ราคาที่ดินใจกลางเมืองที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างน่าใจหายในหัวเมืองใหญ่ชั้นนำของโลก รวมถึงมหานครอย่างกรุงเทพฯ กำลังดับฝันใครหลายๆ คนที่คิดจะเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง เพราะด้วยมูลค่าที่ดินย่านไพรม์แอเรียที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว พาให้ราคาของคอนโดมิเนียมพุ่งสูงขึ้นจนไม่ใช่ใครๆ ก็ซื้อได้อีกต่อไป
ท่ามกลางสถานการณ์ราคาที่ดินที่ร้อนแรงนี้เอง ทำให้ลีสโฮลด์ หรือ การเช่ากรรมสิทธิ์ระยะยาว กลายเป็นความหวังใหม่ของผู้ที่คิดจะเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองในราคาที่เอื้อมถึง แถมยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ไม่ต้องการมีข้อจำกัดในการใช้ชีวิต
จุดแข็งที่ทำให้ลีสโฮลด์กลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่มาแรงในตลาดอสังหาริมทรัพย์เวลานี้ คือ ทำให้คอนโดมิเนียมใจกลางเมืองอยู่ในราคาที่เอื้อมถึง เพราะหากเปรียบเทียบราคาคอนโดมิเนียมแบบฟรีโฮลด์ หรือซื้อขาด ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ หรือ CBD อย่าง วิทยุ หลังสวน สารสิน กับการถือครองกรรมสิทธ์แบบลีสโฮลด์ โดยมีระยะเวลาการเช่าครั้งละ 30 ปี และสามารถต่ออายุสัญญาได้อีกครั้งละ 30 ปี จะพบว่าแบบลีสโฮลด์มีราคาถูกกว่าถึง 40% เนื่องจากผู้ถือกรรมสิทธิ์ไม่ต้องแบกรับภาระราคาค่าที่ดินซึ่งราคาก็สูงตามดีมานด์ที่สวนทางกับซัพพลาย
นั่นหมายความว่า
คอนโดแบบลีสโฮลด์ นั้นจะช่วยให้คุณสามารถครอบครองที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง เป็นเจ้าของชีวิตที่อิสระ ลงตัวในทุกไลฟ์สไตล์ในราคาที่สบายกระเป๋าขึ้น แถมยังมีเงินเหลือสำหรับนำไปลงทุนในรูปแบบอื่นๆ ให้งอกเงย หรือหากจะซื้อไว้เพื่อลงทุนในอนาคต ก็ยังคุ้มเกินคุ้ม เพราะได้เป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมที่อยู่ในโลเคชั่นที่เป็นที่ต้องการ โดยจ่ายในราคาที่ถูกกว่าแบบฟรีโฮลด์ แต่ปล่อยเช่าได้ในราคาเดียวกัน จึงได้รับผลตอบแทนสูงกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ในด้านการดูแลรักษาสภาพอาคาร ลีสโฮลด์จะมี 2 รูปแบบคือ แบบแรก ผู้พัฒนาที่ดิน (Developer) เช่าพื้นที่จากเจ้าของที่ดิน (Landlord) แล้วนำมาพัฒนาเป็นโครงการต่างๆ ซึ่งเมื่อพัฒนาเสร็จแล้วก็จะจัดตั้งนิติบุลคลเป็นผู้ดูแลโครงการต่อ หากนิติบุคคลขาดความรับผิดชอบและขาดความเป็นมืออาชีพ สภาพอาคารในระยะยาว 30 ปี ก็อาจทรุดโทรมหนักจนไม่สามารถปล่อยเช่าต่อได้อีก ทั้งในแง่ของการอยู่อาศัยและการลงทุน ส่วนอีกแบบหนึ่งคือ เจ้าของที่ดิน (Landlord) เป็นผู้พัฒนาโครงการเองจนแล้วเสร็จ และยังคงบริหารจัดการโครงการอย่างต่อเนื่อง รูปแบบที่สองนี้ เจ้าของที่ดินจะดูแลเอาใจใส่ตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ไปจนถึงการบำรุงรักษาอาคาร ปลดล็อกภาระให้คนเมืองที่ต้องการอิสระในการชีวิต ไม่ต้องการมีภาระผูกพันในระยะยาวได้เป็นอย่างดี ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ลีสโฮลด์เป็นเทรนด์ที่มาแรงและตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
ปัจจุบันจะเห็นว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งเริ่มหันมาเจาะตลาดลีสโฮลด์มากขึ้น เนื่องจากการลงทุนในตลาดลีสโฮลด์ในทำเลศักยภาพของกรุงเทพฯ ยังมีแนวโน้มเติบโตที่ดี หนึ่งในนั้นคือ
บริษัท สยามสินธร จำกัด วัดได้จากความสำเร็จของ
“สินธร เรสซิเดนซ์ และสินธร ต้นสน” คอนโดมิเนียมหรู คุณภาพสูงในทุกมิติ ในโครงการสินธร วิลเลจ ย่านหลังสวน แลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพฯ ที่ปักหมุดอยู่บน
ไพรม์แอเรียที่หาไม่ได้อีกแล้วในราคาที่เอื้อมถึง มีรูปแบบการเช่าแบบลีสโฮลด์ ระยะเวลาการเช่าครั้งละ 30 ปี และสามารถต่อสัญญาได้อีกครั้งละ 30 ปี ซึ่งสยามสินธรเป็นผู้บริหาร ดูแล และบำรุงรักษาอาคารเองตลอดระยะเวลา มั่นใจได้ว่าอาคารจะอยู่ในสภาพดี สวยงาม มีการรักษาบำรุงอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างคุณภาพการใช้ชีวิตที่ดีได้ตลอดเวลา ตอบโจทย์ทั้งผู้ที่เลือกอยู่อาศัยและสำหรับการลงทุน
สัมผัสสุนทรียภาพของการอยู่อาศัยใจกลางเมือง ในราคาที่ไม่ไกลเกินฝันได้แล้ววันนี้ที่สำนักงานขายโครงการสินธร วิลเลจ ณ อาคารสินธร 1 ชั้น 2 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 02-650-9595 ถึง 6 หรือเว็บไซต์ www.sindhornresidence.com และ www.sindhorntonson.com