พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เผยทิศทางอาคารสูงให้เช่าอีก 3 ปี มีแนวโน้มขยายตัว 16.5% อุปทานเพิ่มเป็น 9.73 ล้านตารางเมตร พบเทรนด์อาคารเขียวประหยัดพลังงานเริ่มมีมากขึ้น เหตุช่วยลดค่าใช้จ่ายต่อเดือนสูง และยังเรียกค่าเช่าได้สูงกว่าอาคารทั่วไป
ชาญ ศิริรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารทรัพยากรอาคารและวิศวกรรม บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จากผลการวิจัยล่าสุดของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พบว่า ในปี 2560 พื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากครึ่งหลังปี 2559 ที่มีอยู่ 8.404 ล้านตารางเมตร เนื่องจากปี 2560 มีโครงการใหม่ที่เตรียมเปิดให้บริการต่อเนื่อง ในอนาคตคาดว่ามีอุปทานใหม่เตรียมเปิดให้บริการ อีกกว่า 1.389 ล้านตารางเมตรในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานสะสมขยายตัว 16.5% มาอยู่ที่ 9.793 ล้านตารางเมตร นอกจากนี้ยังพบว่าอัตราการเช่ารวมเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5% จากครึ่งปีแรก 2559 และเพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน “อาคารสำนักงานในปัจจุบันเริ่มเข้าสู่การเป็นรูปแบบของ อาคารประหยัดพลังงาน (อาคารเขียวหรือ Green Building) เนื่องจากต้นทุนพลังงานมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี โดยอาคารประหยัดพลังงานเริ่มเข้ามาในประเทศไทยอย่างเห็นได้ชัดมากขึ้น อาทิ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแห่งใหม่ ที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้มีโอกาสเข้าไปบริหารจัดการ เป็นอาคารอนุรักษ์พลังงานเขียว สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในแต่ละเดือนมากกว่า 50%” ณชาญกล่าว ทิศทางตึกสูงที่สร้างขึ้นใหม่ในปัจจุบันจึงเริ่มพัฒนาในรูปแบบของอาคารเขียวมากขึ้น ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการบริหารจัดการอาคารในระยะยาววิธีหนึ่ง ดังนั้นอาคารเขียวจึงมักได้รับการพิจารณาจากผู้เช่าเป็นอันดับต้นๆ ปัจจุบัน พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เป็นผู้บริหารอาคารขนาดใหญ่ทั้งหมด 30 อาคาร และมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรองรับการปฏิบัติการบริหารอาคาร โดยคิดค้นซอฟต์แวร์สำหรับแต่ละอาคารโดยเฉพาะ เช่น การจัดเก็บฐานข้อมูล ทำแผนบริหารงบประมาณการซ่อมบำรุงอาคาร เพื่อให้อาคารยังคงสภาพดีในระยะยาว สามารถปรับเพิ่มราคาได้ในอนาคตและคิดค่าเช่าในราคาสูงกว่าตลาดทั่วไปได้ ในที่นี้ ยกตัวอย่างอาคารที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้เป็นผู้บริหารจัดการ คือ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นอาคารเขียว ที่มีพื้นที่บริหารรวม 1 แสนตารางเมตร ตัวอาคารจึงมีการออกแบบเป็นอย่างดีให้มีระบบบริหารจัดการเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งระบบคุณภาพอากาศ ระบบแสงสว่าง ระบบปรับอากาศ ฯลฯ ซึ่งต้องอาศัยผู้ดูแลอาคารที่มีความรู้ความเข้าใจเช่นกันจึงจะควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ให้เป็นไปอย่างราบรื่น
“ภาพรวมของตลาดของธุรกิจบริหารอาคารสำนักงานในปัจจุบันเป็นตลาดที่โอกาสในการเติบโตสูง ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของเมืองใหญ่ทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและเริ่มขยายตัวออกไปสู่เขตปริมณฑล ไปจนถึงหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด รวมถึงการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะเปิดโอกาสให้ความต้องการอสังหาฯ ในไทยสูงขึ้น โดยเฉพาะอาคารสำนักงานซึ่งจะเป็นอาคารที่มีความซับซ้อนทางเทคโนโลยีมากขึ้น” ชาญกล่าวสรุป