กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการพร้อมยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานระดับโลกครอบคลุมยุทธศาสตร์การลงทุน งานสมาชิก และบริหารองค์กร ภายใต้การนำของเลขาธิการ กบข. คนใหม่ด้วยความมุ่งมั่นสร้างสรรค์โครงการและผลงานความสำเร็จตลอดทศวรรษสู่การกุมบังเหียนพอร์ตข้าราชการทั่วประเทศ 1 ล้านล้านบาท
การผสมผสานบทบาทความรับผิดชอบที่หลากหลายบนเส้นทางการทำงานทั้งนักการตลาด นักสื่อสาร นักวางแผนกลยุทธ์ นักบริหาร และอาจารย์ถ่ายทอดความรู้ ซึ่งมีจุดเริ่มจากความหลงใหลในการท่องโลกผ่านตัวอักษรในหนังสือ ด้วยความพยายามทำลายกำแพงภาษาที่เป็นข้อจำกัดในการอ่าน พร้อมสร้างบันไดขั้นแรกของการเรียนรู้และเปิดประตูสู่ความเข้าใจในศาสตร์อื่นๆ ได้อย่างต่อเนื่อง
“สาเหตุที่เรียนหลายภาษาทั้งภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน ญี่ปุ่น เพราะชอบอ่านหนังสือและแต่ละภาษาก็มีความสวยงามน่าสนใจ ซึ่งการเรียนภาษาทำให้เกิดผลสืบเนื่องกลายเป็นเครื่องมือให้สามารถศึกษาอย่างอื่นเพิ่มเติม และทักษะภาษายังเป็นอาวุธช่วยให้อ่านหนังสือได้หลากหลาย ทำให้ได้เปรียบในการเรียนรู้และทำความเข้าใจเรื่องต่างๆ ได้ง่ายขึ้น”
ดร. ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการ คณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการหรือ
กบข. กล่าวถึงความสนใจทางภาษา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นก้าวแรกในการศึกษาปริญญาตรี อักษรศาสตร์ (ภาษาอังกฤษ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อศึกษาภาษาญี่ปุ่นที่ The University of Tokyo และศึกษาต่อปริญญาโทด้าน Mass Communication จาก Leicester University อังกฤษ พร้อมทั้งปริญญาโท บริหารธุรกิจ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาเอก บริหารธุรกิจสถาบันการศึกษานานาชาติ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ขณะเดียวกัน ดร. ศรีกัญญายังได้สั่งสมความรู้ด้านการเงิน การลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ การจดทะเบียนบริษัท การควบรวมกิจการ การซื้อกิจการ และการลงทุนจากการเป็นผู้นำบริษัท ชูโอ เซ็นโก (ประเทศไทย) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย โดยได้รับมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบบริษัทตั้งแต่ก่อนและหลังจดทะเบียนในตลาดทุน ซึ่งต้องมีความเข้าใจในกระบวนการและขั้นตอนการเตรียมบริษัทเพื่อยื่นจดทะเบียน
หนึ่งในผลงานสำคัญที่สะท้อนชัดถึงความสามารถในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับ กบข. ได้แก่ การพัฒนาเครื่องมือสร้างความรู้และความเข้าใจผลตอบแทนการลงทุนผ่านโปรแกรมต่างๆ เช่น โปรแกรมประมาณการความพอเพียงเงินเกษียณการออมเงินเพิ่ม การวางแผนทางเลือกการลงทุน เกมลงทุน (simulation) รวมทั้งการจัดทำวารสารออนไลน์และ
แอปพลิเคชัน My GPF ซึ่งสามารถใช้บริการตรวจสอบความเคลื่อนไหวในบัญชี เช่น ยอดเงินสะสม ผลตอบแทนการลงทุน โปรแกรมคำนวณและสิทธิพิเศษส่วนลดต่างๆ
กว่า 10 ปีในการสร้างความเปลี่ยนแปลงและแสดงฝีมือพิสูจน์ความสามารถผ่านการลงมือทำงานจริงทั้งด้านสมาชิก ด้านวางแผนกลยุทธ์ การบริหารการลงทุนและภาพรวมขององค์กร
ดร. ศรีกัญญาถือเป็นลูกหม้อของ กบข. คนแรกที่นั่งเก้าอี้เลขาธิการ ซึ่งรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2563 ด้วยแผนยุทธศาสตร์ 3 ด้าน ได้แก่ การลงทุน งานสมาชิก และบริหารองค์กร เพื่อยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานให้โดดเด่นและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติ ภายใต้วิสัยทัศน์ “กองทุนบำนาญไทย มาตรฐานกองทุนบำนาญโลก”
“เมื่อเป็นลูกหม้อก็ไม่ต้อง brief กันใหม่เพราะเข้าใจเนื้องานอยู่แล้ว ทุกคนคาดหวังตั้งแต่วันแรกว่าต้องเริ่มนับหนึ่ง ทำงานได้ทันที และต้องดีกว่าเดิมเท่านั้น เหมือน take off ตั้งแต่วันแรก ทั้งงานเดิมที่ต้องเชื่อมต่อให้ดีขึ้นความผูกพันพนักงานต้องเพิ่มขึ้น สมาชิกต้องมีส่วนร่วมมากขึ้น ซึ่งการเป็นเลขา กบข. เป็นความตั้งใจมานานแล้ว และแผนกลยุทธ์ 9 แผนใช้เวลาคิดมานานจนไอเดียนิ่งจากการที่เห็นมาหมดทั้งพนักงาน สมาชิก และการลงทุน”
สำหรับแผนยุทธศาสตร์ด้านงานลงทุนมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนยั่งยืนระยะยาวสำหรับสมาชิก กบข. จำนวนประมาณ 1.1 ล้านคน และมูลค่าสินทรัพย์สุทธิประมาณ 1 ล้านบาท
(ข้อมูล ณ 30 กันยายน 2563) ด้วยการทบทวนแผนจัดสรรสัดส่วนสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ในระยะยาว เพื่อกำหนดแนวทางสร้างผลตอบแทนยั่งยืนให้สมาชิกและพัฒนาแผนทางเลือกการลงทุนให้สมาชิก เช่น แผนทองคำ แผนตราสารทุนต่างประเทศเป็นต้น
ดร. ศรีกัญญากล่าวถึงการเดินหน้าสานต่อเจตนารมณ์การสร้างผลตอบแทนควบคู่การสร้างความยั่งยืนของสังคมนับตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก PRI และจัดทำ ESG-Integrated Due Diligence รวมถึงความร่วมมือล่าสุดกับธนาคารโลกในการจัดทำรายงาน “วิธีการประเมินน้ำหนักและคะแนนมูลค่าสินทรัพย์ลงทุนของ กบข. ตามหลักที่คำนึงด้านสิ่งแวดล้อมสังคม และธรรมาภิบาล” (ESG Weight and Score: Asset Valuation Methodology©) คัดเลือกหลักทรัพย์ลงทุน 3 ขั้นตอน
ได้แก่ กระบวนการก่อนการประเมินสินทรัพย์ กระบวนการคำนวณน้ำหนัก ESG และกระบวนการคำนวณคะแนน ESG ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงมูลค่าทางการเงินของสินทรัพย์ลงทุน และมูลค่าที่เกี่ยวข้องกับ ESG ได้อย่างเป็นรูปธรรมผ่านการบูรณาการข้อมูลจาก MSCI ESG Database และปรับน้ำหนักตามเกณฑ์จากข้อมูลวิเคราะห์ภายในของ กบข. ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการลงทุนของไทยมากขึ้น
ด้านแผนยุทธศาสตร์งานสมาชิกมุ่งเน้นการเพิ่มค่าเงินออมให้กับสมาชิก และความรู้สึกผูกพันกับ กบข. โดยการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นฟินเทคโปรแกรมประมาณการ (simulation program) โครงการคู่แฝดดิจิทัล หรือ Digital Twin เพื่อให้สมาชิกมีความเข้าใจด้านการลงทุนและสามารถตัดสินใจเลือกแผนลงทุนหรือออมเงินได้เพียงพอสอดคล้องกับเป้าหมายการเกษียณอายุ
นอกจากนั้น ดร. ศรีกัญญายังวางแผนเดินหน้าผลักดันแก้ไขร่าง พ.ร.บ. กบข. ให้มีผลบังคับใช้ โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้สมาชิกสามารถออมเงินเพิ่มได้สูงสุดถึง 30% ของอัตราเงินเดือน รวมทั้งการแก้ไขให้สมาชิกใหม่เริ่มต้นการลงทุนในแผนสมดุลตามอายุแทนแผนสำรับที่เป็นแผนหลักในปัจจุบัน เพื่อจัดระดับความเสี่ยงการลงทุนให้เหมาะสมกับอายุ โดยสมาชิกอายุต่ำกว่า 45 ปีจะลงทุนหุ้นในสัดส่วนไม่เกิน 65% และปรับลดการลงทุน ในหุ้นลงตามอายุที่เพิ่มขึ้นจนใกล้เกษียณอายุ 59 ปีเหลือหุ้น 10% และเพิ่มสินทรัพย์มั่นคงหรือความเสี่ยงต่ำ
“บางช่วงตลาดหุ้นไม่ดี การเปลี่ยนแผนตราสารหนี้อาจจะมั่นคงกว่า แต่ถ้าไม่รู้เขาจะอยู่แต่แผนหลัก เพราะกฎหมายไม่ได้บังคับให้ กบข. เปลี่ยน สมาชิกต้องเปลี่ยนเองและการออม 3% ถ้าสมาชิกลองเพิ่มอีก 1% กบข. บริหารแบบดอกทบต้น ทำให้ยอดเงินทวีค่าไปเรื่อยๆ ซึ่งเราต้องการกระตุ้นให้สมาชิกเกิดการออม และเลือกแผนการลงทุนที่เหมาะสมตามหลักสร้างความมั่งคั่งตอนเกษียณ 3 หลักที่เราเชื่อคือ การออมเพิ่มให้มาก การออมให้เร็ว ซึ่งสร้างมูลค่าดีกว่าการออมตอนท้ายจำนวนมาก และแผนการลงทุนที่ถูกต้อง โดยเราต้องมีการสื่อสารกับสมาชิกให้เข้าใจ”
ดร. ศรีกัญญาย้ำถึงความสำคัญในการบริหารสร้างความเข้าใจและความคาดหวังของสมาชิก ด้วยการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในทุกช่องทาง โดยเริ่มตั้งแต่ภายในองค์กรที่ต้องทำงานประสานระหว่างทีมการลงทุนและทีมสื่อสารให้มีความรู้และเข้าใจเชิงลึกร่วมกัน เพื่อตอบข้อซักถามของสมาชิกได้อย่างมั่นใจ รวมทั้งพัฒนาช่องทางการสื่อสารที่สามารถเข้าถึงสมาชิกได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย คลิปวิดีโอ GPF Talk และพอดแคสต์พร้อมต่อยอดแอปพลิเคชัน My GPF ซึ่งมียอดสมาชิกใช้งานสม่ำเสมอจำนวนกว่า 400,000 คน ให้มีส่วนร่วมใช้บริการมากขึ้น
ส่วนแผนยุทธศาสตร์งานบริหารองค์กรมุ่งเน้นไปยังพนักงานให้มีความผูกพันกับองค์กร และทุ่มเทเพื่อสมาชิก พร้อมผลักดัน กบข. ให้เป็นผู้นำด้านการลงทุนอย่างรับผิดชอบในระดับโลก โดยเป็นกองทุนบำนาญต้นแบบที่สามารถให้ความช่วยเหลือเชิงเทคนิคกับกองทุนบำนาญอื่นในประเทศและต่างประเทศได้
“แผนยุทธศาสตร์ 3 ด้านมีเป้าหมายเดียวกันในการสร้างผลตอบแทนยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งไม่เฉพาะผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินจากการลงทุนอย่างเดียว แต่ต้องสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับโลกและสิ่งแวดล้อมควบคู่กัน ส่วนด้านสมาชิกเป็นการสร้างความผูกพัน ด้วยการทำให้สมาชิกเข้าใจการบริหารการลงทุนและแก้ปัญหา pain point ของเขา รวมถึงการทำให้พนักงานผูกพันกับองค์กรและทุ่มเทเพื่อสมาชิก”
นอกจากการผลักดันแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ให้สำเร็จภายใน 3 ปี ดร. ศรีกัญญายังมุ่งมั่นเดินหน้าภารกิจการพัฒนาความรู้และความสามารถบุคลากรในองค์กร ด้วยการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ตลอดเส้นทางให้พนักงานเรียนรู้และนำไปปรับใช้กับการทำงาน พร้อมเชื่อมั่นในความสำคัญของทรัพยากรบุคคลที่สามารถขับเคลื่อนองค์กรไปยังเป้าหมายเดียวกัน
ขณะที่สไตล์การบริหารงานจากการตกผลึกประสบการณ์ตลอดเส้นทาง ดร. ศรีกัญญาเชื่อมั่นในหลักการทำงานแบบ connecting the dots หรือการเชื่อมโยงทักษะความสามารถของบุคลากรใน กบข. สร้างความสำเร็จร่วมกัน พร้อมมุ่งเน้นการวางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่อเป้าหมายระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับความชอบด้านการคิดวิเคราะห์และวางแผนเช่นเดียวกับนักกลยุทธ์องค์กร
“เรามีสโลแกนที่พูดกับพนักงานตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงานคือ
In GPF WE TRUST ซึ่ง we มีความหมาย 2 กลุ่ม ได้แก่ พนักงานในองค์กรต้อง trust กันเอง โดย Stephen Covey เขียนหนังสือบอกว่า ถ้ามี trust ในที่ทำงานจะทำให้ speed เร็วขึ้น และ cost ต่ำลง หมายความว่า ไม่ใช่แค่ฉันไว้ใจเธอในคอนเซ็ปต์ทั่วไป แต่หมายถึงฉันไว้ใจเธอว่าเธอจะทำงานให้ดีที่สุดประสิทธิภาพสูงสุดให้กับองค์กร ส่วน we อีกความหมายคือ สมาชิก trust กบข. ดังนั้นทุกอย่างต้องโปร่งใสและต้องสื่อสารให้เข้าใจได้” เลขาธิการ กบข. ปิดท้ายถึงนิยามความสำเร็จที่เริ่มตั้งแต่การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในองค์กร และความโปร่งใสในการทำงานที่สื่อสารถึงภายนอกองค์กรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นอย่างยั่งยืนในระยะยาว
อ่านเพิ่มเติม:
คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine