การบนบานครั้งสำคัญของ David Korunic บิ๊กบอสกรุงไทย-แอกซ่า - Forbes Thailand

การบนบานครั้งสำคัญของ David Korunic บิ๊กบอสกรุงไทย-แอกซ่า

David Korunic ควบรถจักรยานยนต์รับจ้างจากที่ทำงานย่านรัชดา-พระราม 9 มาพบกับ Forbes Thailand ก่อนเวลานัดหมาย 'ผมกลัวถ้ามาสายคุณจะโกรธ' ประธานกรรมการบริหาร แอกซ่าประเทศไทย และประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เริ่มบทสนทนาด้วยการหยอกล้อเล็กๆ

Korunic เป็นคนเลือก Enoteca Italiana ร้านอาหารสุดโปรดของเขาและลูกสาวที่อยู่ใกล้ๆ กับบ้านของเขาใน ซ.สุขุมวิท 27 เป็นที่นัดพบกับ Forbes Thailand Korunic บอกว่างานอดิเรกเขาในยามว่างคือ “กินและทำงาน” เขาทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์และเริ่มงานเช้าตรู่เสมอ โดยจะเดินออกจากบ้านและเดินทางกลับบ้านด้วยจักรยานยนต์รับจ้าง Korunic เป็นคนโครเอเชีย-ยิว ที่เกิดและเติบโตในนิวซีแลนด์ แต่ใช้เวลามากกว่าครึ่งชีวิตอยู่ในเอเชีย หลังจบการศึกษาทางด้านบัญชีจาก University of Canterbury ประเทศนิวซีแลนด์ เขาเริ่มงานกับกรมสรรพากรนิวซีแลนด์ โดยทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตทางภาษี และการดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดตามกฎหมาย แล้วย้ายมาทำที่ Peat Marwick (ปัจจุบันคือ KPMG) ประมาณ 1 ปี ก่อนจะตัดสินใจขอลาพักร้อนไปเที่ยวอินโดนีเซียเพื่อมองหาโอกาสทำงานที่นั่นด้วย และเขาได้งานโดยบังเอิญที่ Manulife “เขาให้ผมเป็น Financial Controller สำหรับอินโดนีเซีย ผมอายุแค่ 24 ผมไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องทำอะไรเหมือนกัน” Korunic กล่าว อย่างไรก็ตามหลังจากทำได้เพียง 2 ปีเขาได้รับการโปรโมทอย่างรวดเร็วได้ย้ายไปประจำการอยู่ที่สำนักงานใหญ่ภูมิภาคของแมนูไลฟ์บนเกาะฮ่องกง ก่อนจะย้ายมาสิงคโปร์เพื่อช่วยจัดตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาค Korunic มีโอกาสได้หวนคืนอินโดนีเซียอีกครั้งเมื่อเขาได้รับการทาบทามจาก Allianz ให้เข้าไปช่วยจัดตั้งบริษัทประกันสุขภาพร่วมทุนกับรัฐบาลอินโดนีเซียในปี 2540 อย่างไรก็ตามจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงการเมืองในช่วงนั้นทำให้ Allianz ต้องเปลี่ยนแผนเป็นการจัดตั้งบริษัทประกันชีวิตแทน Korunic ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นซีเอฟโอของบริษัทนี้ในอินโดนีเซียพร้อมกับนั่งอยู่ในบอร์ดของบริษัทในเครือที่มาเลเซียและไต้หวันในขณะนั้นที่เขาอายุเพียง 32 ปี หลังจากนั้นเขาได้มีส่วนร่วมในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในเกาหลี ก่อนได้รับการชวนจาก AXA ให้เข้ามาร่วมงานในระดับภูมิภาคเป็นเวลา 1 ปี แล้วจึงย้ายกลับมาทำที่อินโดนีเซียอีกครั้งในตำแหน่งซีเอฟโอของบริษัทโฮลดิ้งที่ถือหุ้นบริษัทในเครืออีก 6 แห่งที่นั่น ก่อนจะย้ายมาไทย Korunic ทำงานที่ กรุงไทย-แอกซ่า ในตำแหน่งซีเอฟโอเป็นเวลา 5 ปีภายใต้สัญญาว่าจ้าง expat ที่มีอายุการว่าจ้าง 3 ปีและต่ออายุการทำงานได้อีก 2 ปี ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นซีอีโอในเดือนมกราคม 2556 ปัจจุบัน Korunic อายุ 52 ปี เขาว่าจ้างพนักงานชาวต่างชาติ 30 คนจาก 12 สัญชาติให้ทำงานกับกรุงไทย-แอกซ่าภายใต้สัญญาจ้างปกติเหมือนพนักงานประจำคนไทยอื่นๆ และตัวเขา เพราะไม่เชื่อในระบบ expat “ผมต้องการคนที่ต้องการมาทำงานที่นี่ด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง...เพราะเขารักบริษัทนี้และเพราะเขารักประเทศนี้” Korunic กล่าว

ผลงานที่โดดเด่น

ประจักษ์พยานของการทุ่มเททำงานอย่างหนักของ Korunic คือผลการดำาเนินงานของกรุงไทย-แอกซ่า ซึ่งได้กลายมาเป็นบริษัทประกันชีวิตที่เติบโตเร็วที่สุดในบรรดาบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุด 10 อันดับแรกของไทยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยไต่อันดับขึ้นจากอันดับ 8 ในปี 2550 มาเป็นอันดับ 4 ในปี 2560 ที่ผ่านมาทั้งๆ ที่กรุงไทย-แอกซ่ามีอายุน้อยกว่าคู่แข่งหลายรายโดยเพิ่งจะฉลองครบรอบ 20 ปี ไปเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว นอกจากการมีผู้ร่วมทุนที่แข็งแกร่งอย่างธนาคารกรุงไทยแล้ว Korunic ระบุถึงปัจจัยความสำเร็จ 3 ประการของกรุงไทย-แอกซ่าประกอบด้วย 1. การโฟกัสที่ลูกค้า 2. การให้ความสำคัญกับพนักงาน และ 3. การปฎิรูปองค์กร หรือ transformation “เราไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากลูกค้า ธุรกิจของเราคือคน เรา (อยู่ในธุรกิจประกันซึ่ง) ไม่เหมือนธุรกิจอื่นใดในโลก เพราะว่าเราขายคำมั่นสัญญา” เขากล่าวและอธิบายเพิ่มเติมว่าธุรกิจประกันนั้นไม่เหมือนธุรกิจอื่นๆ เนื่องจากเป็นการขายคำมั่นสัญญาซึ่งไม่สามารถจับต้องได้ให้กับลูกค้าซึ่งจะต้องมีความเชื่อมั่นว่าบริษัทจะรักษาคำมั่นสัญญานี้ตลอดไปในอนาคตไม่ว่าจะเป็น 10 ปี 20 ปี หรือ 50 ปีข้างหน้า ซึ่งนั่นหมายความว่าบริษัทเองก็จะต้องมีการสร้างระบบและรากฐานที่มั่นคงรวมทั้งทีมงานที่ดี Korunic ทุ่มเทให้เวลากับพนักงานมาก เขาจะจัดประชุม 25 ครั้งกับพนักงานกลุ่มละ 40 คน เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากพนักงานทั้ง 1,000 คน ของกรุงไทย-แอกซ่าโดยใช้เวลาครั้งละ 3 ชั่วโมงรวมเป็นเวลาทั้งสิ้น 75 ชั่วโมงที่เขาใช้เวลาในการประชุมประจำปีกับพนักงาน นอกจากนี้เขายังจัดทริปพาพนักงานกับครอบครัวไปเที่ยวด้วยกันรวมทั้งการปฐมนิเทศพนักงานใหม่ทุกๆ คนด้วยตัวเอง Korunic จะพบกับพนักงานใหม่ทุกคนเมื่อครบอายุงาน 3 เดือนอีกครั้งเพื่อรับฟังความรู้สึกและข้อเสนอแนะจากพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง “เรามีคำกล่าวอันหนึ่งคือ คนที่ยิ่งใหญ่สร้างบริษัทที่ใหญ่ยิ่ง” Korunic กล่าว

Transformation

ปัจจุบันกรุงไทย-แอกซ่ามีชาวต่างชาติในระดับบริหารค่อนข้างมากเนื่องจาก Korunic กำลังทำงานใหญ่ นั่นคือการ transform บริษัทซึ่งกระบวนการส่วนหนึ่งได้เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2560 เมื่อกรุงไทย-แอกซ่าได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่จากโครงสร้างเดิมที่เป็น “กล่องไซโล” มาสู่โครงสร้างใหม่ที่แบ่งตามสายธุรกิจ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา Korunic ได้ตระเวนเสาะแสวงหายอดฝีมือจากทั่วโลกเพื่อมาเสริมทีมงานให้กับกรุงไทย-แอกซ่าโดยหลายคนเป็นอดีตเจ้านายหรือผู้ร่วมงานของเขามาก่อน นอกจากนี้กรุงไทย-แอกซ่ายังได้นำเอาซอฟต์แวร์ของ salesforce.com มาใช้กับทีมพนักงานฝ่ายขายเพื่อปรับระบบ “ในอดีตนั้นบริษัทประกันถูกมองเป็นเสมือนคุณปู่คุณย่าของอุตสาหกรรมบริการด้านการเงิน ทั้งเชยและอนุรักษนิยมไปทุกๆ เรื่อง แต่ในขณะนี้เราอยู่ในยุคที่ผู้บริโภคยุคมิลเลนเนียนกำลังเติบโตขึ้นมา และมีความต้องการที่เราต้องสนองตอบให้ได้นอกจากนี้เราได้เริ่มเห็นภัยจากการเข้ามาแข่งขันจากคู่แข่งหน้าใหม่ที่จะเข้ามาขโมยส่วนแบ่งการตลาดของเรา นั่นคือบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Google หรือ Facebook” Korunic กล่าว แผนการปฏิรูปครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายที่เขาได้รับจากซีอีโอของ AXA ในระดับภูมิภาคที่ต้องการให้กรุงไทย-แอกซ่าขึ้นแท่นเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับ 1 ในประเทศไทยแซงหน้าผู้เล่นผู้แข็งแกร่งอย่าง AIA และเมืองไทยประกันชีวิตภายในปี 2563 ความท้าทายครั้งนี้ทำให้ Korunic ต้องเดินหน้าเต็มสูบในแผนการปฏิรูปบริษัทของเขา นอกจากนี้เขายังวางแผนที่จะขอพึ่งพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยจะเดินทางไปบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดพระธาตุดอยคำาอีกครั้งหนึ่งในระหว่างช่วงวันหยุดสงกรานต์ “เมื่อคุณไปบนที่วัดนี้คุณจะต้องบนว่าจะนำดอกไม้ไปถวายจำนวนเท่าไหร่ ครั้งที่แล้วผมบนไว้ 500 ดอก คราวนี้ผมอาจต้องพูดถึง1,000 ดอก” Korunic กล่าวในที่สุด  
คลิกอ่านฉบับเต็ม "การบนบานครั้งสำคัญของ David Korunic บิ๊กบอสกรุงไทย-แอกซ่า" ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ พฤษภาคม 2561 ในรูปแบบ e-Magazine