ท่ามกลางความกังวลจากการระบาดของไวรัสโคโรนาที่ติดต่อกันเป็นวงกว้าง ทว่า คนส่วนใหญ่ยังต้องดำเนินชีวิตประจำวัน และทำกิจกรรมนอกบ้าน ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาจสัมผัสเชื้อโควิด-19 โดยไม่รู้ตัว หากมีตัวช่วยลดความเสี่ยงคงจะดีไม่น้อย
ดร. วรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสีเบเยอร์ คิดค้นนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์นี้ บริษัท เบเยอร์ จำกัด ผู้ผลิตสีเบเยอร์ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ “เบเยอร์ชิลด์ แอนตี้ไวรัส” ใช้ นวัตกรรม Gold Ion อนุภาคทองคำบริสุทธิ์ระดับนาโน ที่ระบุว่าสามารถทำลาย Human Coronavirus NL63 ซึ่งก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบ รวมทั้งทำลายไวรัสและแบคทีเรียอีกกว่า 10 ชนิด โดยก่อนหน้านั้นได้ผลิตสี ซึ่งมีคุณสมบัติปกป้องผิวจากคราบสกปรกและสีช่วยลดความร้อนภายในอาคาร ประเสริฐ ชัยยศบูรณะ ก่อตั้งบริษัท เบเยอร์ จำกัด ในปี 2504 โดยกู้เงินจากบิดามาเปิดห้องแถวเล็กๆ ขายวัสดุก่อสร้างอิฐหินปูนทรายและสีทาอาคาร ค้าขายไปสักระยะหนึ่งมองเห็นว่าสินค้าทุกอย่างสามารถหาซื้อได้ในประเทศยกเว้นสีทาอาคารที่ต้องนำเข้า เกิดคำถามว่าทำไมคนไทยไม่ผลิตเอง จึงร่วมกับ ดำรงค์ ชาญอุษา ผู้เป็นเพื่อนซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านเคมี สร้างโรงงานและผลิตสีทาอาคารออกมาจำหน่าย โดยดำรงค์รับผิดชอบด้านการคิดค้นสูตร ส่วนประเสริฐดูแลภาพรวมธุรกิจ และสร้างแบรนด์ของตนเองขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษ เพราะคนไทยยังไม่เชื่อถือในแบรนด์ไทย ระหว่างนั้นยังจำหน่ายสีแบรนด์อื่นๆ ด้วย ปี 2508 บริษัทออกผลิตภัณฑ์ “Beger Unithane B-52 ที่มีคุณสมบัติช่วยปกป้องเนื้อไม้ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามเนื่องจากในยุคนั้นบ้านเรือนส่วนใหญ่สร้างจากไม้
- ทุ่ม R&D สร้างความแตกต่าง
ปัจจุบันมีทายาทรุ่น 2 มาสืบทอดกิจการจำนวน 4 คน จากทั้งหมด 5 คน เมื่อจะส่งมอบงานสู่ทายาท ประเสริฐฝากไว้ 2 ข้อคือ ให้ดูแลพนักงาน และอย่าหยุดคิดเรื่องนวัตกรรม ต้องสร้างคุณค่าอุตสาหกรรมสีให้กับประเทศ
ภายหลังการหารือถึงทิศทางของบริษัทพี่น้องทั้งสี่มีความเห็นตรงกันว่า ต้องสร้างความแตกต่างจากผู้ประกอบการธุรกิจสีรายอื่นๆ โดยให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา และดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด Eco-Wellness Innovation เนื่องจากบริษัทมีฐานลูกค้าเดิมโดยเฉพาะสีงานไม้ คิดเป็น 10% ของอุตสาหกรรมสีทาอาคาร (decorative paints) ซึ่งขณะนั้นมีมูลค่าหมื่นกว่าล้านบาท
ผลิตภัณฑ์ที่สร้างชื่อเสียงและเป็นจุดเปลี่ยนครั้งแรกคือ สีเบเยอร์ชิลด์ โดยนำเทฟลอนมาผสมในเนื้อสี ซึ่งมีคุณสมบัติเคลือบและปกป้องพื้นผิวให้ปราศจากฝุ่นผงหรือสิ่งสกปรก
“ในวันที่คนคุยกันเรื่องสีมีความทนทานแต่ไม่สวย ผนังมีคราบสกปรก เราจับมือต่างประเทศมองว่า ถ้าสีอยู่ได้ถึง 10 ปีก็ต้องสวย 10 ปีเช่นกัน จึงทำวิจัยร่วมกับบริษัท Dupont สหรัฐอเมริกา เจ้าของเทคโนโลยีเทฟลอน ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เป็นที่ยอมรับในตลาดพรีเมียมทำให้บริษัทก้าวเข้าสู่ธุรกิจสีอย่างเต็มตัว”
จุดเปลี่ยนครั้งที่ 2 คือ สีเบเยอร์คูล ซึ่งมีจุดเด่นในการลดความร้อนที่สะสมบนผนังบ้านในตอนกลางวัน เป็นการเปลี่ยนมุมมองครั้งใหญ่ว่า สีไม่ได้มีคุณสมบัติแค่ปกป้องพื้นผิว ป้องกันการลอกร่อน หรือให้ความสวยงามเท่านั้น
“เบเยอร์คูล” เป็นสีผสมเซรามิกที่มีคุณสมบัติสะท้อนและสกัดกั้นความร้อนได้หลักการทำงานคือ ช่วงกลางวันมีแสงอาทิตย์ตกกระทบทำให้บ้านมีความร้อนสะสม หากสะท้อนกลับออกไปได้มากพลังงานที่เหลือจะถ่ายเทความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านน้อยลง
“เราเป็นรายแรกและรายเดียวในไทยที่ได้รางวัลจากสถาบันนวัตกรรมแห่งชาติ และทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัย บ้านจัดสรรคอนโดมิเนียมอาคารต่างๆ การใช้สีชนิดนี้ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ 25-30%”
ผลิตภัณฑ์ตัวล่าสุดที่เพิ่งวางจำหน่ายเดือนกันยายน 2563 คือ สีทาภายใน “เบเยอร์ชิลด์ แอนตี้ไวรัส” ที่สามารถทำลาย Human Coronavirus NL63 โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบรุนแรงในคน โดยบริษัทส่งตัวอย่างไปทดลองและได้รับการรับรองจากสถาบันสุขภาพ Virology ประเทศอังกฤษ
“ตัวนี้เรา research มานานพอควร upgrade จาก silver ที่ใช้แพร่หลายแต่ไม่เสถียร...เทคโนโลยี gold ใช้ในอาหารเครื่องสำอางค์ เราพัฒนาและทำสูตรให้ cover โคโรนา และหาแล็บทั่วโลกเพื่อทดสอบดูว่าแล็บที่ไหนรับรองได้ ในอเมริกาคิวแน่นมาก โชคดีได้สถาบันในอังกฤษ เราถามว่าการเทตส์ Human Coronavirus...เทสต์กับสีได้ไหม เขาบอกว่า มีทำให้หลายแห่งปรากฏว่าหลัง modify สูตรก็ปกป้องไวรัสโคโรนาได้เหมือนกัน ฉะนั้น legacy ที่คุณพ่อตั้งเป้ามาทำให้เกิดความเป็นจริงได้ตอบโจทย์ เราเพิ่ง launch สินค้าไป...รุ่น Gold Ion มีคุณสมบัติปกป้อง อนุภาคทองคำกระจายอยู่ชั้นฟิล์มสี และจะปล่อยประจุออกมาเมื่อมีไวรัสมาเกาะ”
- ดูแลทุกสเต็กโฮลเดอร์
สำหรับภาพร่างในอนาคต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบอกว่า ต้องการทำให้ธุรกิจมั่นคงขยายมาร์เก็ตแชร์ นำสินค้านวัตกรรมถึงมือผู้บริโภค ลำดับต่อไปคือ การขยายตลาดในอาเซียน ซึ่งขณะนี้มีการส่งออกไปลาว พม่า กัมพูชา เวียดนาม อินโดนีเซีย และทำสินค้าโออีเอ็มบางชนิดที่บริษัทไม่ถนัดเพื่อเติมความหลากหลาย ทำให้พอร์ตสินค้ามากขึ้น เช่น เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าสไตลิสต์ระดับต้นๆ จากยุโรป รวมทั้งมีแผนว่าจะร่วมมือกับบริษัทสีอุตสาหกรรมอันดับ 1 ของโลก เนื่องจากบริษัทมีความพร้อม ฝ่ายการตลาดที่แข็งแกร่ง
“เราไม่ได้ตั้งเป้าที่ยอดขาย เป้าหมายหลักคือ ความมั่นคงของบริษัท เราอยากเป็นที่ 1 ในใจผู้บริโภค เป็น innovation leader...ถ้าพูดถึงสีต้องคิดถึง Beger ไม่ว่าจะเป็นงานไม้ งานอาคาร หรือสีอุตสาหกรรม”
อ่านเพิ่มเติม:
- ดร. ศรีกัญญา ยาทิพย์ ภารกิจปั้น “กบข.” กองทุนบำนาญโลก
- ธิดา แก้วบุตตา สูตรบริหารศรีสวัสดิ์ “STRINGENT & FLEXIBLE”
คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine



