อมาโด้ กรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ของ เชน – ธนา ลิมปยารยะ อดีตนักร้องวงบอยแบนด์ ในยุคเจนวาย ที่มีความฝันมาตลอดในการเป็นนักธุรกิจแถวหน้าของเมืองไทย ซึ่งวันนี้ความฝันนั้นเข้าใกล้ความจริงมากยิ่งขึ้น ด้วยการออกแบบธุรกิจที่ถูกคิดไว้อย่างดี สอดรับกับทิศทางลมที่กำลังแรงจากกระแสความใส่ใจเรื่องสุขภาพ ที่ทำให้รายได้ปีนี้ทะลุ 1,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว
“ผมเกิดในครอบครัวนักธุรกิจ ที่บ้านทำอุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นโรงงานขนาดใหญ่ เห็นคุณพ่อนับเงินจ่ายเงินเดือนพนักงานเป็นเงินสด เห็นคุณพ่อนั่งดูหุ้น เด็กๆ เรานั่งดูละคร ก็เห็นพระเอกเป็นนักธุรกิจใหญ่ ยืนบนตึกสูง ดูดี เราก็อยากเป็นนักธุรกิจบ้าง แต่ตอนเด็กมีแอบอยากเป็นหมอบ้าง แต่พอมาวิเคราะห์ตัวเองอย่างจริงจัง ก็ค้นพบว่าชอบเรื่องการเงิน เรื่องธุรกิจ” ธนา ลิมปยารยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด เล่าถึงชีวิตวัยเด็ก ที่ดูเหมือนว่าทั้งพื้นฐานครอบครัว และความชอบส่วนตัวจะอยู่กับตัวเลข และการคิดคำนวณเป็นหลัก เดิมมีความตั้งใจว่าจะเข้าโครงการฟิสิกส์ โอลิมปิก ซึ่งตอนนั้นผ่านการคัดเลือกรอบแรกแล้ว แต่เหมือนวิเคราะห์ความต้องการตัวเองอีกกี่ครั้ง คะแนนก็ออกมาสนับสนุนให้เรียนต่อด้านธุรกิจ การบริหาร จึงสอบเข้าคณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์-ชีวิตเลี้ยวเข้าสู่วงการบันเทิง-
เส้นทางชีวิตนักธุรกิจของเชน – ธนา แม้ว่าจะมีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่มีอันต้องเลี้ยวขวาเข้าสู่วงการบันเทิง ด้วยความเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี จึงถูกแมวมองดึงเข้าสู่การเป็นนักร้องวงบอยแบนด์ของค่ายลาดพร้าว ซึ่งครั้งนี้เขาได้คิดคำนวณแล้วเช่นกันว่าการเป็นนักร้องไม่ได้ทำให้เป้าหมายในการเป็นนักธุรกิจถูกเบี่ยงเบนไป ขณะเดียวกันกลายเป็นคีย์ ซัคเซสอย่างหนึ่งของชีวิตนักธุรกิจในวันนี้ ที่ได้จากโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตของการเป็นนักร้อง “เราอยู่ในยุคอีโมชั่นนอลนะ เป็นนักร้อง 10 ปี เจอบูลลี่ตลอด ว่าเป็นนักร้องเบอร์รอง ก็พยายามพัฒนาตัวเอง ไปเรียนดนตรี เล่นเปียโน เป็นช่วงรอยต่อของยุคอนาล็อกไปดิจิทัล เจอกับความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ก็มีภูมิต้านทานระดับหนึ่ง ที่ต้องพยายามบาลานซ์ชีวิตให้ได้ ถือเป็น 10 ปีที่มีคุณค่า และสามารถต่อยอดได้มหาศาล” เชน กล่าวว่า การเป็นนักร้อง เป็นต้นทุนอย่างดีที่ทำให้สามารถก้าวเดินในเส้นทางธุรกิจในเวลาต่อมา รวมทั้งทำให้เงินทุนก้อนหนึ่ง ประมาณ 5 แสนบาท จากการเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า เพื่อเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง ด้วยการเปิดร้านกิฟท์ช็อป ควบคู่ไปกับการเป็นนักร้อง ซึ่งในช่วง 4 ปีสุดท้ายหลังจากวงแตก ได้ออกอัลบั้มเดี่ยว และเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตไปหลายจังหวัดทั่วประเทศ “ถือเป็นที่สุดแล้วสำหรับเส้นทางในอาชีพนักร้อง ก่อนตัดสินใจยุติบทบาทในขณะที่ยังมีความรู้สึกที่ดี และมีคุณค่า”-เจอมรสุมหนักกับธุรกิจแรก-
เชน – ธนา เริ่มต้นธุรกิจด้วยการลงทุนจำนวน 2 แสนบาท เปิดร้านกิฟท์ช็อป ถือว่าไปได้ดี มีเงินหมุนเดือนละ 2 หมื่นถึง 6 หมื่นบาท จากนั้นเริ่มขยายกิจการไปสู่ร้านขายเสื้อผ้าที่ประตูน้ำ มีเงินหมุน 7 แสนถึงหลักล้านบาท ถือเป็นช่วงฟุ้งเฟ้อจากธุรกิจที่มีกำไร นำเงินไปใช้จ่ายซื้อคอนโดมิเนียม ซื้อรถ เที่ยวตามประสาคนหนุ่มไฟแรง ที่หาเงินง่าย ใช้คล่อง พอรู้ตัวอีกทีก็เกิดวิกฤตที่ไม่คาดฝัน “ช่วงนั้นปี 50-51 ม็อบการเมืองแรง มีการปิดย่านการค้าราชประสงค์ กระทบร้านขายเสื้อผ้าที่ประตูน้ำ ไม่สามารถเปิดร้านได้ เพียงแค่ 2 เดือน จากธุรกิจที่มีกำไร กลายเป็นหนี้ถึง 5 ล้านบาท ทั้งค่าเช่าร้าน ค่าซัพพลายเออร์ เป็นเหตุการณ์ที่ถือเป็นครูครั้งแรกในการดำเนินธุรกิจ ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการที่เราไม่สำรองเงินสด” จากวิกฤตครั้งนั้น ทำให้ เชน ซึ่งมั่นใจในการวางแผนธุรกิจ จากการคำนวณทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี แต่มีรอยรั่วในเรื่องไม่สำรองเงินสด ต้องยุติกิจการของตัวเอง และมาเป็นพนักงานด้านการตลาดให้กับวุฒิศักดิ์ คลินิก เริ่มต้นด้วยเงินเดือน 2 หมื่นบาท ผ่านไป 5 ปี เงินเดือนขยับขึ้นไปเป็นหลักแสน พร้อมกับการเติบโตของวุฒิศักดิ์ คลินิกที่มีรายได้ในขณะนั้น 3–4 พันล้านบาท ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่หยุดที่จะทำกิจการของตัวเองไปด้วย โดยการขายสินค้าผ่านออนไลน์ “ตอนนั้นเป็นช่วงเริ่มต้นของการสินค้าออนไลน์ ก็ศึกษาอย่างจริงจัง ดูเทรนด์สินค้าที่ได้รับความนิยม ซึ่งตอนนั้นจะเป็นพวกแบตเตอรี่สำรอง ก็ทำมาเรื่อยๆ จนวันหนึ่งคิดว่าถึงเวลาที่จะสร้างกิจการตัวเองอีกครั้ง ตอนนั้นมีความรักและอยากสร้างครอบครัว และคิดว่าได้ศึกษาแผนธุรกิจมาเป็นอย่างดี จึงตัดสินใจลาออกจากวุฒิศักดิ์”-ได้เวลาทะยานสู่รายได้ 2,000 ล้าน-
เชน – ธนา เริ่มต้นธุรกิจตัวเองอีกครั้งกับธนา ซัพพลีเมนต์ ในปี 2557 เพื่อดำเนินธุรกิจอาหารเสริม หลังจากอยู่กับวุฒิศักดิ์มา 5 ปี สามารถเคลียร์หนี้สิ้นกับกิจการเก่าจำนวน 5 ล้านบาทจนหมด ครั้งนี้ด้วยประสบการณ์ที่มากขึ้น การวางแผนธุรกิจเป็นไปอย่างรอบคอบ และด้วยฐานข้อมูลการตลาดที่แม่นยำทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ ทำให้ธนา ซัพพลีเมนต์ ที่เปลี่ยนเป็นอมาโด้ กรุ๊ป เติบโตอย่างต่อเนื่อง และรายได้วิ่งอย่างรวดเร็วในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ช่วงเริ่มต้น ตามแผนธุรกิจคาดว่าจะมีรายได้หมุนเวียนประมาณ 3 แสนบาท แต่หลังจากเห็นแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจสุขภาพขยับแผนเป็น 10 ล้านบาท จึงขอระดมทุนจากแองเจิล ฟันด์ ขณะที่รายได้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ปี 2559 อมาโด้ กรุ๊ปมีรายได้ 79.5 ล้านบาท ปี 2560 มีรายได้ 222 ล้านบาท ปี 2561 รายได้ลดลงเล็กน้อยเหลือ 176 ล้านบาท พอปี 2562 รายได้ 694 ล้านบาท และช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ อมาโด้มีรายได้แตะ 1,000 ล้านบาท “การเติบโตอย่างรวดเร็วของอมาโด้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เป็นจังหวะที่เหมาะสม เหมือนเรือใบที่แล่นอยู่ในทิศทางลมพอดี ก็วิ่งได้เร็วขึ้น ประกอบกับการออกแบบธุรกิจ การวางโครงสร้างต่างๆ ที่เราคิดคำนวณตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้พื้นฐานแน่น โดยเฉพาะออนไลน์ที่เข้ามาตอบโจทย์พฤติกรรมการซื้อสินค้าในช่วงนี้ สำหรับปี 2564 ยอดขาย 2,000 ล้านบาท ได้แน่ๆ แต่หากเราเร่งเครื่องขึ้นอีกมีโอกาสถึง 2,500 ล้านได้ไม่ยาก” เชน กล่าวอย่างภาคภูมิใจ รวมไปถึงแผนการขยายธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อมาโด้ ได้วางจำหน่ายสินค้าในกลุ่มประเทศ CLMV และแผนขยายตลาดระดับเอเชีย จากการดึงฮยอนบิน มาเป็นพรีเซนเตอร์ พร้อมกับการใช้โรงงานผลิตสินค้าที่เกาหลี เพื่อยกระดับภาพลักษณ์สินค้าภายใต้แบรนด์ไทยสู่ตลาดโกลบอล โดย เชน จะใช้แผนการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ที่คาดว่าจะยื่นไฟลิ่งได้ในไตรมาส 2 ของปี 2564 ลงทุนเพิ่มทั้งในส่วนโรงงานผลิต คลังสินค้า และโลจิสติกส์ “ศัตรูของธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ คือ ความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย ซึ่งเราผ่านการรับรองมาตรฐานถูกต้องทุกอย่าง รวมถึงการใช้กลยุทธ์พรีเซนเตอร์ เป็นแนวทางที่ได้ผลในการสร้างการยอมรับในตัวผลิตภัณฑ์ และใช้ในการขยายธุรกิจในต่างประเทศได้เป็นอย่างดี เป้าหมายของอมาโด้ คือเราต้องการเป็นฮับความสวยของเอเชีย” เชน – ธนากล่าว-สร้างดีเอ็นเอของอมาโด้-
ในด้านการบริหารองค์กร เชน ได้วางตัวเองเป็นต้นแบบความสำเร็จให้กับพนักงานในองค์กร ที่สามารถสร้างรายได้จากเงินเดือน 2 หมื่นบาท สู่หลักแสนได้ภายใน 5 ปี โดยสามารถบาลานซ์ชีวิตและการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้หลักคิด 2S ซึ่งถือเป็นดีเอ็นเอของอมาโด้ Singularity คือการยึดหลักแนวคิดของ John von Neumann (1950) เป็นคนแรกที่ใช้คำว่า Singularity ซึ่งเขาอธิบายว่าเมื่อหุ่นยนต์พัฒนาได้ด้วยตัวมันเองไปเรื่อยๆ สุดท้ายมันจะพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดจนมนุษย์ตามไม่ทัน ซึ่งเราจึงยึดหลักการพัฒนาการทำงานของพนักงานที่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลที่ก้าวกระโดด ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง เพื่อให้ได้งานที่สำเร็จในระยะเวลาที่สั้นลง Simulations คือการจำลองสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นจริงในความคิดก่อน เพื่อประเมินผลลัพท์ที่จะเกิดขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมในการรับมือ ซึ่งหลังจากนำแนวคิดนี้มาใช้กับองค์กร ทำให้เราเห็นช่วงเวลา 3 ช่วง เสมอ คือ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต พอเราจำลองว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เมื่อเราเริ่มดำเนินการ เราจะเห็นความเป็นไปได้ที่จะเกิด ทั้งผลลัพธ์และอุปสรรค เพื่อการทำงานที่ดีของบริษัทในที่สุด “ผมก็เป็นเจนวายอีกคนหนึ่ง ที่อยากเห็นแบรนด์ไทยประสบความสำเร็จในตลาดโลก ซึ่งตอนนี้เราสามารถดึง ฮยอนบิน ดาราระดับเอเชียมาเป็นพรีเซนเตอร์ได้ ก็สร้างความฮีกเหิมให้กับองค์กรเป็นอย่างมาก สำหรับผมเส้นทางของอมาโด้ยังไปได้อีกไกลนี่แค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น” เชน กล่าวทิ้งท้าย ภาพโดย: จันทร์กลาง กันทองไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine