ดีเอ็นเอทางธุรกิจที่ได้รับการถ่ายทอดผสมผสานกับความหลงใหลด้านการตลาดสู่ภาคต่อความมุ่งมั่นที่ทำให้ กันต์ กุลปิยะวาจา รับภารกิจขยายตลาด และสร้างแบรนด์ชบาครองใจผู้บริโภค พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการครอบคลุมพอร์ตเครื่องดื่มในไทยและต่างประเทศ
เสียงเครื่องจักรผลิตเครื่องดื่มตลอดระยะเวลามากกว่า 2 ทศวรรษได้มีส่วนหล่อหลอมให้ กันต์ กุลปิยะวาจา ทายาทของครอบครัวกุลปิยะวาจาผูกพันกับธุรกิจน้ำผลไม้สัญชาติไทยแบรนด์ “ชบา” ตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้งในปี 2543 พร้อมเดินหน้ารับภารกิจสานต่อการเป็นผู้นำด้านการผลิตน้ำผลไม้คุณภาพพรีเมียมมาตรฐานรับรองระดับสากล ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคในประเทศ และสามารถขยายตลาดจัดจำหน่ายกว่า 40 ประเทศทั่วโลกสู่การสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจในระยะยาว กันต์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดประจำประเทศไทยและกลุ่มประเทศ CLMV บริษัท ชบาบางกอก จำกัด ได้รับมอบหมายให้กุมบังเหียนด้านการขายและการตลาดของบริษัท ด้วยความหลงใหลในการทำงานสำรวจตลาด (market research) ได้เป็นแรงผลักดันให้บุตรชายคนสุดท้ายในพี่น้องทั้งหมด 5 คนของ วงศ์วุธ (บิดาและผู้ก่อตั้งธุรกิจ) เริ่มต้นทำงานตั้งแต่วัย 15 ปี ทั้งการสำรวจตลาด การตรวจสอบคุณภาพโรงงาน ตลอดจนการเดินทางติดต่อทางธุรกิจกับคู่ค้าไทยและต่างประเทศ “การเรียนรู้และการไม่หยุดพัฒนาตัวเองถือเป็นคีย์ความสำเร็จในการทำงาน จากประสบการณ์ที่เคยทำงานในองค์กรอื่นนำมาปรับใช้ในการสร้างองค์กร ทำให้เรามีมุมมองที่กว้างขึ้น และเข้าใจถึงความต้องการของพนักงาน รวมถึงเห็นภาพการทำงานของหลายๆ ฝ่าย ทั้งยังช่วยให้เราเข้าใจการทำงานของทีม และการสร้าง dynamic ที่ดีในทีม” สานต่อภารกิจความยั่งยืน ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่เป็นความท้าทายสำคัญของคลื่นลูกใหม่ในการสร้าง การเติบโตให้กับแบรนด์เครื่องดื่มไทยอายุมากกว่า 20 ปี กันต์ยังคงเชื่อมั่นในจุดเด่นของบริษัท ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการผลิตน้ำผลไม้ที่มุ่งเน้นคุณภาพมาตรฐานสากลและการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุด รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมที่ทันสมัยเป็นอาวุธสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ทั้งในประเทศและสื่อสารยังตลาดต่างประเทศผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วโลก ขณะเดียวกันบริษัทยังวางทิศทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นด้านการค้นคว้าและวิจัยในห้องแล็บที่ทันสมัย และสร้างทีมวิจัยและพัฒนา (Research & Development) พัฒนานวัตกรรมรองรับการเติบโตสำหรับแบรนด์ในกลุ่มบริษัทและแบรนด์รับจ้างผลิตของลูกค้า โดยไม่จำกัดเฉพาะการผลิตเครื่องดื่มน้ำผลไม้ แต่ยังสามารถผลิตเครื่องดื่มประเภทอื่นได้อย่างหลากหลาย พร้อมด้วยโรงงานการผลิตทั้งหมด 3 แห่ง ซึ่งมีกระบวนการผลิตที่ทันสมัยในระบบปิดและได้มาตรฐานระดับโลก ส่งผลให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ “ปัจจุบันธุรกิจหลักของเรามุ่งเน้นการผลิตเครื่องดื่ม ทั้งการรับจ้างผลิตและภายใต้แบรนด์ของบริษัท ซึ่งทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยมีคู่ค้ามากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ซึ่งสินค้าหลักเป็นสินค้าแบรนด์ชบาที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เป็นสินค้าขายดีอันดับ 1 ในร้านสะดวกซื้อชั้นนำหลายแห่ง เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัท” กันต์ย้ำถึงความภูมิใจในแบรนด์ที่ได้รับความนิยมไม่เฉพาะประเทศไทย แต่ยังเคยติดอันดับเครื่องดื่มที่มียอดจำหน่ายสูงสุดประจำสัปดาห์ในร้านค้าสะดวกซื้อประเทศญี่ปุ่น และได้รับการโหวตให้เป็นน้ำผักและผลไม้อันดับ 1 จากรางวัล Best Food Award บนเว็บไซต์รีวิวสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศญี่ปุ่นถึง 2 ปีซ้อน นอกจากนี้ กุญแจสำคัญของความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ในมุมมองของคลื่นลูกใหม่ยังเกิดจากการให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจอย่างจริงใจต่อคู่ค้าและผู้บริโภค ด้วยการทำสินค้าที่มีคุณภาพ ดูแลลูกค้า ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์ที่ดีทั้งลูกค้าและคู่ค้า ซึ่งสอดคล้องกับหลักการบริหารที่ได้รับการถ่ายทอดจากบิดาที่ให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ ความจริงใจต่อพนักงาน คู่ค้า และผู้บริโภค เสมือนเป็นครอบครัว พร้อมความใส่ใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างความพึงพอใจให้ผู้บริโภค เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน “หลักการบริหารที่ได้รับการปลูกฝังหรือถ่ายทอดจากคุณพ่อคือ การให้ความสำคัญกับการบริหารคน โดยมีความซื่อสัตย์ ความจริงใจต่อพนักงาน คู่ค้า และผู้บริโภค เสมือนเป็นครอบครัว รวมทั้งใส่ใจในคุณภาพของสินค้าที่ออกสู่ตลาด เพราะเมื่อสินค้ามีคุณภาพและได้รับความพึงพอใจจากลูกค้าจะส่งผลให้ธุรกิจเกิดความยั่งยืน” ดังนั้น กันต์จึงให้ความสำคัญกับการนำความรู้ความสามารถของบุคลากรในบริษัทพัฒนาร่วมกันเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม โดยใช้เทคโนโลยีช่วยให้เกิดความรวดเร็วและความแม่นยำในการทำงาน รวมถึงพยายามลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็น และมุ่งเน้นความรวดเร็วในการตัดสินใจทั้งยังส่งเสริมให้ทีมงานได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ริเริ่มสิ่งใหม่หรือการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมรับพนักงานที่มีความรู้ความสามารถ และให้โอกาสในการตัดสินใจเพื่อให้ได้เรียนรู้และเติบโตพร้อมบริษัท “การเลือกคนที่จะเข้ามาร่วมงานก็สำคัญ เมื่อเราอยากให้องค์กรเติบโต เราจึงเลือกคนที่มีความทะเยอทะยานพร้อมเติบโตไปกับองค์กร การจัดการด้านบุคลากรเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เรามีแนวคิดว่า การทำงานไม่ควรต้องมีกฎเกณฑ์หรือรูปแบบการทำงานตายตัว เราควรให้อิสระและความยืดหยุ่นในการทำงานเพื่อส่งเสริมการคิดนอกกรอบหรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ การได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายคือสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม การปรับวัฒนธรรมองค์กรก็ยังต้องอาศัยการสร้างความเข้าใจและการยอมรับของคนส่วนมาก เพื่อให้องค์กรยังสามารถเป็นศูนย์รวมของคนทุกเจเนอเรชั่นได้” ขณะเดียวกันการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนยังต้องคำนึงถึงส่วนรวม โดยเฉพาะสังคมและสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากการทำกิจกรรมทางสังคมอย่างต่อเนื่อง บริษัทยังได้มีการกำหนดนโยบายการพัฒนาสินค้าและกระบวนการผลิตของโรงงานให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด รวมถึงนโยบายลดการใช้พลาสติก และใช้ทรัพยากรในสายการผลิตอย่างคุ้มค่า ทายาทธุรกิจวัย 28 ปีปิดท้ายถึงความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศจากยอดขายรวม 2.28 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 21.38 ล้านบาทในปี 2563 พร้อมขยายตลาดอาเซียน ด้วยการต่อยอดกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มให้หลากหลายครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค “เรายังไม่หยุดที่จะศึกษาเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน การปฏิบัติงานโดยเก็บเกี่ยวเรื่องราวต่างๆ การได้ออกตรวจตลาดที่เราขายสินค้า การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือเรียนรู้จากผู้รู้ ผู้มีประสบการณ์ และผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งถือเป็นทางลัดและเครื่องมือที่ช่วยเสริมการตัดสินใจทั้งการบริหารคนและองค์กร” ภาพ: บริษัท ชบาบางกอก จำกัดคลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนตุลาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine