สงครามของคนมีเส้นที่เปิดฉากช่วงชิงส่วนแบ่งพื้นที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคู่ครัวคนไทยนานกว่า 46 ปี พร้อมส่งไม้ต่อถึง ยศสรัล แต้มคงคา รุ่น 3 ร่วมนำทัพเลือกใช้อาวุธการตลาดมัดใจผู้บริโภคควบคู่สร้างการเติบโตตามความเปลี่ยนแปลงเพื่อสานต่อความยั่งยืนมากกว่าการเดินเกมรุกครองบัลลังก์ธุรกิจ
อาหารสามัญประจำครัวของคนไทยที่รู้จักกันดีและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 4 ทศวรรษจากเทรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของญี่ปุ่นและไต้หวันสู่ความพยายามสร้างการยอมรับในยุคเริ่มต้นที่ต้องใช้ความมุ่งมั่นก้าวผ่านความท้าทายจนเหลือยักษ์ใหญ่ทางธุรกิจไม่กี่รายที่ร่วมกันแชร์ส่วนแบ่งตลาดมูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาทในประเทศไทย “บริษัทเริ่มตั้งแต่รุ่นคุณปู่และเพื่อนประมาณ 6-7 คน ซึ่งแต่ละคนมีธุรกิจเป็นของตัวเองอยู่แล้ว แต่เห็นโอกาสจึงลงขันกันทำธุรกิจโดยหนึ่งในหุ้นส่วนเป็นชาวไต้หวัน เราจึงไปดูโรงงานที่ไต้หวันและนำ know-how มาเริ่มต้นที่นี่” ยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำานวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ทายาทรุ่น 3 ของแบรนด์ไวไวเล่า ถึงการบุกเบิกตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในปี 2515 ซึ่งมีความท้าทายทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้คุณภาพมาตรฐาน การทำการตลาดสร้างการยอมรับและขยายการจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกช่องทาง แม้จะเป็นหลานของชาญ แต้มคงคา ผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจ แต่ยศสรัลให้ความสำคัญกับการสั่งสมความรู้และประสบการณ์จากนอกองค์กร ด้วยความมุ่งมั่นสานต่อธุรกิจของครอบครัว “คุณพ่อให้อิสระ ไม่ได้บังคับ แต่เราอยากเข้ามาช่วยจึงเลือกเรียนการตลาดและ MBA รวมถึงตั้งใจเก็บประสบการณ์ให้มากก่อนมาที่นี่ ซึ่งเป็นองค์กรใหญ่” ยศสรัลย้ำถึงความมุ่งมั่นสานต่อธุรกิจที่เริ่มจากตำแหน่ง Management Trainee ในปี 2554 ขยับขึ้นเป็น Trade Marketing Manager และ Assistant Marketing Director จนกระทั่งนั่งเก้าอี้ Marketing Director เมื่อปี 2558 สำหรับกุญแจสำคัญที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับการยอมรับอยู่ที่การมุ่งเน้นคุณภาพและคุณค่าทางโภชนาการอาหารที่ถูกหลักอนามัย สะอาด และตรงตามมาตรฐานสากลรวมถึงการพัฒนารสชาติที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไว ควิกแสบ และซือดะ (ฮาลาล) เส้นหมี่อบแห้งไวไว เส้นหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไวและซือดะ (ฮาลาล) เส้นก๋วยเตี๋ยวอบแห้งไวไว และผงปรุงรสรสเด็ดทุ่ม 50 ล้านมัดใจคนไทย
โค้งสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ยศสรัลได้แสดงฝีไม้ลายมือของลูกไม้ใกล้ต้น ด้วยการสร้างกระแสให้แบรนด์ได้รับการกล่าวขานถึงในวงกว้างกับประโยค “ทำวันนี้ ทำไวไว” ที่มาพร้อมกลยุทธ์มิวสิกมาร์เก็ตติ้ง เพื่อให้เข้าถึงคนไทยได้ง่ายขึ้น ภายใต้คอนเซปท์ที่ย้ำาถึงทุกวินาทีของทุกคนมีคุณค่า อย่าปล่อยให้เวลาเสียเปล่าโดยการคิดแต่ไม่ลงมือทำ แต่ให้คิดอย่างสร้างสรรค์และลงมือทำอย่างตั้งใจโดยใช้งบประมาณ 50 ล้านบาท “เราไม่ได้หวังว่าจะเป็นเบอร์ 1 หรือ generic name เพราะเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยาก แต่เราต้องการให้เป็นแคมเปญที่คนได้ยินชื่อไวไวและนึกถึงแบรนด์ หรือนึกถึงบะหมี่นึกถึงไวไวเป็นวัตถุประสงค์หลัก และทำกิจกรรมเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงมือทำ ซึ่งเราใช้เวลาประมาณ 2 ปีกว่าจะได้แคมเปญที่สอดคล้องกับชื่อไวไวและสนับสนุนให้เกิดการลงมือทำในสังคมไทย” กลยุทธ์ในปีนี้ยศสรัลจึงให้น้ำหนักทั้งผลิตภัณฑ์หลักที่สามารถสร้างยอดขายให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ บะหมี่ กึ่งสำเร็จรูปและเส้นหมี่อบแห้ง โดยเฉพาะรสชาติที่แตกต่างจากคู่แข่ง เพื่อรักษาฐานผู้บริโภคและพัฒนารสชาติใหม่เพิ่มการเติบโตให้มากขึ้น รวมถึงการสร้างธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ เช่น ร้านอาหาร Quick Terrace จำหน่ายอาหารที่ใช้วัตถุดิบของบริษัท ได้แก่ บะหมี่ เส้นหมี่ปรุงอาหาร ซึ่งได้มีการชิมลางเปิดสาขาแรกเป็นโมเดลทดลองที่ด้านหน้าโรงงานในจังหวัดนครปฐม สำหรับแผนการขยายสาขาจะมุ่งเน้นยังพื้นที่สถานศึกษา แหล่งท่องเที่ยว และบริเวณที่มีประชากรหนาแน่น ด้วยขนาดพื้นที่วางไว้เฉลี่ย 30-70 เมตรหรือ 30-40 ที่นั่ง เพื่อต่อยอดธุรกิจเดิมและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัท รวมทั้งการเปิดร้านในลักษณะรถเคลื่อนที่หรือ quick truck จำหน่ายในสถานศึกษาและงานอีเวนต์ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริการและการบริหารทรัพยากรบุคคล ตลอดจนระบบการจัดการเฉพาะ ด้านแผนการขยายตลาดในอนาคตไม่จำกัดเฉพาะการเพิ่มผลิตภัณฑ์ในประเทศแต่ยังให้ความสนใจตลาดต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาเกิดขึ้นจากความสนใจติดต่อนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทจำหน่ายหรือเป็นตัวแทนจำหน่าย เนื่องจากโรงงานที่มีเพียง 2 แห่งเทียบกับคู่แข่งที่มีจำนวนมากกว่า รวมถึงตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศไทยที่เริ่มอิ่มตัว ทำให้บริษัทพิจารณาการสร้างทีมงานรุกตลาดต่างประเทศที่แข็งแกร่งและความเป็นไปได้ในการสร้างโรงงานหรือฐานการผลิตในต่างประเทศ เพื่อความสะดวกด้านโลจิสติกส์และต้นทุนการผลิตที่คุ้มค่า ยศสรัลกล่าวถึงความจำเป็นในการพัฒนาธุรกิจและกลยุทธ์ทางการตลาด ภายใต้เป้าหมายการสานต่อธุรกิจเดิมให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ ด้วยตัวเลขรายได้เติบโตเฉลี่ย 5% ทุกปีจาก 6.5 พันล้านบาทและกำไรสุทธิ249.6 ล้านบาทในปี 2560 ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของครอบครัวที่พยายามเพิ่มยอดขายและกำไรสุทธิในอัตราต่อเนื่องสม่ำเสมอนับตั้งแต่แรกก่อตั้ง ขณะที่ความท้าทายนับตั้งแต่เริ่มต้นช่วยธุรกิจของครอบครัวอยู่ที่การประสานงานกลุ่มคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ในองค์กรที่มีจำนวนมากกว่า 4,000 คน ซึ่งแต่ละส่วนงานต่างมีมุมมองความคิดและลักษณะการทำงานที่แตกต่างกัน ซึ่งยศสรัลให้ความสำคัญกับการรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย โดยเฉพาะบุคลากรในองค์กรที่มีประสบการณ์ทำงานกับบริษัทเป็นระยะเวลานาน ด้วยหลักการและคำสอนที่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นยศสรัลปิดท้ายถึงหลักสำคัญหรือหัวใจของธุรกิจที่ได้รับถ่ายทอดจากบิดาและปู่เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน “แต่ละคนมีความต่างกันต้องรู้เขา รู้เรา ต้องพูดคุยกัน ความขัดแย้งสามารถเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติ เก่งอย่างไรก็ทำงานไม่สำเร็จ ถ้าไม่มีทีมที่ดี ดังนั้นเราต้องสร้างทีมและสามารถทำงานทั้งสถานะหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน จนถึงลูกน้องได้ดีโดยต้องมีการสื่อสารและมีความเข้าใจกันส่วนการทำธุรกิจภายนอก เราต้องซื่อสัตย์กับลูกค้าและส่งมอบคุณภาพที่ดีที่สุดเป็นนโยบายหลัก ถ้าสินค้ามีปัญหา เราพร้อมรับคืนหมด 100%”คลิกอ่านฉบับเต็ม "ยศสรัล แต้มคงคา นำทัพปลุกกระแสไวไว" ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand Magazine ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ในรูปแบบ e-Magazine