วิถีการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมไทย ซึ่งเดิมลักษณะการอยู่อาศัยในครอบครัวไทยส่วนใหญ่จะมีการอยู่อาศัยร่วมกันมากกว่า 1 รุ่น ในขอบรั้วบ้านมักจะมีครอบครัวย่อยๆ ที่มีบ้านอยู่ในนั้นมากกว่า1 หลัง สิ่งเหล่านี้สะท้อนภาพลักษณ์ของสังคมไทยที่ต่างเกื้อกูลกันได้อย่างชัดเจนเป็นวิถีชีวิตที่ชินตากับการเติบโตแบบสังคมขยายที่แทรกซึมกับวัฒนธรรมการอยู่อาศัยที่มีมาอย่างยาวนานของประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยสภาวะความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่มีการพัฒนาให้ประเทศก้าวขึ้นสู่ประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจระดับโลก ภาคการเกษตรที่เปรียบเสมือนพื้นฐานแห่งการเติบโตด้านเศรษฐกิจในอดีตถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นภาคอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น และการเข้าสู่ระบบทุนนิยมอย่างเต็มตัว ก่อให้เกิด CBD หรือ central business district ที่กระจายตัวอยู่ตามหัวเมืองสำคัญภายในประเทศ ซึ่งการเจริญเติบโตเหล่านี้จะส่งผลให้การพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่มีการสอดรับความเจริญไปในทิศทางเดียวกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟความเร็วสูงที่เริ่มดำเนินการแล้ว หรือสนามบินต่างๆ ที่มีการยกระดับให้เป็นสนามบินระดับนานาชาติมากยิ่งขึ้น ขณะที่สังคมการใช้ชีวิตที่อยู่กันในลักษณะครอบครัวใหญ่ในอดีตเริ่มเลือนรางไปอย่างเห็นได้ชัด เปลี่ยนเป็นการใช้ชีวิตผ่าน “ครอบครัวเดี่ยว” ที่มีการอยู่อาศัยเฉพาะคน 2 รุ่นคือ รุ่นพ่อแม่กับรุ่นลูก การย้ายที่อยู่อาศัยเพื่อให้สะดวกต่อการใช้ชีวิตในการทำงานเริ่มมีภาพที่ชัดเจนมากกว่าในอดีต การแตกตัวของสถาบันครอบครัวให้มีขนาดเล็กลงแต่กระจายตัวไปตามบทบาททางสังคมมีมากยิ่งขึ้น การเลือกที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การเดินทาง การทำงาน และไลฟ์สไตล์ สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นความห่างทางการใช้ชีวิต แต่เป็นผลบวกแก่การดำเนินชีวิตส่วนบุคคล จากการเปลี่ยนแปลงในด้านรูปแบบและขนาดของครอบครัวท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจและสังคมส่งผลให้ครอบครัวมีความเสี่ยงต่อการขาดเสถียรภาพในระยะยาว และการเผชิญกับปัญหาที่หลากหลายในภาวะครอบครัวเปราะบาง ซึ่งต้องยอมรับว่าประเทศไทยกำลังเผชิญภาวะวิกฤตในปัญหาดังกล่าวมากขึ้น โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ดัชนีครอบครัวอบอุ่นของสังคมไทยมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะครอบครัวคนเมืองกลายเป็นกลุ่มที่มีความสุขต่ำที่สุดในประเทศ ดังนั้น การพัฒนาที่อยู่ที่อาศัยเพื่อเอื้อต่อการอยู่อาศัยแบบหลายช่วงวัย จึงถือเป็นแนวคิดที่สำคัญในการตอบโจทย์วิถีการใช้ชีวิต โดยเฉพาะผู้พักอาศัยในเมืองที่มีข้อจำกัดเรื่องราคาที่ดินและพื้นที่ใช้สอยต่างๆ ที่อาจจะไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตในแต่ละช่วงอายุ ซึ่งความต้องการและความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ควรพิจารณาให้ความสำคัญดังเช่น บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC ซึ่งตระหนักถึง pain point ที่เกิดขึ้น และต้องการหาจุดเชื่อมโยงการใช้ชีวิต การอยู่ร่วมกัน ด้วยการร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในการทำการวิจัยอย่างลึกซึ้ง เพื่อหาสิ่งที่จะตอบโจทย์การอยู่อาศัยของครอบครัวหลากหลายช่วงวัย- Intergeneration และดิจิทัล
รุ่งโรจน์ จงศุจิพันธุ์
ผู้อำนวยการอาวุโส แบรนด์มัลเบอร์รี่ โกรฟ
บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
อ่านเพิ่มเติม:
คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine



