รศ.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ นำ SNPS สกัดสมุนไพรไทย เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ - Forbes Thailand

รศ.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ นำ SNPS สกัดสมุนไพรไทย เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ

นักวิชาการผู้คลุกคลีกับกิจการสมุนไพรของครอบครัวตั้งแต่วัยเยาว์ และนำความรู้จากภูมิปัญญาดั้งเดิมมาศึกษาวิจัยอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ด้วยเป้าหมายที่จะสร้างสารสกัดจากสมุนไพรไทยเทียบชั้นมาตรฐานสากล ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ สร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกร


    ความคิดที่จะทำสารสกัดจากสมุนไพรไทยเกิดขึ้นระหว่างทำงานเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย เพื่อขอตำแหน่งทางวิชาการทำให้ต้องทำงานวิจัยอยู่เป็นระยะ รวมทั้งมีโอกาสไปศึกษาดูงานบริษัทเอกชนที่ต่างประเทศและเห็นว่ามีความก้าวหน้ามาก ทั้งยังสามารถสร้างรายได้จากงานนี้ได้

    “คิดว่าทำไมประเทศไทยซื้อสารสกัดจากต่างประเทศ ไม่ทำเอง จนถึงทุกวันนี้ไม่มีใครอยากทำเอง เราก็ร้อนวิชา ตั้งโรงงานเอง...บริษัทเราไม่ใหญ่ ลึกๆ เป็นนักวิจัย starter มีใจอยากทำ เชื่อมั่น เรามีความรู้สึกว่าเราเป็นนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ ทำไมประเทศไทยต้องพึ่งคนอื่นตลอดเวลา ทำไมต้องนำเข้า” รศ.ภญ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNPS เล่าถึงแรงบันดาลใจในการตั้งบริษัท

    พรรณวิภาเป็นคนเชียงใหม่ ครอบครัวทำธุรกิจการเกษตรปลูกพืชสมุนไพรและใบชา ซึ่งเธอบอกว่า น่าจะเป็นแหล่งปลูกชาที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือและนำมาขายส่งที่เยาวราช

    คนงานเรียกบิดามารดาของเธอว่า “พ่อเลี้ยง-แม่เลี้ยง” เมื่อทั้งคู่ขับรถลงพื้นที่พบเกษตรกรหรือเก็บสมุนไพรมาแปรรูปก็ติดตามไปด้วย และคิดว่าจะไม่สานต่อธุรกิจนี้เพราะต้องดูแลลูกทีมจำนวนไม่น้อย ผลตอบแทนก็ไม่มากนัก

    “เราได้เห็นการเก็บเกี่ยวมาตั้งแต่เด็กๆ พอโตมาเลือกเรียนเภสัชฯ เรียนทั้งยาสมุนไพร และแผนปัจจุบัน ก็คิดว่าทำไมคนต้องกินสมุนไพรตัวนั้นตัวนี้ ทำไมตำรับโบราณใช้แบบนี้ ความที่เรียนคู่กันทำให้เราพิสูจน์ได้ว่าสูตรโบราณใช้ตัวนี้ปริมาณเท่านี้จึงรักษาโรคได้ พอเรียนจบได้เป็นอาจารย์ทำงานวิจัยยิ่งสนใจมากขึ้น และคิดว่าน่าจะนำมาพัฒนาใช้งานให้เหมาะสมจึงมีความคิดว่า ภูมิปัญญาไทย สมุนไพรไทย ต้องพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ สมุนไพรตัวนี้ให้สรรพคุณแบบนี้ มีสารอะไร ทำอย่างไรจะดึงออกมาให้เกิดประโยชน์สูงสุด สามารถใช้ต่อเนื่องกัน”


    “การเป็นนักวิจัยมีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้กับนักวิจัยทั่วโลก เห็นว่าเขาทำงานคล้ายกันกับเราเพียงแต่ต่างสถานที่กัน ประเทศไทยอยู่เส้นศูนย์สูตร มีความหลาก-หลายทางสมุนไพรมากกว่าประเทศเขตหนาว ช่วงที่เป็นอาจารย์ 15 ปีและเป็นผู้บริหาร 8 ปีก็ศึกษาด้านวิชาการจนมีความเชื่อมั่นว่าสมุนไพรตัวนี้ดี ทำไมไม่มีใครนำมาศึกษาจริงจังใช้ให้เกิดประโยชน์...ถามว่าทำไมใจกล้า เราอาจเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เราทำงานวิจัย มีโอกาสเลือกสรรวิทยาศาสตร์ ทดสอบ ดึง สร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมา เรามีงานวิจัยตลอดเวลาทำให้มั่นใจมากขึ้นจึงตั้งบริษัท”

ขยายธุรกิจตอบโจทย์ลูกค้า

    กว่าจะนำพาบริษัทมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ช่วงแรกก่อตั้งบริษัทเมื่อ 25 ปีก่อนคนไทยไม่ยอมรับ ไม่นิยมใช้ของไทย สารสกัดที่ใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ต่างๆ นำเข้าจากต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐฯ เพราะเห็นข้อจำกัดนี้พรรณวิภาจึงเริ่มจากการทำตลาดต่างประเทศ

    “ญี่ปุ่นเริ่มใช้ก่อน ซื้อ (สารสกัด) ของเราในราคา 2,000 บาทและตบแต่งเพิ่มเติมกลับมาขายเป็นหมื่น...ตอนนั้นมี 2 ตัวที่ดังๆ คือ คอลลาเจนกับกวาวเครือขาวๆ เป็นพืชอยู่เชียงใหม่ คนโบราณขุดหัวขึ้นมาคล้ายๆ มันแกว นำไปต้มกับน้ำแล้วดื่ม ผู้หญิงทางเหนือผิวสวยมาก มีพงศาวดาร มีงานวิจัย สุดท้ายพบว่า กวาวเครือมีเอสโตรเจนจากพืช ไม่อันตราย ตัวนี้ทำให้เราขายดี

    “พอทำถึงจุดหนึ่งบางทีส่งสารสกัดให้ลูกค้าๆ บอกไม่มีเวลาทดลอง ขายไม่ได้ เราต้องทำห้องแล็บ พัฒนาสูตรพร้อมใช้เขาก็เริ่มซื้อ สารตัวนี้ใส่เท่านี้เปอร์เซ็นต์จะเป็นแบบนี้ พอเขาทดสอบชอบก็ซื้อเลย ขอสูตรเราก็ให้ บางรายบอกไม่มี channel ผลิตๆ ให้หน่อยได้ไหม เราเลยตั้งบริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น คิดสูตร ผลิตให้...พอแบบนี้ทำให้ขายดีขึ้น”



    ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากในประเทศและต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 90/10 และผู้บริหารตั้งเป้าหมายว่า ในอนาคตจะทำให้สัดส่วนนี้สลับกัน

    โดยปี 2564 มีรายได้จากการขายที่เกี่ยวข้องกับโควิด 310.52 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 43.37% จากรายได้รวม 715.97 ล้านบาท กำไรสุทธิ 166.99 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าซึ่งมีรายได้รวม 487.60 ล้านบาท กำไรสุทธิ 109.86 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีสารสกัดสำหรับเครื่อง-สำอางและเวชสำอาง 162 รายการ สำหรับอาหารและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 108 รายการและสารสกัดสำหรับยา 104 รายการ โดยปี 2566 มีรายได้ 368.09 ล้านบาท

    ปลายปี 2567 เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเมื่อผู้ก่อตั้งนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้นำไปใช้เพื่อ 1. ลงทุนในเครื่องจักรใหม่ เพิ่มเทคโนโลยีในการสกัดให้ได้สารสกัดสมุนไพรที่มีความบริสุทธิ์มากขึ้น และ 2. วิจัย พัฒนา และผลิตวัตถุดิบสมุนไพรสำหรับยาพัฒนาจากสมุนไพร

    “สิ่งที่เราทำได้และอยากทำให้ดีกว่าคนรุ่นก่อนคือ เอาวิทยาศาสตร์มาตอบโจทย์ value added สินค้าเกษตร...อยากให้ประเทศไทยมีองค์ความรู้ด้านสมุนไพรในแง่การนำมาต่อยอด” พรรณวิภากล่าวในตอนท้าย



ภาพ: วรัชญ์ แพทยานันท์ และ SNPS



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 'ศจิกา ทองสุข' ผสานความงามและธุรกิจด้วย BFF

อ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2567 ในรูปแบบ e-magazine