ทัพหน้าแห่งธุรกิจพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ของประเทศที่พลิกวิกฤตเป็นโอกาสด้วยการวิจัยและพัฒนาเปลี่ยนของเสียจากไร่นาเป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้าสู่ต้นแบบโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดระดับโลก พิชิตรายได้หมื่นล้านใน 3 ปี
กองวัสดุเหลือทิ้งข้างโรงงานแปรรูปสินค้าเกษตรที่มีจำนวนมหาศาลเท่าภูเขาจนต้องจ้างแรงงานนำไปทิ้งในแต่ละวัน อาจเป็นวิกฤตสำหรับเจ้าของโรงงานหรือผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรครบวงจร ทั้งเป็นต้นเหตุของหมอกควันและฝุ่นละอองในอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมถึงสุขอนามัยของประชาชน ภายใต้ปรัชญาทางธุรกิจ “จะต้องทำของเสียไม่ให้เสียของ” และความเพียรพยายามพลิกวิกฤตให้กลายเป็นโอกาสของ จิรฐา ทรงเมตตา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการแปรเปลี่ยนของเหลือทิ้งให้เป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้า ตอบโจทย์พลังงานทดแทนจากแนวโน้มปัญหาการขาดแคลนก๊าซในอ่าวไทยที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงหลักสำหรับการผลิตไฟฟ้าในประเทศเริ่มทยอยหมดลงในอนาคต ในจังหวะที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้เอกชนสามารถขายไฟฟ้าพลังงานทดแทนให้กับการไฟฟ้าภูมิภาค จิรฐาจึงตัดสินใจเข้าทำสัญญากับการไฟฟ้าภูมิภาคแห่งประเทศไทยและก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งแรกที่จังหวัดชลบุรี โดยเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2555 พร้อมทั้งพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด โรงไฟฟ้าชีวมวล โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้าขยะชุมชนและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ “เราทำงานด้านเกษตรอุตสาหกรรมมาตลอดตั้งแต่ 40 กว่าปีที่แล้ว โดยร่วมกับครอบครัวทำธุรกิจส่งออกข้าวและมันสำปะหลังเป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งเราคลุกคลีทั้งส่วนการผลิต โรงงาน ซัพพลายเชน และเกษตรกร ก่อนจะทำงานกับกลุ่มชัยโย ทริปเปิ้ลเอ ทำให้เราได้ทำงานด้านวิจัยพันธุ์พืชไม้โตเร็ว รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ” จิรฐากล่าวถึงช่วงเวลาที่นั่งเก้าอี้ผู้บริหารในกลุ่มบริษัท ชัยโยทริปเปิ้ลเอ ของกลุ่มทรงเมตตา ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพครบวงจร (Bio-Circular Green Business) (BCG) และผู้นำการผลิตแผ่นไม้อัดแข็งของภูมิภาคอาเซียนที่มีกำลังการผลิตกว่า 13 ล้านแผ่นต่อปี ทั้งยังเป็นผู้ผลิตและส่งออกชิ้นไม้สับคุณภาพสูงเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเยื่อกระดาษคุณภาพสูงอันดับ 1 ของโลกติดต่อกันเกือบ 10 ปี โดยมีตลาดส่งออกใหญ่อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นและจีน

ตลาดทุนปั้นฝันเวิลด์คลาส
ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็นผู้ประกอบกิจการพลังงานสะอาดต้นแบบของโลกที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และผู้ถือหุ้นบนหลัก Environmental, Social, Governance (ESG) & Total Societal Impact (TSI) จิรฐามั่นใจในพลังของตลาดทุนที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับฐานะการเงินและขีดความสามารถการขยายธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียน โดยมีเป้าหมายขยายการลงทุนไฟฟ้าในไทยและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งรวมกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 “การขับเคลื่อนธุรกิจให้เป็นบริษัทข้ามชาติหรือบริษัทชั้นนำาของโลก เราต้องสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนให้กับบริษัท ซึ่งการใช้ศักยภาพทุกอย่างของบริษัทได้ เราต้องนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ทำให้ธุรกิจามารถเติบโตอย่างรวดเร็วและมั่นคง รวมถึงสนับสนุนโครงการที่เราจะสร้างอีก 20 โครงการหรือ 210 เมกะวัตต์ ซึ่งเราเตรียมการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว เพราะเราต้องการเป็นบริษัทสากลระดับโลก โดยสิ่งที่ตามมาระหว่างการเตรียมตัว คือ เราได้ระบบที่ดี ระบบมาตรฐานสากลที่สามารถใช้พัฒนาองค์กรต่อ” ดังนั้น ทิศทางการเติบโตของบริษัทจึงมุ่งเน้นที่การเพิ่มจำนวนโครงการและกำาลังการผลิตของโรงไฟฟ้าประเภทดังกล่าว โดยในอีก 3 ปีข้างหน้าบริษัทจะมีจำนวนโรงงนไฟฟ้าที่ COD แล้ว เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 13 โครงการเป็น 33 โครงการ หรือคิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวมไม่น้อยกว่า 421 เมกะวัตต์ ซึ่งเพิ่มจากปัจจุบัน 100% พร้อมทั้งวางเป้าหมายตัวเลขโครงการโรงไฟฟ้าทั้งที่ COD แล้ว และที่อยู่ระหว่างการพัฒนา คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวมไม่น้อยกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 “เราต้องการให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด เรามีทีมงานที่เข้มแข็ง ซึ่งอีก 3 ปี ข้างหน้าต้องสามารถเติบโตอีก 100% จาก 211 เมกะวัตต์เป็น 421 เมกะวัตต์ และรายได้ 4.8 พันล้านบาทในปี 2561 จะเติบโตอีก 100% เป็นเกือบหมื่นล้านใน 3 ปีข้างหน้า โดยปัจจุบันเราเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลอันดับ 1 ในประเทศและน่าจะในภูมิภาคด้วย ซึ่งเรามีเป้าหมายในระดับโลกไม่เกินปี 2565 ถ้าได้ถึง 400 เมกะวัตต์ขึ้นไปก็ถือว่าเริ่มก้าวเข้าสู่ระดับโลกแล้ว” จิรฐากล่าวถึงภาพรวมธุรกิจในปัจจุบันที่สร้างรายได้รวม 4.85 พันล้านบาทในปี 2561 และ 2.56 พันล้านบาทช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ พร้อมความมั่นใจในการเติบโตเป็นเท่าตัว
คลิกอ่านฉบับเต็ม “จิรฐา ทรงเมตตา ACE พิมพ์เขียวโรงไฟฟ้ารักษ์โลก” ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2562 ได้ในรูปแบบ e-Magazine
