การระบาดของโควิด-19 อาจทำให้ผู้คนระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย ทว่าสำหรับเรื่องความงามและสุขภาพอาจเป็นข้อยกเว้น นั่นเป็นเหตุให้ปีที่ผ่านมา “THE KLINIQUE” (เดอะ คลีนิกค์) ซึ่งทำธุรกิจให้บริการด้านผิวพรรณและศัลยกรรมความงามมีรายได้ 1,007 ล้านบาท กำไรสุทธิ 153.76 ล้าน เพิ่มจากปี 2562 ที่มีรายได้ 990 ล้านบาท ทั้งที่ต้องปิดคลินิกนานถึง 2 เดือนในช่วงต้นปี 2563
“คุณหมอเติ้ล” นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) มีนัดสัมภาษณ์กับทีมงาน Forbes Thailand ที่สาขา เซ็นทรัล แกรนด์ พระราม 9 บริเวณด้านหน้าซึ่งเป็นกระจกใส มีภาพใบหน้าที่สวยใสของ “อั้ม” พัชราภา ไชยเชื้อ ดาราสาวชื่อดัง เมื่อเปิดประตูเข้าไปฝั่งซ้ายและขวามือเป็นมุมรับรองลูกค้า ส่วนด้านในแบ่งเป็นห้องๆ เพื่อให้บริการอย่างเป็นส่วนตัว นายแพทย์อภิรุจ จบการศึกษาปริญญาตรี แพทยศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระหว่างเรียนชั้นปีที่ 4 ต้องขึ้นวอร์ดดูแลคนไข้และพบว่าตนเองสนใจงานด้านอายุรกรรมผิวหนังและอายุรกรรมระบบประสาท หลังเรียนจบและทำงานใช้ทุนแล้วจึงไปศึกษาต่อด้านเลเซอร์ผิวหนัง (fellowship in dermatology) ที่ Harvard Medical School ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งศึกษาด้านศัลยกรรมมะเร็งผิวหนังที่ University of Miami รัฐ Florida และเข้ารับการอบรมหลักสูตรด้านผิวพรรณและความงามจากสถาบันต่างประเทศอีกหลายแห่ง อาทิ Diploma in Dermatology, Wales Colleges สหราชอาณาจักร, Diploma in Clinical Dermatology, King’s College และ Diplomate in Anti-Aging and Regenerative Medicine สหรัฐอเมริกา- เริ่มจากคลินิกรักษาสิว -
ปี 2552 ร่วมลงทุนกับเพื่อนจุฬาฯ เปิดคลินิกย่านสยามสแควร์เพื่อรักษาโรคผิวหนัง โรคสิว สะเก็ดเงิน เชื้อราทั่วไป และเริ่มนำเข้าเครื่องฉายแสงจากต่างประเทศเพื่อรักษาสิวเป็นรายแรกๆ ขณะที่คลินิกอื่นๆ ยังรักษาด้วยการกินยา ฉีดยา หรือกดสิว ช่วงแรกกลุ่มเป้าหมายคือ นักเรียน นักศึกษา ต่อมาผู้ปกครองมาใช้บริการด้วยและกลายเป็นว่ามีลูกค้ากลุ่มผู้ใหญ่มากขึ้น จึงขยายบริการโปรแกรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม “เครื่องมือของเราเกรดเดียวกับโรงพยาบาลใหญ่ๆ ในต่างประเทศ แต่ด้วยความที่เรามีสาขาเยอะ เท่ากับเรามีเครื่องมือ standard ให้บริการมากที่สุดในไทย เครื่องบางตัวมีมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ผ่านมาเราเติบโตขึ้นทุกปี เนื่องจากตลาดโดยรวมโตขึ้น และคนไทยมีรายได้ต่อหัวมากขึ้น ร่วมกับการเข้าสู่ภาวะ ageing society ทำให้คนหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ทั้งนี้ตลาดภาพรวมมีการเติบโตทุกปีอยู่แล้ว ส่วนเทรนด์โลกเติบโตเป็นเลข 2 หลักทุกปี เอเชียแปซิฟิกเติบโตมากกว่ายุโรปหรืออเมริกา” ทั้งนี้รายงานจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาเคยประเมินไว้ว่า ปี 2560 ธุรกิจความงามทั่วโลกมูลค่าประมาณ 2.65 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท เดอะคลีนิกค์ เป็นศูนย์ให้บริการเสริมความงามแบบครบวงจร ธุรกิจหลักคือ บริการด้านผิวพรรณและศัลยกรรมความงาม โดยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้เป็นเทคโนโลยีระดับมาตรฐานสากล ซึ่งได้รับการยอมรับและตรวจสอบจากองค์การอาหารและยาแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) และองค์การอาหารและยาของประเทศไทย ลักษณะบริการแบ่งเป็นทรีตเมนต์และเลเซอร์ ดูแลรูปร่าง ศัลยกรรมตกแต่ง บริการเด่นๆ ของเดอะคลีนิกค์คือ โปรแกรมด้านการยกกระชับและปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องศัลยกรรม เช่น New Ulthera SPT การยกกระชับและปรับรูปหน้าด้วยการใช้เทคโนโลยี Advance-Focused Ultra- sound ที่สามารถปล่อยพลังงานลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ และเป็นชั้นเดียวกับที่แพทย์ศัลยกรรมใช้ในการผ่าตัดดึงใบหน้า และ Ultra Lock การปรับยกโครงสร้างใบหน้าด้วยการร้อยเส้นไหมที่มีลักษณะพิเศษชื่อว่า 360° Helical Barbs ที่สามารถจับยึดโครงสร้างชั้น SMAS ให้ยกขึ้น โดยใช้เส้นไหม 4 เส้น ปรับแก้ไขความหย่อนคล้อยและรูปหน้า ขั้นตอนการทำใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง อื่นๆ จะเป็นด้านการดูแลรูปร่าง ซึ่งเทรนด์ใหม่คือ การสลายไขมันด้วยความเย็น ด้วยโปรแกรม New Coolsculpting เทคโนโลยีที่คิดค้นโดยทีมแพทย์จาก Harvard Medical School และ New Emsculpt NOVO นวัตกรรมจากสหรัฐอเมริกาซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของดาราและเซเลบริตี้ในช่วงนี้ เป็นการกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อที่มีความจำเพาะ นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมการให้วิตามินทางเส้นเลือดเพื่อเสริมประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกัน การใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดเสริมกับคนไข้ที่ฉีดคีโมรักษามะเร็งโดยใช้เซลล์ของตนเอง และโปรแกรม Mini Repair ที่ออกแบบมาสำหรับการดูแลสุขภาพจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงโดยไม่ต้องผ่าตัด เป็นต้น- ใช้เครื่องมือและนวัตกรรมระดับโลก -
จุดเด่นของเดอะคลีนิกค์คือ เครื่องมือและเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกับชาติตะวันตก โดยทุกปีนายแพทย์อภิรุจจะเข้าร่วมประชุมเวทีแพทย์ผิวหนังและศัลยกรรมระดับโลกที่ต่างประเทศอย่างน้อย 3 แห่ง ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และโมนาโก เพื่ออัปเดตความรู้ใหม่ๆ และเทรนด์ของโลก ดูว่าคนไข้ต่างประเทศนิยมอะไร นวัตกรรมใดตอบโจทย์ลูกค้า เพื่อนำเครื่องมือหรือนวัตกรรมเหล่านั้นมาให้บริการในประเทศไทย โดยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่คลินิกใช้ทั้งหมดเป็นแบรนด์จากยุโรปและสหรัฐฯ ราคาเฉลี่ยเครื่องละ 4-5 ล้านบาทไปจนถึง 10 กว่าล้านบาทก็มี แต่ละปีบริษัทใช้งบฯ ลงทุนด้านนี้ 50-100 ล้านบาท เฉพาะปี 2563 ลงทุนไปแล้วกว่า 150 ล้านบาท นอกจากการใช้เครื่องมือ เทคโนโลยี และนวัตกรรมระดับมาตรฐานสากลแล้ว บริษัทยังจัดเทรนนิ่งเพื่อเพิ่มพูนความสามารถให้กับแพทย์อยู่เป็นระยะ “เราเป็นเบอร์ 1 ด้าน revenue และจำนวนสาขาในกลุ่ม premium จุดเด่นของเราตามสโลแกนเลยคือ ต้องการ provide the best quality ซึ่งมี 2 ส่วนคือ hardware หมายถึงเครื่องมือแพทย์และยา ส่วน software คือพนักงาน เราลงทุนในการพัฒนาทีมแพทย์และบุคลากรเยอะมาก เราจัดสรรงบในการจัด training ประมาณ 10% ต่อปี ซึ่งเยอะกว่างบทางการตลาดเสียอีก" “เพราะการรักษาโดยการฉีดสารเติมเต็มเวลาฉีดต้องหลบไม่ให้โดนเส้นเลือด หากแพทย์ไม่ชำนาญ ไม่รู้ anatomy ที่ดีก็จะก่อให้เกิดปัญหาได้...ถึงขนาดที่ Regional Manager ของบริษัทยาข้ามชาติบินมาขอดูระบบการจัด training ของเรา เพราะยอดขาย growth มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เช่น ไต้หวัน เกาหลี เราบอกว่าปัจจัยหนึ่งมาจากการใส่ใจเรื่องการ training ทีมแพทย์ของเรา เมื่อผลลัพธ์ออกมาดีลูกค้าก็กลับมารักษา อย่างที่บอกว่าเราใช้มาตรฐานเครื่องมือระดับเดียวกับโรงพยาบาลของเมืองนอก คุณไม่มีทางเจอเครื่องมือประเภทเดียวกันที่ดีกว่านี้” ส่วนเป้าหมายในอีก 5-10 ปีคือ การนำแบรนด์เดอะคลีนิกค์ไปประกาศฝีมือของแพทย์ไทยในกลุ่มประเทศ CLMV “บริษัทต่างชาติที่ supply ยาและเครื่องมือแพทย์ให้เรามีข้อมูลว่า ลาว กัมพูชา ยอดขายดีมาก และเขา trust ในแบรนด์ไทย ถ้าเรามีโอกาสและได้พาร์ตเนอร์ที่เหมาะสม เฟสแรกจะไป CLMV ส่วนเฟสที่ 2 จะไปฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เพราะประชากรเยอะ” นายแพทย์อภิรุจกล่าวในตอนท้าย อ่านเพิ่มเติม:- IAN MACLACHLAN ฮีโร่วัคซีนโควิดผู้ถูกลืม
- BLACKSTONE คาดขึ้นแท่น ‘บริษัทไพรเวทอิควิตี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก’ ภายในปีนี้
- ภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ติดแบรนด์แต้มสีให้ผืนหนังอีกทางออกเพื่อเติบโต
คลิกอ่านบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine