การระบาดของไวรัสโคโรนาทำให้ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตโควิด-19 ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามแสดงให้เห็นว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยตระหนักถึงความสำคัญของการมีหลักประกันให้กับตนเอง หรือคนในครอบครัวหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
สอดคล้องกับหลักคิดของ ไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิตจำกัด (มหาชน) ที่บอกว่าแก่นแท้ของการทำธุรกิจประกันชีวิตคือคุณค่าแห่งความรัก (value of love) ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของ core value ของบริษัทอีก 2 ส่วนคือ คุณค่าของความเป็นมนุษย์ (value of people) และคุณค่าของชีวิต (value of life) “คุณค่าแห่งความรักเป็นแก่นแท้ของการทำธุรกิจประกันชีวิต ประกันชีวิตไม่ใช่แค่การคุ้มครอง หรือออมทรัพย์ ทำไมคนถึงซื้อประกันชีวิตทั้งที่ไม่อยากใช้ เพราะเขารักตนเอง ต้องการความคุ้มครองด้านสุขภาพ ต้องการออมทรัพย์ระยะยาว ทำให้มีความมั่นคง หรือซื้อเพื่อเป็นหลักประกันให้กับคนที่รักเมื่อเขาไม่อยู่แล้ว แก่นแท้คือเพื่อคนที่อยู่ข้างหลัง คนที่ได้รับประโยชน์ เช่น หัวหน้าครอบครัวซื้อไว้เพื่อให้ลูกได้มีหลักประกัน ได้เรียนจบ มันคือความรักความทรงจำ” นายใหญ่ของไทยประกันชีวิตขยายความถึงคุณค่าทางจิตใจ ซึ่งไม่อาจประเมินเป็นตัวเลขได้ เป็น “สาร” สำคัญที่ไทยประกันชีวิตสื่อถึงลูกค้าคนไทยมาโดยตลอด ผ่านงานโฆษณาชิ้นต่างๆ ไทยประกันชีวิตเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกของคนไทย ก่อตั้งขึ้นในปี 2485 โดยมีเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิตร ณ สงขลา) เป็นประธานกรรมการปี 2513 วานิช ไชยวรรณ บิดาของไชยได้เข้าซื้อกิจการ ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ในลำดับท้ายๆ ของธุรกิจประเภทเดียวกัน อีก 12 ปี ต่อมาไชยจึงเข้ามาบริหารงาน กิจการเจริญเติบโตตามลำดับ ช่วงปี 2526-2529 ก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 ของบริษัทประกันชีวิตคนไทย ในปี 2562 ยังครองตำแหน่งดังกล่าว และเป็นอันดับ 2 ของธุรกิจประกันชีวิต (รองจากกลุ่มบริษัท เอไอเอ จำกัด) ปี 2545 บริษัทได้กำหนด brand positioning ว่า เป็นบริษัทคนไทยในระดับสากล มีมาตรฐานการดำเนินธุรกิจทัดเทียมบริษัทข้ามชาติ ปี 2562 ประกาศ reinvent business model สู่การเป็นทุกคำตอบของชีวิต หรือ life solutions ด้วยการส่งมอบสุขภาพที่ดี (healthier) ความมั่งคั่ง (wealthier) และชีวิตที่ยืนยาว (better lives) ให้กับลูกค้าและคนไทย ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2562 มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 1.9 หมื่นล้านบาท เติบโต 21% เบี้ยประกันภัยรับชำระครั้งเดียว 8.3 พันล้านบาท ลดลง 5% เบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป 6.5 หมื่นล้านบาท อัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ 83% เบี้ยประกันภัยรับรวม 9.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 7% มีรายได้จากการลงทุน 1.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% สินทรัพย์สุทธิ 4.6 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% และเงินสำรองประกันชีวิต 3.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% ทั้งนี้ ในปี 2563 บริษัทตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับจากธุรกิจใหม่ผ่านช่องทางตัวแทน 1.6 หมื่นล้านบาท เติบโต 15% ตัวเลขจากสมาคมประกันชีวิตไทยระบุว่าธุรกิจประกันชีวิตปี 2562 มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 6.11 แสนล้านบาท เติบโตลดลง 2.63% และคาดว่าปี 2563 จะมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 6.1 แสนล้านบาท
คลิกอ่านฉบับเต็ม Special Report – 7 ผู้นำธุรกิจ 7 เทรนด์เซตเตอร์ ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2563 ในรูปแบบ e-magazine
