เสนาฯ โหมเปิดตัวปี 2561 เพิ่มขึ้น 152% เป็น 23,000 ล้านบาท ตอบรับเทรนด์การอยู่อาศัยยุคใหม่ปรับพอร์ตใหญ่จากแนวราบเป็นคอนโดมิเนียมระดับกลาง 2-3 ล้านบาท ลงทุนเสริมนวัตกรรมบริการหลังการขาย ผนึกสตาร์ทอัพ Liluna พัฒนาแอพพลิเคชั่นร่วมโดยสาร (Ride Sharing) ติด GPS ใน Shuttle Bus ของโครงการ
เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยมุมมองสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2561 มองว่าจะเติบโตได้ดี เฉลี่ยทั้งตลาดโต 7% ตามการคาดการณ์การเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) หลายสำนักมองว่าจะโตได้ 3-5% ซึ่งจะทำให้ธุรกิจอสังหาฯ เติบโตตามไปด้วย
ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าที่มองว่าจะโตมากกว่าค่าเฉลี่ยตลาดคือคอนโดมิเนียม ซึ่งคาดว่าปีนี้จะเติบโต 11% เป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2551 และจะเป็นตลาดที่แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ จากลักษณะประชากรและพฤติกรรมผู้บริโภคที่อาศัยอยู่คนเดียวมากขึ้นโดยมีจำนวนสมาชิกเฉลี่ยเพียง 1.9 คนต่อหนึ่งครอบครัว และถึงแม้ว่าจำนวนประชากรทั้งประเทศไทยจะลดลง แต่มีการอพยพเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ สูงขึ้น (Urbanization) นำไปสู่ความนิยมในที่อยู่อาศัยแบบคอนโดฯ
ฮันคิวฯ ดันศักยภาพ เสนาฯ เปิดโครงการเพิ่มเท่าตัว
จากแนวโน้มเหล่านี้ เสนาฯ จึงวางแผนธุรกิจปี 2561 โดยให้น้ำหนักกับคอนโดมิเนียมเป็นหลัก บริษัทเตรียมเปิดตัวทั้งหมด 18 โครงการ มูลค่ารวม 23,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 152% แบ่งเป็นโครงการที่ลงทุนร่วมกับ
บริษัท ฮันคิว เรียลตี้ จำกัด จากญี่ปุ่น 10,000 ล้านบาท โครงการของเสนาฯ 10,000 ล้านบาท และโครงการบ้านร่วมทางฝันซึ่งเป็นโครงการ CSR อีก 3,000 ล้านบาท
ด้านยอดขายปี 2561 ตั้งเป้า 10,300 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่ทำได้ 6,200 ล้านบาท 65% และเป้ารายได้ 5,200 ล้านบาท เติบโตจากเป้าหมายรายได้ปีก่อนที่ตั้งไว้ 4,500 ล้านบาท 15%
เกษรากล่าวว่า การเปิดตัวในปีนี้ 80% ของทั้งหมดจะเป็นโครงการแนวสูง เมื่อรวมกับโครงการระหว่างขายที่มีอยู่เดิมจะทำให้บริษัทมีโครงการระหว่างขาย 10,573 ยูนิต รวมมูลค่า 30,763 ล้านบาท และ 61% ในพอร์ตโครงการระหว่างขายจะเป็นคอนโดฯ แตกต่างจากในอดีตที่เสนาฯ เน้นพัฒนาโครงการแนวราบ
นอกจากนี้
กลุ่มระดับราคาของโครงการที่เปิดตัวจะเปลี่ยนไปด้วย จากปีก่อนที่พอร์ตใหญ่ของเสนาฯ 37% เป็นคอนโดฯ แบรนด์นิช ไอดี ราคา 1.5-2 ล้านบาทต่อยูนิต ปี 2561 จะปรับเป็นคอนโดฯ ระดับกลาง แบรนด์นิช โมโน ราคา 2-3 ล้านบาทต่อยูนิตสัดส่วน 31% และคอนโดฯ ระดับบนราคา 3 ล้านบาทต่อยูนิตขึ้นไปสัดส่วน 48% ภายใต้แบรนด์ นิช ไพรด์ และแบรนด์ใหม่ที่จะเปิดตัวปีนี้
“ที่เราปรับจากการเล่นตลาดคอนโดฯ 1.5-2 ล้านบาทมาเป็นคอนโดฯ 2-3 ล้านบาทและมากกว่า 3 ล้านบาทเป็นหลัก เพราะสถิติตลาดที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่าการดูดซับซัพพลายห้องชุดระดับกลางถึงบนทำได้ดีกว่าตลาดกลางล่าง และเหตุผลอีกประการคือ เมื่อบริษัทต้องการเติบโตเราก็จำเป็นต้องลงเล่นในอ่างใหม่ๆ” เกษรากล่าว
นวัตกรรมบริการหลังขาย Ride Sharing
เกษรากล่าวต่อว่า อีกส่วนที่เสนาฯ เน้นมาตลอดคือการบริการหลังการขาย โดยแอพพลิเคชั่น
Sena 360 Service ซึ่งให้บริการลูกบ้านโครงการเสนาฯ สามารถแจ้งซ่อม ชำระค่าส่วนกลาง ติดต่อนิติบุคคล ฯลฯ ได้ในแอพฯ เดียว ปีนี้จะเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ๆ
ที่น่าสนใจคือ
Sena Smart Feeder แบ่งเป็น
ระบบ Smart Sharing ที่พัฒนาร่วมกับสตาร์ทอัพไทย Liluna ให้ลูกบ้านสามารถแบ่งปันการเดินทางและสิ่งของร่วมกันได้ เช่น ลูกบ้าน A จะขับรถยนต์จากโครงการที่บางนาไปที่สถานี BTS พร้อมพงษ์ สามารถประกาศรับผู้โดยสารที่จะติดรถไปด้วยกัน (Carpool) หรือลูกบ้านมีสิ่งของไม่ได้ใช้งานสามารถประกาศให้ยืม/เช่ากับลูกบ้านคนอื่นๆ ได้ (ทั้งหมดสามารถคิดค่าบริการหรือไม่ก็ได้ ตามความสมัครใจของเจ้าของสิ่งของ)
อีกส่วนคือรถเวียนหรือ Shuttle Bus ที่โครงการมีให้จะติดตั้งระบบ GPS Tracking เพื่อให้ลูกบ้านตรวจสอบเวลามาถึงจุดรับ-ส่งได้สะดวก รวมถึงติด QR Code ไว้บนรถ เมื่อลูกบ้านขึ้นรถสามารถสแกน QR Code และระบบจะคิดค่าบริการรวมกับค่าส่วนกลางแต่ละเดือน
ระบบคำนวณค่าโซลาร์รูฟ-EV Charger
นอกจากนี้ เสนาฯ ยังสร้างระบบคำนวณค่าโซลาร์รูฟท็อปและค่าอุปกรณ์ EV Charger ที่บริษัทให้บริการติดตั้งในโครงการแนวราบ ระบบสามารถจำลองจำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าและพฤติกรรมอยู่อาศัยเปรียบเทียบกับขนาดโซลาร์รูฟที่ติดตั้ง เพื่อคำนวณหาขนาดโซลาร์รูฟที่เหมาะสมที่สุด (3.5 KW 4.0KW หรือ 4.5KW) และค่าไฟฟ้าที่ประหยัดลงได้จากการใช้โซลาร์รูฟทดแทน รวมถึงคำนวณส่วนเพิ่มในค่าผ่อนบ้านต่อเดือนหากติดตั้งโซลาร์รูฟหรือ EV Charger เพื่อให้เห็นความคุ้มค่าอย่างชัดเจน ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้น
“การเลือกติดตั้งโซลาร์รูฟและ EV Charger กับเสนาฯ มีข้อดีคือ ทั้งสองอย่างนี้จะรวมไปกับราคาบ้านเพื่อผ่อนกับธนาคารได้ ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ในภายหลัง และเรายังเป็นระบบ Personalization สามารถเลือกที่จะติดตั้งหรือไม่ก็ได้ และยังเลือกขนาดที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของลูกค้าเองได้ด้วย” เกษรากล่าวปิดท้าย