กรณี พ.ร.บ.ภาษีการได้รับประโยชน์จากการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของรัฐ พ.ศ.... หรือที่เรียกกันว่า กฎหมายภาษีลาภลอย เพื่อจัดเก็บภาษีอัตรา 5% จากการซื้อขายที่ดินหรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้กำไรมากกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างร่างกฎหมายเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเร็วๆ นี้
ต่อเรื่องนี้ ชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ กล่าวภายในงานแถลงข่าวแผนการดำเนินงานไตรมาส 2 ของอนันดาฯ โดยชานนท์ได้ให้ความเห็นต่อการจัดเก็บภาษีนี้ในเชิงที่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากมองว่าจะเป็นภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ภาระภาษีดังกล่าวจะถูกนำไปรวมในราคาขายที่ดินของแลนด์ลอร์ด ส่งต่อเป็นต้นทุนการพัฒนาโครงการอสังหาฯ และถูกผลักไปสู่ราคาปลายทางที่ผู้บริโภคจะต้องรับภาระ “ผู้ขายที่ดินจะมีภาระต้นทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งคนขายไม่เคยเฉือนเนื้อตัวเองอยู่แล้วแต่จะบวกค่าภาษีเพิ่มลงในราคาที่ดิน เมื่อดีเวลอปเปอร์ซื้อมาก็จะคิดเป็นต้นทุนในการพัฒนาโครงการ เผือกร้อนนี้ก็จะถูกถ่ายไปเรื่อยๆ จนถึงคนสุดท้ายที่รับภาระคือผู้บริโภคปลายทาง เป็นเรื่องแปลกที่เราชวนคนเมืองให้มาอาศัยใกล้รถไฟฟ้าเพื่อลดการใช้รถยนต์ที่ทำให้การจราจรติดขัด แต่วิธีการนี้ดูจะขัดกับเจตนา กลายเป็นคนที่อาศัยใกล้รถไฟฟ้าต้องจ่ายเยอะขึ้น” ชานนท์กล่าว ทั้งนี้ ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์ รายงานเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2560 ว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สังกัดกระทรวงการคลัง กำลังอยู่ระหว่างรับฟังความเห็นเกี่ยวกับร่างกฎหมายภาษีลาภลอย โดยสาเหตุที่ร่างกฎหมายขึ้นเนื่องจากรัฐบาลมีการใช้งบประมาณลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น รถไฟฟ้า ทางด่วน ซึ่งทำให้ราคาที่ดินในบริเวณนั้นเพิ่มขึ้น 100-150% ในระยะเวลา 4 ปี จึงต้องการเก็บภาษีลาภลอย การเก็บภาษีลาภลอย จะเก็บเมื่อมีการขายอสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน ที่อยู่อาศัย มูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไป ในอัตราภาษีเพดานสูงสุด 5% ของมูลค่า ส่วนระยะที่ตั้งของอสังหาฯที่ถือว่าได้รับประโยชน์จากโครงข่ายคมนาคมและเข้าข่ายการจัดเก็บภาษีลาภลอย มีการกำหนดวงรัศมีเบื้องต้น ดังนี้- รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง รัศมี 2.5 กม. รอบสถานี
- ทางด่วนพิเศษ รัศมี 2.5 กม. จากจุดขึ้นลงทางด่วน
- สนามบิน รัศมี 5 กม. นับจากแนวเขตห้ามก่อสร้างของสนามบิน
- ท่าเรือ รัศมี 5 กม. จากแนวเขตที่ดินของท่าเรือ