิดตลาดให้นักลงทุนทั่วโลกเข้ามาลงทุนในตลาดจีนได้ง่ายขึ้นแล้ว โดยเปิดให้นักลงทุนต่างประเทศสามารถลงทุนในตลาดหุ้น Shanghai ด้วยโครงการ Shanghai – Hong Kong Stock Connect ในปี 2557 เพื่อเชื่อมโยงการลงทุนระหว่างตลาดหุ้น Hong Kong (HKEX) และตลาดหุ้น Shanghai (SSE)
ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา จีนยังได้เปิดให้นักลงทุนต่างประเทศลงทุนในตลาดหุ้น Shenzhen (SHZE) และตลาดพันธบัตรในประเทศผ่านแพลตฟอร์มที่คล้ายกับ Shanghai – Hong Kong Stock Connect โดยระหว่าง นี้เอง จีนก็ได้พบข้อกังวลของนักลงทุนและได้ปรับปรุงเงื่อนไขการลงทุนให้ง่ายขึ้น
สิ่งที่จีนดำเนินการถือเป็นเรื่องที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย จีนได้ประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้ามา ซึ่งช่วยขับเคลื่อนให้ตลาดขยายตัวมากขึ้น ส่วนนักลงทุนต่างชาติที่สนใจลงทุนในจีนก็สามารถกระจายการลงทุนได้มากขึ้น Plebani กล่าว
เขาเชื่อว่าโอกาสในการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรจีนยังมีอีกมาก และเม็ดเงินจากต่างชาติจะหลั่งไหลเข้าสู่ทั้งสองตลาดนี้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากดัชนีหุ้นทั่วโลกกำลังเดินหน้านำสินทรัพย์ทางการเงินของจีนเข้ามารวมในดัชนีด้วย
เมื่อดูตัวเลขจากรายงานของ Nikei Asia จะพบว่าเงินลงทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นจีนยังเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก โดยมีสัดส่วนเพียง 2-3% เท่านั้น
อีกเหตุผลหนึ่งที่เขาเชื่อว่า นอกจากนี้ การลงทุนจากทั่วโลกในจีนเมื่อเทียบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ของจีนที่ส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกก็ไม่สอดคล้องกัน โดย GDP จีนคิดเป็นสัดส่วนถึง 18% ของ GDP โลก แต่ตลาดหุ้นจีนมีมาร์เก็ตแชร์เพียง 5.2% เท่านั้น ขณะที่ GDP สหรัฐมีสัดส่วน 25% แต่ตลาดหุ้นมีมาร์เก็ตแชร์สูงถึง 57%

สำหรับการลงทุนในจีน Plebani กล่าวว่า กองทุน UBS (Lux) Key Selection SICAV - China Allocation Opportunity (USD) ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ สามารถช่วยให้นักลงทุนเข้าสู่ตลาดการลงทุนในจีนได้แบบ One-stop ทั้งหุ้นและพันธบัตรในจีนและต่างประเทศ ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รางวัล Platinum จาก Fund Selector Asia Awards ที่สิงคโปร์ถึง 2 ปีซ้อนในปี 2563 และ 2564

Plebani ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุน กล่าวว่า กองทุนได้เริ่มเข้าไปลงทุนตลาดทุนจีนตั้งแต่มีนาคมปีที่ผ่านมา โดยสัดส่วนของหุ้น China A Shares ในพอร์ต ซึ่งเป็นหุ้นจีนที่ซื้อขายใน SSE และ SHZE ได้ขยายตัว เพิ่มขึ้น เป็นผลจากนโยบายสนับสนุนการลงทุนที่กระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน
UBS Asset Management ได้เข้าไปลงทุนในตลาดทุนจีนตั้งแต่ปี 2540 โดยเป็นเบอร์ 1 ผู้จัดการกองทุนต่างประเทศในจีน 2 ปีซ้อนจากการจัดอันดับโดย Broadbridge ซึ่งทำ survey ในกลุ่มผู้จัดการกองทุน
การลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ของจีนอาจจะยังเป็นเรื่องใหม่ แต่เขาเชื่อว่าจะได้รับความนิยมในไม่ช้า สำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจสามารถวางแผนการบริหารการลงทุนผ่านซิตี้โกลด์ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารความมั่งคั่งคอยให้คำแนะนำ โดยซิตี้โกลด์เน้นการจัดการการลงทุนผ่านการบริหารพอร์ตโฟลิโอที่กระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ โดยมีตัวเลือกในการกระจายการลงทุนได้ทั่วโลกกว่า 200 กองทุน จากพาร์ทเนอร์ทางการเงินที่หลากหลายกับ 5 บลจ. ในประเทศและ 13 บลจ. ต่างประเทศ มีความ หลากหลายของกองทุนทั้งประเภทของสินทรัพย์ และภูมิภาคของการลงทุน ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงของนักลงทุนได้เป็นอย่างดี
พร้อมกันนี้ซิตี้โกลด์ได้อำนวยความสะดวกแต่ลูกค้า โดยมีผู้ดูแลบัญชีที่พร้อมให้บริการคำแนะนำและอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมต่างๆ การลงทุนให้กับลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์ รวมถึงการจัดประชุมทาง วิดีโอคอล นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถตรวจสอบการเคลื่อนไหวของพอร์ตโฟลิโอการลงทุนของตัวเอง โอนเงินผ่านทางพร้อมเพย์ไปยังต่างธนาคาร หรือโอนเงินไปยังบัญชีต่างประเทศได้ง่ายๆ รวมถึงสามารถเปิดบัญชีสกุลเงินต่างประเทศและซื้อ-ขายกองทุนได้ทันที ผ่านทางซิตี้โมบายล์แอปได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยทางซิตี้โกลด์ขอมอบข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจเปิดบัญชีซิตี้โกลด์ที่มีเงินฝากและ/หรือเงินลงทุนเริ่มต้นตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป รับโปรโมชั่นพิเศษเวลคัมโบนัส ดับเบิ้ลอัพคะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ดสูงสุด 230,000 คะแนน และเครดิตเงินคืนสูงสุด 100,000 บาทเมื่อลงทุนในกองทุนรวมประเภท Non-Money Market ที่เข้าร่วมรายการ และ/หรือ ลงทุนในผลิตภันฑ์ตราสารหนี้ต่างประเทศ* พร้อมสิทธิประโยชน์ด้านไลฟ์สไตล์และการลงทุนต่างๆ มากมาย
ตั้งแต่ 1
มกราคม 2564 ถึง 31
ธันวาคม 2564
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.citibank.co.th/th/newcitigoldcustomer/index.htm?icid=DIMTHWMAENUBSWB
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารฯ กำหนด
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยงและไม่ขายให้บุคคลอเมริกัน