กลุ่มสินค้าซูเปอร์ลักชัวรี่ต้องแตกต่างและมีจุดขายที่บอกได้ว่าต่างจากสินค้าทั่วไปอย่างไร การสร้างแบรนด์สินค้าระดับนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “เกษรพร็อพเพอร์ตี้” สามารถสร้างได้ทั้งแบรนด์โครงการและคอร์ปอเรท ตามคำบอกเล่าของ ชาญ ศรีวิกรม์
การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดส่วนใหญ่จะเน้นสินค้ากลุ่มแมสเป็นหลักขณะที่สินค้าไฮเอนด์ทั้งกลุ่มลักชัวรี่และซูเปอร์ลักชัวรี่มีให้เลือกไม่มากนัก แต่หนึ่งในนั้นคือโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของผู้ประกอบการรายเล็กจากตระกูลเศรษฐีเก่าอย่าง “ศรีวิกรม์”ที่ดำเนินงานในนามบริษัท เกษร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ภายใต้การบริหารของ ชาญ ศรีวิกรม์ ประธานกรรมการ บริษัท เกษร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กับประสบการณ์ 30 ปีในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทุกโครงการล้วนเป็นไฮแบรนด์บิสิเนสด้วยคุณลักษณ์ของโครงการคอนเซปท์และจุดขายที่ชัดเจน นับตั้งแต่เกษร พลาซ่า พื้นที่ค้าปลีกที่เน้นไฮแบรนด์ช็อปปิ้ง และเกษร ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานยุคใหม่ที่มีคอนเซปท์โดดเด่น และราคาค่าเช่าสูงสุดในตลาดสำนักงานกรุงเทพฯ ในปัจจุบัน ล่าสุดกับโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ “เทลล่า ทองหล่อ” คอนโดมิเนียมซูเปอร์ลักชัวรี่โครงการที่ 3 จากเกษร พร็อพเพอร์ตี้ ที่นำที่ดินเกือบ 2 ไร่ ริมถนนทองหล่อ (ปากซอยทองหล่อ 13 เดิมเป็นร้านต้นเครื่อง) ของตระกูลผู้บริหารร่วม คือ ฟ้าฟื้น เต็มบุญเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกษร พร็อพเพอร์ตี้ จำากัด ผู้ซึ่งร่วมบริหารเกษรพร็อพเพอร์ตี้มาตั้งแต่ต้นมาพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมสุดหรูที่ออกแบบโดยคำนึงถึงสัมผัสทั้งห้าของการใช้ชีวิต ด้วยแนวคิด “Canvas of Life” ให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้ชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะและแรงบันดาลใจโดยเฉพาะกับห้องเพนท์เฮ้าส์ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อกลางเดือนตุลาคม “เทลล่า สกาย วิลล่า” ขนาดพื้นที่ 394 ตารางเมตร ราคาขายกว่า 254 ล้านบาท หรือคิดเป็นราคาต่อตารางเมตรที่ 7.3 แสนบาท เป็นห้องชุดที่ออกแบบตกแต่งอย่างมีคลาส ด้วยเฟอร์นิเจอร์คอลเล็คชั่นของ Roberto Cavalli Home Interiors จากอิตาลี ที่ยอมให้ใช้โลโก้ Roberto Cavalli แห่งแรกในโครงการเรซิเดนซ์เชี่ยลจากเดิมที่ใช้เฉพาะในโรงแรมเท่านั้น ฝ่ายขายโครงการอธิบายว่าราคากว่า 254 ล้านบาท นอกจากทำเลที่ตั้งแล้ว วัสดุตกแต่งยังนำเข้าทั้งหมด รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ห้องครัวและเครื่องใช้ทุกชิ้น เช่น ตู้เย็นราคา 1.7 ล้านบาท ชุดห้องครัว ราคา 7 ล้านบาท และห้องอื่นๆ ที่ตกแต่งแบบ fully furnished ทั้งหมดก็มีราคาที่ใกล้เคียงกัน จึงบอกได้ว่าราคาที่กำาหนดไว้มีที่มาที่ไป ไม่ใช่กำาหนดขึ้นตามใจผู้ขาย ชาญ ศรีวิกรม์ ให้สัมภาษณ์ Forbes Thailand ถึงแนวคิดในการทำาธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเกษร พร็อพเพอร์ตี้ว่าไม่เฉพาะโครงการเทลล่า ทองหล่อเท่านั้นที่มีความเป็นซูเปอร์ลักชัวรี่ แต่ทุกโครงการที่บริษัทพัฒนามาตั้งแต่ต้นก็จัดอยู่ในกลุ่มลักชัวรี่และซูเปอร์ลักชัวรี่มาโดยตลอด “ตั้งแต่โครงการแรก โดมัส สุขุมวิท 16 และ 18 และโหมด ที่สุขุมวิท 61 ในช่วงที่เปิดตัวเราเปิดขายในราคาสูงที่สุดในตลาดขณะนั้น” โดยโครงการโดมัส สุขุมวิท 16 เปิดขายที่ราคา 8 หมื่นบาทต่อตารางเมตรเมื่อปี 2547 ปัจจุบันราคาซื้อขายปรับขึ้นไปที่เกือบ 3 แสนบาทต่อตารางเมตร แต่หาซื้อไม่ได้แล้วและทุกวันนี้ยังมีลูกค้ายื่น waiting list แสดงความสนใจซื้อโครงการเข้ามาแม้จะผ่านมานานกว่า 15 ปีแล้วก็ตาม “สิ่งที่ทำให้มูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง น่าจะเป็นการบริหารจัดการที่เกษรมีบริษัทบริหารโครงการของตัวเองคือ บริษัท เกษร เรสซิเดนเชียล เซอร์วิส จำากัด ซึ่งเรามีทีมงานของตัวเอง และให้ความสำคัญกับงานบริหารพื้นที่ส่วนกลาง ดูแลเรื่องคุณภาพทำให้มีมูลค่าเพิ่มที่ดี” ประธานกรรมการ เกษร พร็อพเพอร์ตี้ ย้ำและว่ากลุ่มเกษรได้พัฒนาบุคลากรด้านการบริหารอาคารรองรับทั้งโครงการที่พักอาศัย พื้นที่ค้าปลีกและอาคารสำานักงาน ภายใต้การฝึกอบรมให้มีมาตรฐานเดียวกัน เป็นดีเอ็นเอของเกษร พร็อพเพอร์ตี้ ที่เน้นเรื่องคุณภาพการบริการและให้ความสำาคัญกับการบริหารทรัพย์สิน ให้มีมาตรฐานที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยแต่ละส่วนสามารถแลกเปลี่ยนทีมงานระหว่างกันเพื่อการบริหารจัดการที่ดีที่สุดทำด้วยใจ-มากกว่าแค่ธุรกิจ
นอกจากมีทีมบริหารนิติบุคคลของตัวเองแล้ว ทั้งชาญและฟ้าฟื้น ซึ่งเป็นผู้บริหารหลักของเกษร พร็อพเพอร์ตี้ ต่างก็นั่งเป็นประธานนิติบุคคลของแต่ละโครงการ โดยชาญเป็นประธานนิติบุคคลโครงการโดมัส สุขุมวิท 18 และฟ้าฟื้นเป็นประธานนิติบุคคล โครงการโหมด สุขุมวิท 61 ทำให้การประชุมนิติบุคคลเพื่อพิจารณาเรื่องการพัฒนาต่างๆ ภายในโครงการเดินหน้าได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะการขอมติปรับปรุงโครงการที่ทำาอย่างต่อเนื่องช่วยเพิ่มมูลค่าในระยะยาว “เราไม่ทำตลาดแมส มีคนทำเยอะแล้วมันไม่สร้างข้อแตกต่าง และไม่สนุก” คือเบื้องลึกของแรงบันดาลใจสำาหรับชาญในการทำาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะเห็นว่าทั้งพื้นที่ค้าปลีก อาคารสำนักงาน และที่พักอาศัยของกลุ่มเกษรทุกโครงการล้วนเป็นตลาดลักชัวรี่และซูเปอร์ลักชัวรี่ นับจากการเริ่มต้นพัฒนาและเปิดบริการเกษร พลาซ่ามาตั้งแต่ ปี 2537 กลุ่มเกษรก็พัฒนาโครงการระดับลักชัวรี่และซูเปอร์ลักชัวรี่ เป็นไฮแบรนด์บิสิเนสมาโดยตลอด ด้วยแนวคิดที่แตกต่างแม้จะทำพร็อพเพอร์ตี้เพื่อการอยู่อาศัย แต่ก็วางตัวให้เป็นมากกว่าพร็อพเพอร์ตี้เพื่อขายด้วยแนวคิด “Your Living Experience Your Journey With It” เป็นประสบการณ์ในชีวิตไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัยเขาพิสูจน์คำกล่าวนี้ด้วยคุณภาพโครงการที่มีการพัฒนาต่อเนื่อง แม้จะขายและส่งมอบให้ลูกค้าไปแล้วก็ยังคงบริหารจัดการให้เพิ่มค่าด้วยทีมนิติบุคคลของกลุ่มเกษร และตัวผู้บริหารหลักที่ร่วมเป็นหนึ่งในทีมบริหารนิติบุคคล ตอกย้ำาว่าทำาด้วยใจและจะอยู่กับมันไปตลอด นับจากเริ่มต้นธุรกิจเกษร พร็อพเพอร์ตี้ มาถึงปัจจุบันผ่านมากว่า 15 ปี บริษัทพัฒนาที่พักอาศัยในแบบคอนโดมิเนียมมาแล้ว 3 โครงการคือ โดมัส สุขุมวิท 16, 18 โครงการ โหมด สุขุมวิท 61 และโครงการเทลล่า ทองหล่อ ทุกโครงการล้วนตรงกับความเป็นแบรนด์เกษร พร็อพเพอร์ตี้ ที่เน้น Refine Quality Living ให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพการอยู่อาศัย และมุ่งสร้าง Experiential of Living ประสบการณ์ของการอยู่อาศัยซึ่ง ชาญบอกว่า ดีเอ็นเอของเกษร พร็อพเพอร์ตี้ คือการมีนวัตกรรม การดีไซน์ มีความเป็นงานฝีมือ craftsmanship experience ในทุกโครงการที่ทำ จึงมีจุดเด่นที่แตกต่าง ทำให้ตอบคำถามได้ว่าอะไรที่ทำให้เป็นโครงการลักชัวรี่และซูเปอร์ลักชัวรี่ “อยากทำอะไรที่ไม่มีคนทำ เราชอบทำอะไรที่มีอินโนเวชั่น และไม่แข่งกับ listed company ทำไปสนุกๆ” ชาญกล่าวทิ้งท้ายถึงเจตจำนงการทำธุรกิจของเกษร พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งสะท้อนว่า สิ่งที่ทำนี้เป็นมากกว่าแค่การลงทุนเพื่อธุรกิจ แต่มันคือการพัฒนาที่พิถีพิถันในวิถีของไฮแบรนด์บิสิเนสที่ยืนยันได้ด้วยตัวสินค้าและบริการคลิกเพื่ออ่านเรื่องราวทางธุรกิจที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2562 ได้ในรูปแบบ e-Magazine