ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค โชว์ยอดขาย "เรสซิเดนเซส" เกินครึ่ง พร้อมเปิดเฟสแรกกลางปี 2567 - Forbes Thailand

ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค โชว์ยอดขาย "เรสซิเดนเซส" เกินครึ่ง พร้อมเปิดเฟสแรกกลางปี 2567

FORBES THAILAND / ADMIN
29 Jun 2023 | 03:00 PM
READ 876

        โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เมกะโปรเจกต์รูปแบบมิกซ์ยูสที่จะมาเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ บนพื้นที่หัวมุมถนนสีลม-พระราม 4 ใจกลางกรุงเทพมหานคร ได้อัพเดทความก้าวหน้าของโครงการทั้ง 4 ส่วน ได้แก่ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ, โครงการที่พักอาศัย ดุสิต เรสซิเดนเซส, อาคารสำนักงาน เซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศเซส และศูนย์การค้าเซ็นทรัล พาร์ค เพื่อสืบสานการเป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์ ที่พร้อมตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ในทุกรูปแบบ

    ​

    

        ละเอียด โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค กล่าวถึงแนวคิดการริเริ่มโครงการนี้ว่า “จุดเริ่มต้นของโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค มาจากการที่เราให้คุณค่ากับชุมชน เราต้องการสร้างที่อยู่อาศัยที่เอื้อต่อไลฟ์สไตล์ในทุกรูปแบบ เพื่อบาลานซ์การใช้ชีวิตของคนเมืองที่มีทุกอย่างใกล้มือ ตัวใกล้ชิดธรรมชาติ รวมถึงมีที่อยู่อาศัยที่พร้อมด้วยการบริการแบบครบวงจร นี่คือหลักยึดมั่นของโครงการนี้ว่าเราอยากให้ทุกคนได้ อาศัย ทำงาน และใช้ชีวิต ได้อย่างครอบคลุม ซึ่งโครงการที่พักอาศัยของเรา เป็นแบรนด์เด็ดเรสซิเดนส์ (branded residence) หมายความว่าเราเป็นเจ้าของเอง เราพัฒนาเอง ดูแลลูกบ้านด้วยตัวเอง ทำให้คนที่มาซื้อเชื่อใจได้ว่าเราจะดูแลอย่างดี”

        ดุสิต เรสซิเดนเซส ประกอบด้วยสองลิฟวิ่งคอนเซ็ปต์ (living concept) ได้แก่ ดุสิต เรสซิเดนเซส และ ดุสิต พาร์คไซด์ ซึ่งปัจจุบันมียอดขายเกินกว่า 60% และคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปี 2566 จะมียอดขายราว 70-75% จากลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยล่าสุดสัดส่วนลูกค้าปัจจุบันเป็นชาวไทย 85% ต่างชาติ 15% ซึ่งคาดว่าสัดส่วนลูกค้าต่างชาติจะขยับเพิ่มขึ้นตามคาดการณ์เดิมที่ 35% เมื่อทุกประเทศเปิดให้ท่องเที่ยวได้อย่างเต็มรูปแบบ 

        ทั้งนี้กลุ่มดุสิตธานี ได้จับมือกับพาร์ทเนอร์และเอเจนท์ในหลายประเทศ รวมถึงได้มีการทำโรดโชว์สำหรับกลุ่มลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธในหลายประเทศ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ซื้อเป็นอย่างมาก โดยดุสิตฯ ยังวางแผนที่จะไปเจาะตลาดสิงคโปร์ ฮ่องกง จีน ไต้หวัน รวมถึงสหรัฐอเมริกาและยุโรป ภายในปีนี้อีกด้วย

    ​

    

        ละเอียด กล่าวถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ที่ดึงดูดทั้งคนในและคนนอกประเทศว่า “เมื่อเราดูจากสถิติแล้วแนวโน้มพฤติกรรมของต่างชาติเปลี่ยนไป จากแค่การลงทุนทำธุรกิจ มาเป็นการอยู่อาศัยระยะยาว ซึ่งตรงนี้ประเทศไทยเรามีความพร้อมทั้งด้านการศึกษาที่หลากหลาย เรามีโรงเรียนนานาชาติที่หลักสูตรแน่น และยังมีเทคโนโลยีการแพทย์ที่ก้าวหน้า บุคลากรทางการแพทย์ที่มีฝีมือ และสาธารณสุขของเราอยู่ในลำดับแนวหน้าของเอเชีย อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพถูกกว่าหลายเท่าหากเทียบกับประเทศอื่น ๆ ทั้งหมดนี้จึงเป็นปัจจัยหลักที่สามารถโน้มน้าวให้ต่างชาติสนใจและเข้ามาอยู่อาศัยใน ดุสิต เรสซิเดนเซส ได้”

        หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยค่อนข้างให้ความสำคัญถึงการอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ดีต่อกายและใจ จนเกิดเป็นเทรนด์การพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยคำนึงถึงสุขภาวะและสภาพแวดล้อมที่ดีในการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน (Well-being & Sustainable Residences) ผ่านโซน รูฟพาร์ค (Roof Park) ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่สีเขียวกว่า 7 ไร่ ที่สามารถตอบรับไลฟ์สไตล์ของการอยู่ในเมืองที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติได้พร้อมๆ กัน 

    ​

    

        ยิ่งไปกว่านั้นในส่วนของที่พักอาศัย ดุสิต เรสซิเดนเซส และดุสิต พาร์คไซด์ ออกแบบที่อยู่อาศัยด้วยการคำนึงถึงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ตั้งแต่ช่วงการออกแบบก่อนการก่อสร้าง ที่ประกอบด้วยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น การใช้คอนกรีตรีไซเคิล การใช้ปูนฉาบที่เป็นปูนขาว ที่จะช่วยเรื่องการดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในห้อง รวมถึงการทำระบบรีไซเคิลน้ำที่ใช้แล้วมารดน้ำต้นไม้และส่งต่อถึงสวนลุม เป็นต้น

        ในส่วนโรงแรมดุสิตธานีโฉมใหม่ ระดับ 6 ดาว จะพร้อมเปิดให้บริการเป็นเฟสแรกในเดือนมิถุนายน ปี 2567 บนตึกความสูง 39 ชั้น ด้วยจำนวน 257 ห้องพัก ที่ออกแบบให้ทันสมัยและใหญ่ขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของความเป็น "ดุสิตธานี แบบดั้งเดิม อย่างไรก็ดีการทำโรงแรมอย่างเดียวนั้นอาจไม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและผันเปลี่ยนของคนเมืองในปัจจุบัน จึงเป็นที่มาของการจับมือกับกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนาร่วมพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสแห่งนี้ให้ครบครันยิ่งขึ้น โดยส่วนของออฟฟิศและศูนย์การค้าที่อาศัยความเชี่ยวชาญจากเซ็นทรัลพัฒนา จะเปิดให้บริการเป็นเฟสที่สองในช่วงปลายปี 2567 และโครงการที่พักอาศัย ดุสิต เรสซิเดนเซส และ ดุสิต พาร์คไซด์ จะทยอยเริ่มโอนในช่วงปลายปี 2568

    ​

    

        ละเอียด กล่าวปิดท้ายว่า เราเชื่อมั่นในทีมงานและคัดสรรทีมงานมือดีที่สุดเพื่อโครงการนี้ ที่สำคัญที่ตั้งตรงนี้เป็นแหล่งของดุสิตธานีเดิม ตั้งแต่ปี 2513 สู่เรสซิเดนส์และโครงการแบบมิกซ์ยูส ที่เราเสริมเทคโนโลยีให้ทันสมัยขึ้น เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเราอยากให้ตรงนี้เป็นสถานที่พิเศษยิ่งกว่าเดิม เพื่อเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของคนกรุงเทพฯ เป็น Here for Bangkok ที่ใครๆ ต่างจดจำ 

    

    อ่านเพิ่มเติม : เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต ส่ง "Omne by FWD" แอปฯ รวมทุกบริการประกัน-บันเทิง-ไลฟ์สไตล์ แบบ All-in-one

    ​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine