ดร.มัลลิกา แก่กล้า เสริมแกร่งเทคขั้นสูง DEXON - Forbes Thailand

ดร.มัลลิกา แก่กล้า เสริมแกร่งเทคขั้นสูง DEXON

โอกาสในธุรกิจตรวจสอบทางวิศวกรรม พลังงาน และปิโตรเคมีที่เล็งเห็นจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด สู่การวางรากฐานด้านเทคโนโลยีการตรวจสอบและประเมินความสมบูรณ์ของระบบท่อส่งรายเดียวในประเทศ และเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่ได้รับการยอมรับระดับโลก พร้อมพัฒนานวัตกรรมตอบดีมานด์ตลาดอเมริกาและยุโรป โดยวันนี้ บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ DEXON อยู่ภายใต้การบริหารของซีอีโอคนแรกของบริษัท “ดร.มัลลิกา แก่กล้า”


    เบื้องหลังความปลอดภัยในโรงงานหลากหลายอุตสาหกรรมและการใช้พลังงานในประเทศล้วนจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบความสมบูรณ์ด้านโครงสร้างและวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ให้มั่นใจถึงการทำงานที่ปลอดภัยทั้งระบบปฏิบัติการและสภาพแวดล้อม เพราะอันตรายที่เกิดขึ้นอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงมากกว่าทรัพย์สินหรือโรงงานภายนอก แต่ยังส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงชุมชนโดยรอบ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม

    “บริษัทก่อตั้งโดยคุณ Martin (Stuvik Stale Martin) ซึ่งเป็นชาวนอร์เวย์ที่มี know-how และทักษะพิเศษจากการสั่งสมประสบการณ์การตรวจสอบงาน inspector และต้องการทำธุรกิจของตัวเองในวัย 30 ต้นๆ จึงเริ่มลองผิดลองถูกหลายประเทศใน Southeast Asia เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และเลือกโลเกชั่นเมืองไทยเพราะเห็นโอกาสจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่สามารถให้บริการกลุ่มลูกค้ารอบนิคมประมาณ 15 กิโลเมตร

    และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องถึงปี 2542 ก็ได้รับโจทย์ความต้องการให้เราตรวจสอบระบบท่อส่ง จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นทีมวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งเราค้นพบว่าทุกช่วงการเติบโตของบริษัทเกิดจากปัญหาของลูกค้าให้เรา customize เพื่อตอบโจทย์และช่วยเหลือลูกค้า”


    ดร.มัลลิกา แก่กล้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ DEXON กล่าวถึงการเริ่มต้นธุรกิจให้บริการตรวจสอบทางวิศวกรรมในอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมี ตรวจสอบระบบท่อส่งและท่อผลิตปิโตรเลียมในทะเล (riser) ในปี 2539 โดยริเริ่มการใช้เทคนิคโรยตัวด้วยเชือกตามมาตรฐานของสถาบัน Industrial Rope Access Trade Association (IRATA) จากสหราชอาณาจักร ซึ่งได้รับการรับรองจากสถาบันเป็นบริษัทแรกของประเทศไทย รวมถึงสามารถเปิดสถาบันฝึกอบรมการโรยตัวด้วยเชือกตามมาตรฐาน IRATA และจัดตั้งทีม Rope Access ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึงและช่วยลดต้นทุนในการติดตั้งนั่งร้าน

    ขณะที่พัฒนาการสำคัญของบริษัทเกิดขึ้นในปี 2542 จากโจทย์ความต้องการของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และ Total Exploration and Production ของฝรั่งเศส หรือโททาล ให้ตรวจสอบความหนาของระบบท่อส่งที่บริเวณอ่าวไทย ทำให้บริษัทเริ่มการจัดตั้งทีมวิจัยและพัฒนา พร้อมผลิตเครื่องมือตรวจสอบระบบท่ออัจฉริยะ Ultrasonic Pipeline Inspection System ซึ่งมีความแม่นยำในการตรวจหาอัตราการกัดกร่อนภายในผนังท่อที่สามารถเก็บข้อมูลได้ละเอียดในระยะทางไกล ทั้งท่อที่อยู่ในทะเลและใต้ดิน

    “วันที่เข้ามาร่วมงานกับบริษัทในปี 2548 ตอนนั้นยังมีพนักงานไม่ถึง 20 คน ซึ่งคุณ Martin ต้องการให้เราเข้ามาช่วยทำระบบบัญชี จากประสบการณ์ทำงานด้านบัญชีหลายบริษัทตั้งแต่เรียนจบ ด้วยความที่เราเริ่มต้นตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กทำให้สามารถเติบโตพร้อมการขยายตัวขององค์กร และได้เรียนรู้หน่วยงานต่างๆ ซึ่งคาแร็กเตอร์เราก็ชอบทำหลายอย่าง เพราะเชื่อว่าทำมากก็ได้รู้มาก เราจึงได้ทำงานทั้งบัญชี บุคคล ฝ่ายปฏิบัติการ ตรวจสอบหน้างาน และการขาย จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นซีอีโอคนแรกของบริษัท”

    แม้เส้นทางการเป็นผู้นำขับเคลื่อนธุรกิจจะเริ่มต้นจากการเป็นนักบัญชีหลังสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี คณะบัญชี สาขาการเงิน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แต่ระหว่างทางมัลลิกาสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานในองค์กรควบคู่กับการศึกษาปริญญาโท บริหารธุรกิจ (MBA) มหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาเอกสาขาบริหารธุรกิจอุตสาหกรรม คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โดยได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปในปี 2552 และนั่งเก้าอี้ซีอีโอในปี 2558

    “ธุรกิจประเภทนี้มีทักษะหลัก 2 ด้าน คือด้านวิศวกรและบัญชีการเงิน ซึ่งคุณ Martin มีทักษะด้านวิศวกรอยู่แล้วและมีทีมเฉพาะทางที่มีความสามารถให้คำแนะนำได้ รวมถึงความไว้วางใจที่มีให้เราจากการร่วมกันบริหารจัดการจนกระทั่งบริษัทสามารถก่อร่างสร้างธุรกิจและขยายฐานการทำงานอย่างมั่นคง โดยคุณ Martin มีความคาดหวังให้ DEXON ในนามบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศและทีมงานคนไทยที่มีผู้นำไทยสามารถออกไปให้บริการระดับสากลทั่วโลก”


    สำหรับในปัจจุบันบริษัทสามารถให้บริการตรวจสอบทางวิศวกรรมและสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีสำหรับตรวจสอบโครงสร้างและอุปกรณ์การผลิตในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มปิโตรเลียม ปิโตรเคมี อุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้า กลุ่มพลังงานหมุนเวียน และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ตรวจสอบท่อส่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ตรวจสอบภาชนะรับแรงดัน ตรวจสอบอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน ตรวจสอบถังกักเก็บน้ำมัน ถังกักเก็บสารเคมี และการตรวจสอบกังหันลมผลิตไฟฟ้า เป็นต้น

    ขณะเดียวกันบริษัทยังเดินหน้าจัดตั้งบริษัทย่อย ได้แก่

    -บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี พีทีอี ลิมิเต็ด ให้บริการในสิงคโปร์และประเทศข้างเคียง

    -บริษัท เด็กซ์ซอน เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด ให้บริการฝึกอบรม

    -บริษัท เด็กซ์ซอน เมคคานิคอล โซลูชั่นส์ จำกัด ให้บริการงานออกแบบวิศวกรรม งานประกอบ งานโครงสร้าง งานให้บริการบุคลากรด้านเครื่องกลและซ่อมบำรุง ทั้งในส่วนงานท่อและโครงสร้างในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ปิโตรเคมี และอื่นๆ

    -บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี ยุโรป บีวี ที่จัดตั้งมาเพื่อให้การดำเนินงานครอบคลุมทวีปยุโรปและอเมริกา

    -บริษัท Dexon Technology USA Inc. ให้บริการตรวจสอบระบบท่อนำส่งด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง การตรวจสอบเตาหลอม (furnace) และสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในอเมริกา


รุกขยายตลาดต่างแดน

    ภายใต้เป้าหมายการเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีด้านการตรวจสอบเฉพาะทางขั้นสูงแก่อุตสาหกรรมชั้นนำระดับนานาชาติแบบครบวงจร พร้อมรองรับความเปลี่ยนแปลงด้านอุตสาหกรรมพลังงานระดับโลกสู่การใช้พลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การใช้พลังงานไฮโดรเจน (hydrogen energy conversion) ซึ่งจะมีการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ในระบบท่อส่งจากเดิมเป็นน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นการขนส่งก๊าซไฮโดรเจน ทำให้บริษัทมีความมุ่งมั่นลงทุนงานวิจัยพัฒนาเพื่อขยายขอบเขตและความสามารถการให้บริการอย่างต่อเนื่องไปทุกภูมิภาคของโลก


    “จากการทำวิจัยพบว่า ปริมาณท่อส่ง (pipeline) อันดับ 1 ทั่วโลกใหญ่ที่สุดอยู่ในสหรัฐอเมริกา ด้วยขนาดของพื้นที่และเครือข่ายของระบบท่อลำเลียงมากที่สุด รวมถึงอายุการใช้งานนานทำให้ยิ่งมีความต้องการตรวจสอบมาก และเป็นพื้นที่เหมาะสมในการกำหนดทิศทางการเติบโตของเรา

    เช่นเดียวกับยุโรปที่เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เราสนใจ โดยเปลี่ยนทิศทางจากเนเธอร์แลนด์เป็นเยอรมนีในทำเลยุทธศาสตร์ทางการค้า ซึ่งสามารถใช้เป็นฮับรีโมทขยายงานเข้าไปในพื้นที่ต่างๆ โดยยังมีอีกหลายประเทศที่เข้าถึงยาก แต่มีระบบท่อลำเลียงที่ต้องการการตรวจสอบ ซึ่งเราได้ส่งวิศวกรและผลิตเครื่องมือตรวจสอบเข้าไปให้บริการจำนวนมาก โดยรวมวันนี้กว่า 40 ประเทศทั่วโลก ด้วยสัดส่วนรายได้ประมาณ 35% ในปีที่แล้วและจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”

    มัลลิกากล่าวถึงความเชื่อมั่นจากลูกค้าในหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก เช่น แอฟริกา อเมริกาใต้ อเมริกาเหนือ เอเชีย ยุโรป และฐานลูกค้ากว่า 2,000 ราย กระจายอยู่กว่า 40 ประเทศ พร้อมเล็งเห็นโอกาสสร้างการเติบโตจากความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น การก่อสร้างระบบท่อส่งใหม่ อายุการใช้งานของระบบท่อส่งเดิมที่มากขึ้น และความเข้มงวดของข้อกำหนดและข้อบังคับทางกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยของระบบท่อส่งและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน


    สำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทยังมุ่งลงทุนพัฒนาอุปกรณ์ตรวจสอบอัจฉริยะหรือ intelligent pigging รวมทั้งการลงทุนในอุปกรณ์อัตโนมัติ และหุ่นยนต์สำหรับผลิตทรานสดิวเซอร์ หรือ transducer และตัวเชื่อมต่อทนแรงดันสูงใต้ทะเล หรือ subsea high-pressure connectors เพื่อรองรับการขยายโอกาสในการรับงานในอนาคตให้เพิ่มสูงขึ้น

    โดยบริษัทมีเป้าหมายในการขยายการรับงานในกลุ่มประเทศเดิมที่มีการรับงานอยู่แล้ว เช่น อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และตะวันออกกลาง รวมถึงการเปิดตลาดใหม่ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง

    “ตราบใดที่เรายังพูดไม่ได้ว่าเราเป็นหนึ่งในโลก หมายความว่า เรายังมีช่องว่างสร้างการเติบโต ด้วยแนวทางการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการผลิตอุปกรณ์ที่รวดเร็วหรือใช้เวลาน้อยลง และเทคโนโลยีการตรวจสอบที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น เพราะการพัฒนาอุปกรณ์มีหลายประเภทและแต่ละประเภทมีวัตถุประสงค์การใช้งานต่างกัน

    รวมถึงลูกค้าก็มีความต้องการอุปกรณ์ประเภทใหม่ๆ ตลอด เช่น วันนี้ลูกค้าไม่ได้ต้องการรู้แค่ว่าท่อร้าวหรือไม่ แต่ต้องการรู้ขนาดของรอยร้าวและอันตรายระดับไหนที่ต้องซ่อมแซม ซึ่งปัญหาของลูกค้าถือเป็นโอกาสของเราในการค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีใหม่ ทำให้การพัฒนาไม่มีวันสิ้นสุด”


​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : นำพล มลิชัย ผนึกกำลังติดปีก SCGD

คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2566 ในรูปแบบ e-magazine