สิ้นสุดการรอคอย เมื่อโรงแรมนิกโก้ กรุงเทพฯ เครือโรงแรมหรูจากญี่ปุ่นอย่าง นิกโก้ โฮเต็ล อินเตอร์เนชั่นแนล (Nikko Hotels International) ที่โดดเด่นด้วยการนำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวกและให้บริการตรงกับความต้องการที่หลากหลายของผู้เข้าพัก ณ จุดหมายปลายทางในเมืองใหญ่และรีสอร์ตทั่วโลก พร้อมเปิดตัวให้บริการอย่างเป็นทางการ เพื่อสร้างนิยามใหม่แห่งการพักผ่อนให้กับนักเดินทาง บนทำเลใจกลางเมืองที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพในทุกมิติอย่างทองหล่อ ลงตัวกับสไตล์การออกแบบและเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์การให้บริการแบบ “โอะโมะเตนาชิ” (Omotenashi) ที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแบบญี่ปุ่นผสมผสานกับความเป็นมิตรแบบไทยๆ ได้อย่างกลมกล่อม
![](http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/04/2-Lobby-1-1024x682.jpg)
โรงแรมนิกโก้ กรุงเทพฯ เฉิดฉายบนทำเลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ในซ.ทองหล่อ ย่านที่หลอมรวมทุกความทันสมัยไว้ในที่เดียว สะดวกสบายเพียงไม่กี่ก้าวจากสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ โอบล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ขณะที่สถาปัตยกรรมของโรงแรมได้รับการออกแบบให้มีรูปทรงคล้ายดอกบัวบาน กลีบดอกคลี่ออกในสไตล์การพับกระดาษของญี่ปุ่น (โอริกามิ) เผยให้เห็นเกสรของดอกบัว ด้านหน้าของโรงแรม มีรูปสลักในแนวโมเดิร์นของต้นแปะก๊วย ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีอายุยืนยาวหลายพันปี อันเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและคงทน
![](http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/04/3-Guest-Room-6-1024x684.jpg)
ในส่วนของห้องพักและห้องสวีทมีทั้งหมด 301 ห้อง ทุกห้องได้รับการตกแต่งในแบบมินิมัลตามแบบฉบับญี่ปุ่น ผสมผสานกับความงดงามและอบอุ่นของศิลปะไทย เน้นความเรียบง่ายและโปร่งสบาย เพื่อความผ่อนคลายที่แท้จริง ห้องพักทุกห้องประกอบด้วยห้องน้ำสไตล์ญี่ปุ่น โถสุขภัณฑ์จาก TOTO และผลิตภัณฑ์ในห้องน้ำคุณภาพเยี่ยมจากปัญญ์ปุริ (Panpuri) พร้อมกันนี้ยังเตรียมห้องพักจำนวน 10 ห้องที่มีครัวขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการเข้าพักในระยะยาวไว้ให้บริการด้วย
![](http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/04/7-HISHOU-Japanese-Restaurant-4-1024x684.jpg)
สำหรับห้องอาหารและเลาจน์มีทั้งหมด 4 แห่งให้เลือกอิ่มหนำตามสไตล์ที่ชอบ ประกอบด้วย ห้องอาหารญี่ปุ่น ฮิโช (Hishou) ให้บริการบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าแบบญี่ปุ่นเต็มรูปแบบ มีไฮไลท์อยู่ตรงสาเก และเทมปุระบาร์ นอกจากนั้นยังมีเมนูให้เลือกมากมาย รวมทั้งอาหารชุดมื้อกลางวัน เย็น และชุดข้าวกล่อง ถัดมาคือ ดิ โอเอซิส (The Oasis) ห้องอาหารแบบออลเดย์ไดน์นิ่ง ที่ให้บริการอาหารนานาชาติแบบบุฟเฟต์ ทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ รวมทั้งบุฟเฟ่ต์มื้อสายในวันอาทิตย์ นอกจากนี้ยังมีบริการอาหารเมนู อะ ลา คาร์ท ที่หลากหลาย ทั้งอาหารไทย ญี่ปุ่น เอเชีย และเมนูเด่นจากนานาชาติ
![](http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/04/4-Executive-Lounge-2-1024x684.jpg)
แต่ถ้าอยากนั่งชิลๆ ผ่อนคลายเปลี่ยนบรรยากาศจิบเครื่องดื่มดับร้อนแนะนำ เคิร์ฟ ฟิฟตี้ ไฟว์ (Curve 55) ล็อบบี้ เลาจน์ บนชั้น 1 ที่มีเครื่องดื่มและของว่างนานาชนิดให้บริการตลอดทั้งวัน ในพื้นที่กว้างขวาง และมีที่นั่งให้เลือกมากมาย เหมาะสำหรับการนัดพบกับเพื่อนฝูงหรือเพื่อนร่วมงาน นั่งประชุมแบบไม่เป็นทางการ หรือนั่งผ่อนคลายแบบสบายๆ หรือถ้ากดลิฟต์ขึ้นไปชั้น 6 จะพบกับเดอะ พูล บาร์ (The Pool Bar) ตั้งอยู่ข้างสระน้ำของโรงแรม ให้บริการของว่าง เครื่องดื่ม และค็อกเทลตลอดทั้งวัน และยังมีฟิตเนส เซ็นเตอร์ ที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมงอยู่ข้างสระน้ำอีกด้วย
![](http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/04/8-Meeting-Fuji-Grand-Ballroom-6-1024x682.jpg)
ความพิเศษยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะโรงแรมนิกโก้ กรุงเทพฯ ยังมีห้องฟังก์ชั่นที่เหมาะสำหรับการจัดประชุม จัดเลี้ยงหรืองานแต่งงาน ด้วยพื้นที่กว่า 1,800 ตารางเมตร จึงสามารถปรับให้เหมาะกับงานในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานเล็ก ๆ แบบเป็นส่วนตัว หรืองานสังคมอื่น ๆ อีกทั้งห้องจัดเลี้ยงทุกห้องยังเชื่อมต่อกับลานจอดรถและบริเวณล็อบบี้ของโรงแรม เข้าออกได้สะดวก โดยการใช้ลิฟต์หรือบันไดเลื่อน ประกอบด้วยห้องฟูจิ แกรนด์บอลรูม บนชั้น 4 สามารถรับรองผู้ร่วมงานได้ถึง 500 คนในแบบโต๊ะจีน และ 1,250 คนในแบบค็อกเทล จัดว่าเป็นห้องประชุมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในย่านทองหล่อ ในเวลากลางวัน ห้องประชุมจะได้รับแสงสว่างธรรมชาติอย่างเต็มที่ ส่วนในยามค่ำคืนนั้น เหมาะสำหรับการจัดแสดงสุดพิเศษและกิจกรรมบันเทิง ด้วยเครื่องโปรเจ็คเตอร์ ที่ให้ความสว่างระดับ 10,000 ANSI lumen
นอกจากนี้บนชั้น 4 นั้น ยังมีห้องประชุมขนาดกลางและขนาดเล็กอีก 8 ห้อง ห้องที่ใหญ่ที่สุดคือ ห้องซากุระ ที่มีขนาด 14.3 ×10 เมตร ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 ห้องย่อย และยังมีพื้นที่จัดเลี้ยงกลางแจ้งที่ระเบียงริมสระน้ำ บนชั้น 6 ซึ่งสามารถรองรับผู้ร่วมงานได้ 200 คนในแบบโต๊ะจีน และ 250 คนในแบบค็อกเทล อาหารที่ให้บริการในงานจัดเลี้ยงและการประชุมนั้น มีทั้งอาหารญี่ปุ่นและอาหารนานาชาติ
![](http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/04/7-1-Hishou-Food-26.jpg)
ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งจุดเด่นที่เป็นเสน่ห์ของโรงแรมที่ทำให้แขกที่มาใช้บริการประทับใจไม่ลืม คือ การให้บริการด้วยอัธยาศัยไมตรีแบบชาวญี่ปุ่น ที่เราเรียกว่า “โอโมเทะนาชิ (omotenashi) ซึ่งมีการผสมผสานเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของชนชาติญี่ปุ่น คือความอ่อนน้อมและการให้เกียรติ กับความเป็นมิตรที่แสนอบอุ่นของไทยเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมให้กับแขกที่เข้าพัก
สัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนที่เหนือชั้นได้แล้ววันนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพักได้ที่ โทร. 66 (0)2 080 2111, อีเมล info@nikkobangkok.com หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของโรงแรมที่
www.nikkobangkok.com