หากเป็นคนดื่มชาหรือกาแฟ และช็อปปิ้งในซูเปอร์มาร์เก็ตของห้างสรรพสินค้าหรือโมเดิร์นเทรดคงมีสักครั้งที่เราเป็นลูกค้าของ “พิริยพูล” โดยไม่รู้ตัว
กาแฟแบรนด์ต่างชาติหลากหลายแบรนด์ที่จัดเรียงอยู่บนเชลฟ์ไม่ว่าจะเป็นเนสกาแฟโกลด์จากเกาหลี ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร กาแฟแบรนด์ Tchibo, Davidoff, AIK CHEONG, G7, ชาลิปตัน, ชา Heladiv ฯลฯ ล้วนนำเข้าจากบริษัทนี้ “ชูศักดิ์ พิริยพูล” ก่อตั้ง ห้างหุ้นส่วนจำกัด พิริยพูล ในปี 2516 ประกอบธุรกิจนำเข้าสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าประเภทยาสูบจากต่างประเทศ โดยสำนักงานแห่งแรกตั้งอยู่ที่ถนนเจริญกรุง สี่แยกเสือป่า ปี 2529 ต่อมาได้จดทะเบียนตั้ง บริษัท พิริยพูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และย้ายสำนักงานใหญ่มาตั้งอยู่ที่อาคารพิริยพูล ถนนศรีอยุธยา กระทั่งปัจจุบัน โดยประกอบธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าจากญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ช่วงแรกนำเข้าซิการ์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต่อมานำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคด้วย กิจการเจริญรุ่งเรืองตามลำดับ ก่อนจะมาหยุดชะงักในปี 2540 จากวิกฤตต้มยำกุ้ง ซึ่งส่งผลสะเทือนต่อบริษัทเป็นอย่างยิ่ง โดยขณะนั้นบริษัทกำลังขยายกิจการมาทำซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อ “ดีเซมเบอร์” ซึ่งมีสาขา 3 แห่ง ที่บางนา บางกะปิ และถนนพหลโยธิน รวมทั้งมีการก่อสร้างอาคาร 40 ชั้นซึ่งการก่อสร้างเกือบแล้วเสร็จ เมื่อรัฐบาลประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้บริษัทขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและมีหนี้สินถึง 4 พันล้านบาท เป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา
ปัจจุบันบริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้า 5 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มเครื่องชงดื่ม อาหาร ของใช้ ขนม และยาสูบต่างประเทศมีสินค้า 80 แบรนด์ 1,000 รายการ หรือ SKU มีร้านค้าซึ่งเป็นคู่ค้าในประเทศหลักพันราย โดยปีที่ผ่านมามีรายได้ 1.2 พันล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 5% ขณะที่ไตรมาสแรกของปี 2564 มียอดขายเพิ่ม 20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน
สำหรับช่องทางจำหน่ายแบ่งเป็น 1. โมเดิร์นเทรด ประกอบด้วยบิ๊กซี โลตัส และซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้า 2. ร้านค้าทั่วไป และ 3. horeca food service ประกอบด้วย โรงแรม ร้านอาหาร ร้านอุปกรณ์และวัตถุดิบเบเกอรี่
- ล้มแล้วลุก
ปัจจุบันรายได้มาจากเครื่องชงดื่มคิดเป็นสัดส่วน 60% กลุ่มขนมมียอดขายเพิ่มขึ้น สาเหตุจากคนอยู่บ้านเพราะโควิด-19 ส่วนสินค้าเด่นและมียอดขายเติบโตทุกปีคือ กลุ่มกาแฟพรีเมียมซึ่งมีมูลค่าตลาดในประเทศประมาณ 1.4 พันล้านบาท และพิริยพูลมีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 1 ด้วยยอดขายมากกว่า 50% โดยในปี 2563 ตลาดกาแฟสำเร็จรูปมีมูลค่า 3.8 หมื่นล้านบาท และมีอัตราขยายตัวปีละ 3.8% ส่วนสินค้าที่ margin ดีคือ กลุ่มเบเกอรี่ขนมพรีเมียม และกาแฟพรีเมียมบางตัว
- เน้นสินค้ามีอนาคต

- ลูกค้าคือพาร์ตเนอร์
ถามว่า ทำอย่างไรลูกค้าจึงเชื่อใจกระทั่งค้าขายกันมายาวนานหลายสิบปี ผู้บริหารหนุ่มตอบว่า
“จะขายสินค้าหรืออะไรต้องขายตัวเราให้ได้ก่อน การที่ขายตัวเราได้บวกเซอร์วิสและบริการทำให้ลูกค้าเชื่อถือ เชื่อมั่น หากลูกค้าซื้อสินค้าแล้ว เขาขายสินค้าไม่ได้เราก็เข้าไปดูแล คุณขายได้เราก็ขายได้ คุณขายไม่ได้ผมก็ขายไม่ได้ สินค้าขายแล้วมีปัญหา เราก็พร้อมเข้าไปดูแล อาจทำโปรโมชั่นเพิ่มหรือไม่ก็รับกลับ บางครั้งลูกค้าซื้อเยอะเกิน overstock สินค้าหมดอายุเพราะเก็บในที่ไม่ดี เราก็รับผิดชอบเปลี่ยนให้ เรามองเขาว่าเป็นคู่ค้าระยะยาว ไม่ใช่ค้าขายแล้วจบกันไปเป็นสิ่งที่ keep กันมาต่อเนื่อง
“เราพยายามจะเปลี่ยนทัศนคติทีมงานว่างานจะจบก็ต่อเมื่อสินค้าถึงมือ end consumer ซึ่งซื้อไปบริโภคแล้วพึงพอใจ ไม่ใช่งานจบที่การขายให้กับร้านค้า ตราบใด end consumer ซื้อแล้วไม่พึงพอใจ งานยังไม่จบ เขาต้อง complain เข้ามาบริษัท ในการทำธุรกิจผมมองว่า มันต้อง win-win ถ้าเรา win แล้วลูกค้า loose เขาก็ไม่อยากทำงานกับเรา แต่ถ้าต่างคนต่าง win ก็ไปกันได้ คุณพ่อจะพูดเสมอว่า ทำธุรกิจประโยชน์ลูกค้า 50-50 ยกมือไหว้ได้เลย ส่วนมากจะ 60-40 หรือ 70-30 แต่ 70-30 ยังพอรับกันได้ ผมมองว่าเป็นการบริการ ลูกค้าขายได้ขายดี แน่นอนเราก็ขายได้ขายดี เพราะสินค้ามาจากเรา”
อ่านเพิ่มเติม:
- โลกแห่ง ‘ศิลป์-การลงทุน’ ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ
- วัคซีน GAME CHANGER เศรษฐกิจโลกฟื้นแรง ปรับพอร์ตลงทุนให้ทัน
- โอกาสการลงทุน GENOMICS รับกระแสไบโอเทคโนโลยี
คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2564 ในรูปแบบ e-magazine



