ราคาอสังหาริมทรัพย์แพงที่สุดในไทย หากเทียบต่อตารางเมตรจะอยู่ที่ประมาณ 6 แสนบาทต่อตารางเมตร แต่หากเทียบราคาต่อยูนิต 515 ล้าบาท สำหรับบ้านเดี่ยว 3 ชั้นถือเป็นราคาสูงสุดในปัจจุบัน ที่เปิดตัวและพัฒนาโดยอัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์
ช่วงค่ำวันที่ 27 มิถุนายน บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ได้จัดกิจกรรมล่องเรือสำราญในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเปิดตัวบ้านหรูโครงการใหม่ที่มีสนนราคาต่อยูนิตสูงที่สุดในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปัจจุบัน คือบ้านเดี่ยว 3 ชั้นริมแม่น้ำเจ้าพระยา (ราษร์บูรณะ 1/1) ในราคา 515 ล้าบาท โครงการดังกล่าวคือ "เดอะ คอลเลคชั่น ริเวอร์ฟรอนท์ บาย อัลติจูด" (THE COLLECTION RIVERFRONT BY ALTITUDE) ซึ่งเป็นคอนเซ็ปท์การพัฒนาใหม่ล่าสุดจากอัลติจูด ผู้ประกอบการอังหาฯ ที่ดำเนินการในนามบริษัทนี้มาเพียง 7 ปี และมีผลงานพัฒนาโครงการมากว่า 15 โครงการ
ชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เผยว่าปัจจุบันอัลติจูด มีโครงการที่อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและขายรวม 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 19,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว 9 โครงการ และโครงการที่อยู่รระหว่างเตรียมเปิดขายอีก 2 โครงการ ซึ่งใน 9 โครงการที่เริ่มดำเนินการแล้ว มีโครงการไฮไลท์คือ "เดอะ คอลเลคชั่น ริเวอร์ฟรอนท์ บาย อัลติจูด" ซึ่งเป็นคอนเซ็ปท์ใหม่มูลลค่าโครงการรวม 2,500 ล้านบาท เลือกพัฒนาบนที่ดินทำเลดีที่สุด ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีด้านหนึ่งติดถนนสาธารณะขนาดใหญ่
โครงการนี้เป็นการพัฒนาที่ดินประมาณ 5 ไร่ ในซอยราษฎร์บูรณะ 1/1 โดยมีหน้าที่ดินติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ความยาวที่ดินกว่า 100 เมตร นำมาพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น จำนวน 11 หลัง แบ่งเป็นโซนริมแม่น้ำ และโซนวิวแม่น้ำ โดยหลังติดริมแม่น้ำขายในราคากว่า 300-515 ล้านบาท สร้างบนที่ดินขนาด 80-200 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 730-1,500 ตรม. โดยหลังแพงที่สุดขายราคา 515 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายไปแล้ว 2 ยูนิต ในโซนบ้านติดริมแม่น้ำ
งานล่องเรือเปิดตัวโครงการดังกล่าว อัลติจูดได้เชิญแขกวีวีไอพีกลุ่มลูกค้าเวลธของธนาคารยูโอบีมาร่วมงานประมาณ 100 คน ล่องเรือจากท่าเรือริเวอร์ซิตี้เพื่อไปชมทำเลที่ตั้งโครงการย่านต้นราษฎร์บูรณะ พร้อมนำเสนอรายละเอียดโครงการและจุดขายว่าบ้านในโครงการนี้เปรียบเสมือน “ยูนิตในการลงทุน” เพราะสร้างบนที่ดินในทำเลที่มีจำกัด ซึ่งมีโอกาสที่ราคาจะปรับขึ้นเป็นเท่าตัว หากอ้างอิงจากข้อมูลศูนย์วิจัยอสังหาฯ AREA ของดร.โสภณ พรโชคชัย เคยสรุปราคาที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาในโซนคุ้งน้ำย่านธุรกิจสำคัญว่า มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าในรอบ 10 ปี ดังนั้นการซื้ออสังหาในทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่หาไม่ได้แล้วจึงเป็นการลงทุนที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวได้ดี
แพลตฟอร์มอสังหาฯ
โครงการนี้เป็นการฉีกแนวการพัฒนาอสังหาฯ และนำเสนอการขายเทียบเท่าการลงทุนทางการเงิน และอีกหลายโครงการมีรูปแบบการพัฒนาที่ต่างกันไป ด้วยความหลากหลายของรูปแบบการพัฒนา อัลติจูดจึงนิยามการดำเนินธุรกิจของตัวเองเป็น “เดอะ เรียล เอสเตท สตาร์ทอัพ คอมเพนี” โดยชยพล ย้ำว่า งาน The Beginning Of Heritage Legacy With The Collection บนเรือแซฟฟร่อน ครูซ บันยันทรี (Saffron Cruise By Banyan Tree Bangkok) เพื่อเปิดตัวโครงการ เดอะ คอลเลคชัน ริเวอร์ฟรอนท์ บาย อัลติจูด นับเป็นโอกาสเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และบอกต่อถึงแนวคิดการทำธุรกิจที่แปลกใหม่
ภายในงานอัลติจูดได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์ยูโอบี พริวิเลจ แบงก์กิ้ง มอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าระดับวีวีไอพีของยูโอบี ในการจองซื้อบ้านในโครงการนี้ ซึ่งยูโอบีนำเสนอสินเชื่อบ้านระดับพรีเมียมระดับ 100 ล้านบาท สำหรับผู้ที่สนใจซื้อเพื่อการลงทุน โดยเลือกใช้สินเชื่อให้คุ้มค่าต่อการลงทุน
ขณะเดียวกัน อัลติจูดได้ประกาศเปิดรับพันธมิตรร่วมลงทุน สำหรับผู้ที่สนใจ หรือมีที่ดินและต้องการคนเข้ามาพัฒนา อัลติจูดพร้อมให้บริการด้านการพัฒนาอสังหาฯ แบบครบวงจรให้ด้วย โดยสามารถตกลงรายละเอียดการแบ่งปันผลประโยชน์ได้เป็นรายกรณี
ซีอีโออัลติจูดย้ำว่า ภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบันยังมีความท้าทายและอุปสรรคอยู่มาก อัลติจูดจึงมุ่งเน้นในการแก้ไปปัญหาของกลุ่มลูกค้าเพื่ออยู่อาศัย เเละนักลงทุน พร้อมเติมเต็มช่องว่างของตลาด สร้างความเติบโตภายใต้วิกฤตและเศรษฐกิจ ที่ทำให้กลุ่มลูกค้า Wealth Segment มีความกังวล และความเสี่ยงในการลงทุน ทั้งจากตลาดหุ้น ตลาดทุน หุ้นกู้ เเละอื่นๆ ได้มีทางเลือกในการลงทุน
การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ เป็นเครือข่ายการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดและถือว่ามีความเสี่ยงต่ำในการลงทุนระยะยาว อัลติจูดจึงใช้โมเดลธุรกิจใหม่ในการพัฒนาโครงการ "เดอะ คอลเลคชัน ริเวอร์ฟรอนท์ บาย อัลติจูด" โครงการบ้านเดี่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งได้ผู้ร่วมทุนพร้อมพัฒนาบนที่ดินทำเลทองกว่า 5 ไร่ ยากแก่การครอบครอง ทำเลนี้ถือเป็นโซนใกล้เมืองชั้นในติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ถือว่ามีอัตราการเติบโตสูงมากในกรุงเทพฯ เพื่อให้กลุ่มนักลงทุนที่ชอบสะสมสินทรัพย์ในรูปแบบของอสังหาริมทรัพย์และที่ดินได้รับผลตอบแทนสูง และมีความเสี่ยงต่ำ ถือเป็นรูปแบบการลงทุนด้านความมั่งคั่ง
รูปแบบการพัฒนาดังกล่าวเป็นแนวทางใหม่ ในรูปแบบ Real Estate Startup Company ที่บริษัทเริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2018 และมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจองค์กรอย่างต่อเนื่องมา โดยมีอัตราการเติบโตทุกปี ด้วยแนวคิดในการดำเนินธุรกิจซึ่งถูกแบ่งสัดส่วนออกเป็น 3 โมเดลด้วยกัน ได้แก่
1.การพัฒนาผู้คน (People) อัลติจูดเปิดรับฟรีแลนซ์ และซัพพายเออร์ที่มีประสบการณ์ พร้อมกับศักยภาพที่เหมาะสม ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานกับองค์กร เพื่อมอบโอกาสและเป็นการแลกเปลี่ยนแนวคิดใหม่ในการทำงาน
2. การลงทุน (Fund) อัลติจูดเปิดโอกาสให้กับพาร์ทเนอร์ ได้เข้ามาร่วมลงทุนในส่วนของที่ดินเปล่า เพื่อแปลงเป็นสินทรัพย์ในอนาคต และ
3. สินค้าและการบริการ (Product & Service) อัลติจูดมุ่งสร้างสรรค์โครงการด้วยแนวคิดและไอเดียจากการออกแบบที่ทันสมัย ตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ทั้งแง่การอยู่อาศัยและการลงทุนในระยะยาว ผสมผสานกับเทคโนโลยีแห่งอนาคต รวมถึงการบริการที่ทันสมัย เพื่อมอบความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตตลอดการอยู่อาศัยในทุกโครงการ
นอกจากอัลติจูดจะเป็นผู้พัฒนาโครงการและที่ดินแล้ว ยังมีอีกหนึ่งธุรกิจสำคัญคือ One Stop Service Solution คือการให้บริการในด้านบริหารโครงการ รวมไปถึงการให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ในรูปแบบ Turnkey Development ซึ่งโมเดลการทำธุรกิจนี้ช่วยลดทุกปัญหาของความเสี่ยงและมอบผลตอบแทนให้กับลูกค้าได้รับประโยชน์อย่างมากที่สุด
แนวคิดสตาร์ทอัพ
ส่วนการออกแบบโครงการ “เดอะ คอลเลคชั่น ริเวอร์ฟรอนท์ บาย อัลติจูด" มีบ้านให้เลือก 2 แบบ รวมทั้งหมด 11 หลัง ได้แก่ แบบ The Iconic Riverfront Mansion ทั้งหมด 4 หลัง ขนาด 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 1,280 -1,580 ตร.ม แบบ The Iconic Mansion ทั้งหมด 7 หลัง พื้นที่ใช้สอย 670-735 ตร.ม โดยบ้านทุกหลังจะได้รับวิวแม่น้ำ พร้อมสวนตกแต่งแบบโรงแรมระดับ 6 ดาว และสระว่ายน้ำ นำเสนอในราคาเริ่มต้นที่ 160,000 - 270,000 บาท/ตารางเมตร
พื้นที่โครงการตั้งอยู่ที่รอยต่อถนนเจริญนครกับราษฎร์บูรณะ ซอย 1 เชื่อมต่อถนนสายหลัก ทั้งถนนเจริญนคร, สาทร, พระราม 3, และอโศก ใกล้รถไฟฟ้าสถานีกรุงธนบุรีและสะพานกรุงเทพ ใกล้ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน และโรงพยาบาลชั้นนำ อาทิ ไอคอนสยาม, ริเวอร์ไซด์พลาซ่า, เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟรอนท์, เทอมินอล 21 พระราม 3, โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี, โรงเรียนกรุงเทพ คริสเตียน, โรงเรียนอัสสัมชัน, โรงพยาบาลสมิติเวช ธนบุรี, โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์, โรงพยาบาลบีเอ็นเอช และโปรเจกต์ระดับโลกในอนาคตอย่าง The Ritz-Carlton Bangkok, The Riverside, Asiatique Township
“บริษัทฯ ยังเดินหน้าหน้าขยายการดำเนินงานในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยโมเดลธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง จากอัตราการเติบโตของกลุ่มผู้ซื้อที่มีความมั่งคั่งทางการเงิน ทั้งเพื่ออยู่อาศัยและลงทุนบนทำเลที่ดีที่สุด ที่สามารถสร้างผลตอบแทนระยะยาวได้ดี ซึ่งโครงการ "เดอะ คอลเลคชั่น ริเวอร์ฟรอนท์ บาย อัลติจูด" นับเป็นโครงการแรกที่เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในการรุกแผนธุรกิจใหม่ของอัลติจูดอย่างเต็มตัว”
ชยพล กล่าวทิ้งท้ายว่าด้วยแนวคิดเรียบเอสเตทสตาร์ทอัพ อัลติจูดพร้อมเปิดรับพาร์ทเนอร์ที่จะมาร่วมธุรกิจ ในทุกรูปแบบหากมีความเป็นไปได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ และการพัฒนาหากเป็นโครงการแบบเทิร์นคีย์พร้อมรับในสเกลมูลค่าโครงการ 500 ล้านบาทขึ้นไป
อ่านเพิ่มเติม : "ตลาดอสังหาฯ" ในกทม. เริ่ม "ส่งสัญญาณฟื้นตัว"
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine