"จักรพันธ์ ลีอธิวัฒน์" พา Tourkrub คว้าโอกาสสตาร์ทอัพจาก "ดิสรัปชั่น" - Forbes Thailand

"จักรพันธ์ ลีอธิวัฒน์" พา Tourkrub คว้าโอกาสสตาร์ทอัพจาก "ดิสรัปชั่น"

การระบาดของไวรัสโคโรน่า หรือ COVID-19 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการท่องเที่ยวทั่วโลก คนในอุตสาหกรรมคาดหวังว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในช่วงสั้น เช่นเดียวกับ Tourkrub แพลตฟอร์มทัวร์ออนไลน์ ที่เกิดและเติบโตอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล ดิสรัปชั่น ซึ่งเชื่อมั่นว่า การท่องเที่ยวจะกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย

สถานการณ์การท่องเที่ยวเอาต์บาวด์ของไทยในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยที่ 8.8% ต่อปี จากปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลาง การแข็งค่าของค่าเงินบาท การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และการเติบโตของโซเชียลมีเดียในกลุ่มผู้สูงอายุ ส่งผลให้การใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งการท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นทางเลือกหนึ่งของคนกลุ่มนี้

ในปี 2562 ที่ผ่านมา ข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ระบุว่า ผู้โดยสารขาออกที่ใช้หนังสือเดินทางมีจำนวนสูงถึง 13 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยนักท่องเที่ยวขาออกที่ใช้บริการกรุ๊ปทัวร์มีสัดส่วนประมาณ 25% และมีอัตราเติบโตเฉลี่ยราว 10.2% ต่อปี และนี่คือโอกาสทางธุรกิจของ Tourkrub

จักรพันธ์ ลีอธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง Tourkrub แพลตฟอร์มทัวร์ออนไลน์ ซึ่งได้รับการยกให้เป็นสตาร์ทอัพกลุ่ม TravelTech ที่กำลังมาแรงหลังจากผ่านการระดมทุนรอบ Series A ที่มีบิ๊กเนมอย่างคิง เพาเวอร์, 500 TukTuks และเถ้าแก่น้อย ร่วมลงทุน พร้อมกับแผนการใหญ่ในการสยายปีกสู่การเป็น Hub of Outbound Tour ของ CLMV แม้สถานการณ์ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังอยู่ในช่วงเปราะบาง แต่จักรพันธ์ยืนยันที่จะก้าวไปสู่เป้าหมายให้ได้ภายในปีนี้

“สิ่งที่ทำให้ผมเชื่อมั่น เพราะผมไม่เคยหยุดคิดที่จะพัฒนาธุรกิจ ไม่หยุดที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่จะเข้ามาช่วยสร้างประสบการณ์และความพึงพอใจให้ลูกค้าในการเดินทางท่องเที่ยว เชื่อว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลายจะทำให้เรากลับมาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว” จักรพันธ์กล่าวอย่างเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

จักรพันธ์ ลีอธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง Tourkrub

ทว่า กว่า Tourkrub จะมาถึงวันนี้ จักรพันธ์ก็เหมือนกับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพทั่วไป ที่ประสบกับความล้มเหลวมาก่อน แต่เมื่อเขาเลือกเดินในเส้นทางใหม่ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเข้ามามีผลกระทบในทุกอุตสาหกรรม สิ่งหนึ่งที่เขายังไม่หยุดเลยจนถึงวันนี้ คือการเรียนรู้ เพราะสิ่งที่เคยเรียนรู้มาในอดีตอาจจะไม่สามารถนำมาใช้ได้ต่อในยุคดิจิทัล ดิสรัปชั่น

 

ก้าวสู่ดิจิทัล ดิสรัปชั่น

ย้อนกลับไปเมื่อ 6-7 ปีก่อน หลังจากศึกษาจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอุตสาหการ ภาคภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จักรพันธ์เข้าทำงานในสาขาที่ศึกษามากับบริษัทมิชลิน แต่เมื่อทำไปสักระยะหนึ่ง เขารู้สึกไม่ชอบงานที่ทำ จึงเปลี่ยนสายงานไปด้านการเงิน ด้วยการสอบใบอนุญาตและขายกองทุนกับบริษัทเอไอเอ ระหว่างนั้นด้วยความชอบอ่านหนังสือ เพื่อค้นหาเส้นทางชีวิตที่จะตอบโจทย์ตัวเอง เขาได้ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งที่จุดประกายเส้นทางชีวิตแบบใหม่ ซึ่งหนังสือเล่มนั้นเขียนเกี่ยวกับเรื่องดิจิทัล ดิสรัปชั่น

“ตอนนั้นผมได้ไอเดียหลายอย่าง พอเกิดดิจิทัล ดิสรัปชั่นแล้ว มันจะเกิดโอกาสทางธุรกิจอะไรได้บ้าง ผมก็ศึกษาเรียนรู้ ค้นหา คิดทำโมบายแอป แต่ในเมืองไทยหาคนที่มีความรู้ด้านนี้ยากมาก ผมจึงไปใช้เอาท์ซอร์สจากอินเดีย แต่โปรเจกต์นั้นไม่ประสบความสำเร็จ เพราะไม่สามารถแก้ pain point ต่างๆ ได้อย่างที่คิดไว้”

แม้โปรเจกต์แรกจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่จักรพันธ์สามารถแปรเปลี่ยนความล้มเหลวให้กลายเป็นใบเบิกทางเริ่มต้นธุรกิจใหม่ได้จากการค้นพบปัญหา “การขาด Talent ด้านดิจิทัลอย่างมาก” ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลของไทย นั่นจึงทำให้เขาตัดสินใจไปเข้าคอร์สหลักสูตรเร่งรัดเพื่อเรียนรู้เรื่องดิจิทัลด้วยตัวเอง เริ่มตั้งแต่การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ การพัฒนาซอฟท์แวร์ต่างๆ เพื่อเริ่มพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ด้วยความมั่นใจมากขึ้น กับ Tourdoc.net

สำหรับ Tourdoc.net ได้รับการพัฒนาขึ้นในปี 2558 จากแนวโน้มการขยายตัวของการเดินทางท่องเที่ยวของคนทุกเพศ ทุกวัย ทั้งกลุ่มครอบครัว กลุ่มผู้สูงอายุ ที่รวมกลุ่มกันไปเที่ยว เนื่องจากมีเงินและมีเวลา บวกกับประสบการณ์ส่วนตัวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว แต่มักจะประสบปัญหาการเลือกแพ็กเกจทัวร์จำนวนมาก และกระจัดกระจาย โดย Tourdoc.net จะเป็นเว็บไดเร็กทอรีรวบรวมแพ็กเกจทัวร์ของบริษัทต่างๆ มาย่อยข้อมูลให้ดูง่าย และเกิดเป็นรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ที่มีรายได้จากสมาชิก ซึ่งเป็นบริษัททัวร์ และมีรายได้จากโฆษณา

การระดมทุนที่ผ่านมาของ Tourkrub

จุดเปลี่ยนสำคัญของ Tourdoc.net ได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากจักรพันธ์มีโอกาสเข้าคอร์สอบรมการเป็นผู้ประกอบการสตาร์ทอัพกับกองทุน 500 TukTuks ซึ่งสอนเรื่องการขยายธุรกิจ ด้านการตลาด และการระดมทุนเพื่อสร้างธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับในช่วงที่ทำ Tourdoc.net ได้รับฟังความต้องการของลูกค้ากลุ่มบริษัททัวร์ ที่ต้องการบริการด้านการขายและทำการตลาด ส่งผลให้เขาเล็งเห็นถึงจังหวะและช่องว่างในการพัฒนาธุรกิจ Tourkrub.com

“จะเห็นได้ว่าการท่องเที่ยวโดยเฉพาะต่างประเทศของคนไทยได้กลายเป็นค่านิยมและวัฒนธรรมใหม่ของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเริ่มทำงาน หรือ First Jobber (25-30 ปี) กลุ่มครอบครัว (30-50 ปี) และกลุ่มผู้สูงอายุ แต่การค้นหาแพ็กเกจทัวร์นั้นมีความยุ่งยาก ทำให้ Tourkrub เล็งเห็นถึงบทบาทในการใช้เทคโนโลยีเพื่อให้การค้นหาทัวร์สะดวกรวดเร็วมากขึ้น สร้างความมั่นใจในคุณภาพและบริการ ตลอดจนความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการนำเที่ยวที่อยู่บนแพลตฟอร์มของ Tourkrub” จักรพันธ์กล่าวถึงโอกาสทางธุรกิจของ Tourkrub

 

ภายใน 3 ปี เติบโต 700%

ความสำเร็จของ Tourkrub สะท้อนชัดจากการเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งสอดคล้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว Outbound ที่ขยายตัวปีละ 8% ในขณะที่ผู้ให้บริการทัวร์ออนไลน์ในตลาดยังมีจำนวนไม่มาก และไม่มีใครเป็นเจ้าตลาดที่ชัดเจน จักรพันธ์จึงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยการเลือกแพ็กเกจทัวร์คุณภาพ และเน้นความหลากหลาย โดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการคัดสรรสินค้าจากจำนวนแพ็กเกจทัวร์ 1,000 รายการในช่วงเริ่มต้น เพิ่มจำนวนไม่ต่ำกว่า 10,000 แพ็กเกจในปัจจุบัน

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ Tourkrub สามารถพัฒนาสินค้าและบริการได้หลากหลาย เนื่องจากประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ทรานส์ฟอร์ม โดยทั้งภาครัฐและเอกชนต่างให้ความสนใจในการพัฒนา eco systems ที่เอื้อต่อการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแรงได้ เช่น กรณีของ Tourkrub ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศจากเวที Dtac Accelerate Batch 5 ในปี 2560 โดยเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้บริษัทได้เพิ่มทักษะ และเรียนรู้เพิ่มเติมทั้งด้านธุรกิจ การตลาด การวางกลยุทธ์ การระดมทุน ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ

“สิ่งที่เราต้องการนำเสนอ เป็น Key Matrix ที่สำคัญ คือเราต้องการเป็นธุรกิจออนไลน์ที่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ด้วยการเป็นธุรกิจที่ healthy ด้วยการมีสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ไม่เบิร์นเงินของนักลงทุน” จักรพันธ์กล่าว

นอกจากนั้น จักรพันธ์ เล่าว่า สิ่งสำคัญที่จะทำให้บริษัทพัฒนาและเติบโตอย่างมีคุณภาพได้นั้น ด้วยการให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า ทั้งก่อนการเดินทาง ระหว่างการเดินทาง และกลับจากเดินทาง ในส่วนขั้นตอนก่อนการเดินทาง Tourkrub จะคัดเลือกสินค้าที่หลากหลายให้ลูกค้าสามารถเลือกเปรียบเทียบได้อย่างชัดเจน ทั้งในด้านราคา โปรแกรม ไฮไลต์ต่างๆ ขั้นตอนระหว่างการเดินทาง มีแอปพลิเคชันให้ลูกค้ารับทราบขั้นตอนต่างๆ รวมทั้งอัพเดทข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และเมื่อกลับจากการเดินทางแล้ว ยังมีระบบประเมินผล การให้เรตติ้งหรือคะแนน ทำให้เกิดการรีวิวในกลุ่มลูกค้า ซึ่งถือเป็นการส่งต่อประสบการณ์ที่ดีต่อไป

ด้วยกลยุทธ์และการดำเนินงานดังกล่าวส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 700% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และในปีนี้บริษัทพร้อมเปิดรับการระดมทุนในระดับ Series B อีกครั้ง เพื่อการขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประเทศไทยได้เปรียบในแง่ของการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค และเป็นโอกาสของ Tourkrub ในการขยายแพลตฟอร์มของธุรกิจครอบคลุมทั้งภูมิภาค โดยจะเริ่มจากเวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกำลังเติบโต

 

การเรียนรู้ตลอดชีวิตหยุดไม่ได้

คีย์สำคัญของความสำเร็จในมุมมองของจักรพันธ์เกิดจากการไม่หยุดเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะในโลกของดิจิทัลที่ความรู้ต่างๆ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นแทบทุกวัน รวมถึงการเรียนรู้ความต้องการของลูกค้า การพัฒนาสินค้าและสร้างประสบการณ์ใหม่ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน

“นับตั้งแต่เริ่มพัฒนาธุรกิจตั้งแต่ปี 2558 ทุกวันนี้ยังไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้เลย” จักรพันธ์กล่าวพร้อมกับหัวเราะให้กับชีวิตที่เขาเลือกแล้วว่าจะต้องถูกดิสรัปอยู่ตลอดเวลา และถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาทีมงานที่ต้องมีการควบคุมตนเอง (Self-control) เพื่อที่จะเรียนรู้ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายสูงสุดของจักรพันธ์ในวันนี้ไม่ได้หยุดแค่การทำธุรกิจของตัวเองเท่านั้น แต่เขายังต้องการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้มีคุณภาพ ด้วยการนำความสำเร็จจากการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้ามาพัฒนามาตรฐานการบริการให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ไม่ใช่แค่มุ่งแข่งขันด้านราคา เพราะท้ายที่สุดจะไม่มีใครได้ประโยชน์ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ได้เลือกซื้อทัวร์เฉพาะปัจจัยราคาเท่านั้น แต่ยังให้ความสนใจพิจารณาเลือกซื้อจากหลายปัจจัยประกอบกัน

“สิ่งที่น่ากลัวกว่า คือยังไม่มีใครวิเคราะห์ความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคว่าต้องการอะไรกันแน่ ธุรกิจทัวร์ Outbound ปีละ 1 ล้านที่นั่ง แต่สินค้ากลับไม่มีวาไรตี้ เพราะฉะนั้นเป้าหมายของเราคือยังต้องเรียนรู้เพื่อหาคำตอบให้กับความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคให้ได้” จักรพันธ์กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ ในปี 2562 ที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการผ่าน Tourkrub ราว 40,000 คน เติบโต 53% เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีผู้ใช้บริการราว 27,000 คน และมีบิลลิ่งจากการใช้บริการราว 1 พันล้านบาทในปี 2562 หรือเติบโต 33% เมื่อเทียบกับปี 2561 โดยในปี 2563 นี้ Tourkrub คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการราว 100,000 ราย เพิ่มขึ้น 250% พร้อมคาดว่า จะมียอดบิลลิ่งเติบโตคิดเป็นมูลค่า 2.5 พันล้านบาท

    ภาพ: ประกฤษณ์ จันทวงศ์
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine