ตามแบบฉบับฝรั่งพูดไทยได้ทั่วไป และบุคลิกอันนุ่มนวลเรียบร้อยของเขาทำให้ Arnaud Bialecki ประธานบริหาร Sodexo Thailand และ ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาคกลุ่มลูกค้าองค์กร ประเทศไทย เวียดนามและฟิลิปปินส์ ดูเป็นเหมือนซีอีโอฝรั่งใจดีอีกท่านหนึ่งในสายตาของคนทั่วไป
แต่ที่จริงแล้ว Arnaud ซึ่งเพิ่งจะได้รับการอนุมัติเปลี่ยนชื่อและนามสกุล เป็นนาย “อานนท์ เบญญากานต์กุล” เมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นคนที่จริงจังกับการทำงานค่อนข้างมาก เขาประสบความสำเร็จในการประมูลได้ลูกค้ารายใหญ่คือกลุ่มโอสถสภามาสมความตั้งใจ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ Sodexo Thailand เติบโตอย่างก้าวกระโดดจนเป็น “ดาว” ของกลุ่ม Sodexo ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยยอดขายรวม 2.02 หมื่นล้านยูโรหรือประมาณเกือบ 8 แสนล้านบาท และจำนวนพนักงาน 425,000 คนใน 80 ประเทศทั่วโลก Sodexo เป็นหนึ่งในบริษัทข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส โดยในไทย Sodexo ให้บริการ outsource ทางด้านการจัดเตรียมอาหาร (catering) ช่างดูแลอาคาร/โรงงาน พนักงานต้อนรับ การรักษาความปลอดภัย แม่บ้าน บริการเพื่อคุณภาพชีวิตอื่นๆ ให้กับบรรดาโรงงาน โรงพยาบาล สถาบันการศึกษา โรงเรียนนานาชาติ โรงแรม พนักงานบนแท่นขุดเจาะน้ำมัน และองค์กรต่างๆ Arnaud เล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า เมื่อไม่นานมานี้เขาได้รับเชิญให้ไปร่วมงานที่สถานทูตฝรั่งเศส ซึ่งจัดงานใหญ่เพื่อมอบเครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์ (Ordre National de la Légion D’honneur) ชั้นอัศวินแก่ ธีรพงศ์ จันศิริ ซีอีโอไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป ซึ่งได้เข้าไปลงทุนซื้อกิจการด้านอาหารทะเลแปรรูปที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งในงานนั้นมี เพชร โอสถานุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการบริหาร กลุ่มโอสถสภาเข้าร่วมงานด้วย ขณะที่ตอนนั้น Sodexo กำลังพยายามเข้าประมูลงานกับโอสถสภาอยู่

เตรียมควบรวม JV กับ อมตะ
อุตสาหกรรมเป็นลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่มีการเติบโตมากในช่วงที่ผ่านมา Sodexo ได้อาศัยพันธมิตรที่เข้มแข็งอย่างกลุ่มอมตะมาช่วยเหลือเกื้อหนุน ซึ่ง วิกรม กรมดิษฐ์ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน ได้เชิญ Arnaud ให้เข้ามาฟังการแสดงวิสัยทัศน์ของเขาในเรื่องต่างๆ รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นและปัญหาจากลูกค้าระดับวีไอพีซึ่งเป็นลูกค้าโรงงานในนิคมอมตะ บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด เป็นการร่วมทุนระหว่าง Sodexo และกลุ่มอมตะ เพื่อให้บริการแก่โรงงานที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ในด้านการบริหารจัดการอาคาร การดูแลและซ่อมบำรุง บริการด้านการรักษาความปลอดภัย และบริการงานทำความสะอาด เนื่องจาก JV นี้ไปได้ดีเมื่อประมาณ 3-4 เดือนก่อน วิกรมจึงได้ชวน Arnaud ให้เข้ามาช่วยการบริการในพื้นที่ส่วนกลางของนิคมอมตะด้วย ซึ่งปัจจุบันรับผิดชอบโดย บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด
วิกฤตน้ำมัน
ก่อนจะถึงยุคเติบโตในวันนี้ หนทางของ Arnaud ไม่ได้ราบรื่นเหมือนกลีบกุหลาบ ในช่วงปี 2557-2558 เมื่อเกิดวิกฤตราคาน้ำมันในตลาดโลกลดฮวบ ส่งผลกระทบต่อบริษัทขุดเจาะสำรวจน้ำมันซึ่งมีสัดส่วน 35% ของรายได้รวมของ Sodexo ในประเทศไทย ในขณะนั้นบริษัทน้ำมันพากันปิดและย้ายแท่นขุดเจาะน้ำมันออกจากประเทศไทย ทำให้รายได้ของ Sodexo หายวับไป 300-400 ล้านบาท จาก 1.689 พันล้านบาทในปี 2557 เหลือ 1.513 พันล้านบาท และ 1.450 พันล้านบาทในปี 2558 และ 2559 ตามลำดับ เพิ่งจะปีที่ผ่านมานี่เองที่ Sodexo สามารถฟื้นคืนรายได้กลับมาเกือบเท่าเมื่อ 4 ปีก่อน จากการเติบโตของธุรกิจอื่นๆ ที่เข้ามาชดเชยรายได้ที่หายไปจากธุรกิจน้ำมัน และตั้งเป้าหมาย เติบโตหนึ่งเท่าตัวภายใน 5 ปีจากนี้ หรืออาจจะบรรลุได้เร็วกว่านั้น
มุมส่วนตัว
Arnaud อยู่ประเทศไทยมาแล้ว 22 ปีตั้งแต่อายุเพียง 24 ปี หลังจากเรียนจบวิศวกรรมศาสตร์จากฝรั่งเศส และฝึกงานที่นั่นเป็นเวลา 6-7 เดือน เขาได้รับมอบหมายจาก Safran S.A. (ในขณะนั้นรู้จักกันในนามของ SAGEM) ให้เข้ามาติดตั้งเครื่องชุมสายเทเล็กซ์ให้ กสท โทรคมนาคม แต่เมื่อโปรเจกต์เสร็จสิ้นในเวลา 1 ปีครึ่งตามสัญญา Arnaud ปฏิเสธที่จะกลับฝรั่งเศส โดยเขายอมลาออกจากบริษัทเพื่อที่จะขออยู่ประเทศไทยต่ออีก 1 ปี ในเดือนมิถุนายน 2540 เขาบินกลับไปพักร้อนที่ฝรั่งเศส 2 อาทิตย์ก่อนกลับมาหางานในประเทศไทย เขาคิดว่าคงหาได้ไม่ยากเพราะมีหลายบริษัทที่สนใจติดต่อกันไว้ แต่เมื่อบินกลับมาในวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 2540 รัฐบาลไทยประกาศลอยตัวค่าเงินบาทพอดี เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง บริษัทที่ติดต่อกันไว้ต่างพากันเลิกจ้างพนักงาน Arnaud ตัดสินใจสู้อยู่หางานต่อในไทย เขาใช้เวลา 4-5 เดือนก็ได้งานกับ Thomson-CSF (ปัจจุบันคือ Thales Group) ก่อนที่จะมาร่วมงานกับ บริษัท พรอพเพอร์ตี้ แคร์เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด และ Sodexo ตามลำดับ ถึงแม้ว่าจะจริงจังกับการทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย แต่ Arnaud ก็ให้ความสำคัญกับ work-life balance อย่างมาก เขาปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งในระดับภูมิภาคโดยต้องการที่จะสร้างการเติบโตให้กับ Sodexo ในประเทศไทยมากกว่า เพราะไม่อยากมีวัฏจักรชีวิต อาทิตย์เย็นไปสนามบิน นั่งไฟลท์ไป Mumbai อยู่ถึงศุกร์ กลับบ้านตีสองตีสาม อาทิตย์ต่อไป...ยุโรป แต่เขาตั้งใจที่จะเอาชนะ เติบโตมากกว่านั้น พร้อมๆ กับเปิดโอกาสของความก้าวหน้าให้กับทีมงานของ Sodexo ในไทยทุกคน ในฐานะซีอีโอนักสู้ Arnaud ยังหิวกระหายความเติบโต ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายตัวเขาอยู่เสมอ
คลิกอ่าน "Arnaud Bialecki ซีอีโอนักสู้" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ กุมภาพันธ์ 2561 ในรูปแบบ e-Magazine
