มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ เตรียมรองรับการขยายตัวของตลาดลิฟต์และบันไดเลื่อนใน EEC ตั้งเป้ารายได้เติบโต 5-7% ต่อปี
Munehisa Okamoto กรรมการผู้จัดการ
บริษัท มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่าย ติดตั้งและให้บริการหลังการขายผลิตภัณฑ์ลิฟต์และบันไดเลื่อนมิตซูบิชิ เปิดเผยว่า มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ ประสบความสำเร็จและได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค จึงเป็นผู้นำตลาดลิฟต์และบันไดเลื่อนบนมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 41 ยังยึดมั่นนโยบายการดำเนินธุรกิจบนมาตรฐานคุณภาพ ทั้งด้านการติดตั้งระบบและการบริการหลังการขาย ด้วยทีมวิศวกรและช่างผู้เชี่ยวชาญ
ปัจจุบัน มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ มีศูนย์บริการหลังการขายจำนวน 22 แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่ง
ในปี 2561 นี้ได้มีการเพิ่มศักยภาพด้วยการเปิดศูนย์บริการเพิ่มอีก 6 แห่ง ทั้งในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ได้แก่ ศูนย์บริการอุดมสุข รัชดาภิเษก นนทบุรี นครปฐม ระยอง และโคราช รวมทั้งหมดเป็น 28 แห่ง เพื่อขยายการบริการให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ช่วยลดระยะทางและเวลาในการเดินทางของทีมวิศวกรและช่างผู้เชี่ยวชาญ เมื่อได้รับเเจ้งเหตุ ลิฟต์, บันไดเลื่อน หรือทางลาดเลื่อน เกิดการขัดข้อง จะสามารถเดินทางไปถึงจุดหมายเฉลี่ยแล้วภายใน 1 ชั่วโมงเท่านั้น
โดยมีศักยภาพเพียงพอที่จะดูแล ลิฟต์, บันไดเลื่อน และทางลาดเลื่อน ซึ่งอยู่ในสัญญาบริการกว่า 15,000 เครื่อง ทั้งนี้ คาดว่า ภายในปี 2563 จะมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นถึง 20,000 เครื่อง
Okamoto กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC คาดว่าจะทำให้ความต้องการใช้ลิฟต์และบันไดเลื่อนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากจะเกิดการลงทุนในธุรกิจประเภทต่างๆ อาทิ โรงแรม ที่พักอาศัย ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และโรงงานต่างๆ นอกจากนี้สนามบินอู่ตะเภาก็มีการปรับปรุงให้สามารถรองรับนักธุรกิจ ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจในพื้นที่มีความคึกคัก เม็ดเงินลงทุนเดินสะพัด มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ จึงเตรียมแผนรองรับด้วยการเปิดศูนย์บริการในจังหวัดระยองดังกล่าว เพื่อรองรับการให้บริการในเขตพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ให้มีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ด้าน
สันติพงษ์ บูรณกฤตยกรณ์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดและการขาย
บริษัท มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงปลายปี 2560 ตลาดลิฟต์และบันไดเลื่อนมีจำนวนความต้องการประมาณ 5,200 เครื่อง มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยเป็นมูลค่าตลาดที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ เร่งขยายโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นย่าน นนทบุรี สมุทรปราการ มีนบุรี กรุงธนบุรี รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ อาทิ พัทยา เชียงใหม่ และ ภูเก็ต
โดยมิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ สามารถจำหน่ายลิฟต์และบันไดเลื่อนได้มากกว่า 1,600 เครื่องในปี 2560 เทียบแล้วมีส่วนแบ่งตลาดสูงกว่า 30% เนื่องจากผลิตภัณฑ์ลิฟต์และบันไดเลื่อนของมิตซูบิชิสามารถตอบโจทย์ลูกค้าระดับไฮเอนด์ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตสูงในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2561 ตลาดลิฟต์และบันไดเลื่อน จะยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง ระหว่าง 5-7 % และในกลุ่มโครงการประเภทที่อยู่อาศัย ผู้บริโภคยังคงคำนึงถึงคุณภาพผลิตภัณฑ์และการให้บริการหลังการขายเป็นอันดับแรก
มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ จึงวางแผนรุกตลาดที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูง โดยชูจุดแข็งด้านการบริการที่มีความรวดเร็ว ฉับไว มีอัตราการแจ้งซ่อมต่ำ ให้บริการด้วยช่างคุณภาพ มีความรู้ที่ได้รับการฝึกอบรมจากศูนย์ฝึกอบรมนานกว่า 1 ปีก่อนออกปฏิบัติงานจริง ตามมาตรฐานรับรองคุณภาพด้านความปลอดภัย ISO 18001 รวมถึงสถิติอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานเป็น “ศูนย์” และ สถิติ Defect ของงานมีน้อยกว่า 0.07% เชื่อว่าจะทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าชั้นนำ