ยามบ่ายที่สายฝนพรำมิได้เป็นอุปสรรคสำหรับการนัดหมายครั้งนี้ วิพล วรเสาหฤท วัย 52 ปี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำ กัด (มหาชน) หรือ BLA ยังคงมาถึงร้านกาแฟซึ่งเป็นสถานที่พบปะตรงตามเวลา
วิพล ที่ขอตัวจิบกาแฟก่อนเป็นฝ่ายเริ่มเปิดฉากสนทนากับ Forbes Thailand ณ โต๊ะตัวเล็กซึ่งตั้งอยู่มุมคาเฟ่สไตล์วินเทจ Bar Storia Del Caffe ชั้นล่างของโรงแรม Salil Hotel ในซอยสุขุมวิท 57 เสียงเพลงแผ่วคลอเบาๆ ช่วยให้บรรยากาศการสนทนาของเราเป็นกันเองมากขึ้น จากผู้มีประสบการณ์คร่ำหวอดด้านการวางกลยุทธ์การตลาดและการบริหารงานขายในธุรกิจค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภคร่วม 20 ปี วิพลเคยดำรงตำแหน่ง ผู้บริหารระดับสูงที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันการเติบโตให้บริษัทข้ามชาติชั้นนำหลายแห่ง วิพล ขึ้นแท่นเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ที่ BLA เมื่อ 1 มีนาคม ปีนี้พร้อมประกาศวิสัยทัศน์ 3 ประการ ได้แก่การสร้างรากฐานเพื่อการเติบโตในอนาคต การ Re-train ปรับปรุงหลักสูตรอบรมพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพคนในองค์กรให้สูงขึ้น 20-30% รวมทั้งการผลักดันธุรกิจประกันชีวิตผ่านดิจิทัล “กรุงเทพประกันชีวิต ต้องกลับขึ้นมาติด Top 5 ให้ได้ด้วยการผลักดันให้องค์กรมี dynamic มีความ active ที่จะวิ่งไปข้างหน้า การผลักดันจะเกิดได้ต่อเมื่อมีความเข้าใจถ่องแท้ในตัวบริษัท วัฒนธรรมและบุคลากรในองค์กรมากเพียงพอ” วิพลกล่าว พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมา แม้บริษัทยังรักษาตำแหน่งผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมไว้ได้แต่การหล่นจากตำแหน่ง Top 5 ทำให้หลุดจากสถานะที่สำคัญไป เพราะธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทยมีผู้เล่นหลัก 7-8 รายที่ครองส่วนแบ่งการตลาดรวม 90% จากผู้เล่นทั้งหมด 23 บริษัท กว่า 6 เดือนที่เข้ารับตำแหน่งผู้นำเขาเชื่อว่ามีความเข้าใจองค์กรและวัฒนธรรมภายในมากเพียงพอที่จะผลักดันให้เกิดการก้าวไปข้างหน้า โดยที่ผ่านมากรุงเทพประกันชีวิตนับเป็นบริษัทรายแรกที่ได้รับอนุมัติให้ขายประกันออนไลน์เต็มรูปแบบ นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแนวคิดใหม่และพัฒนาผลิตภัณฑ์บางประเภทให้เป็น one-side-fit-all ควบคู่กับการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะหลากหลายด้าน (multi-skills) เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้รอดพ้นจากการถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยี “การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในธุรกิจประกันหรือที่เรียกว่า InsurTech มีบทบาทสูงขึ้นสำหรับประกันภัย แต่สำหรับประกันชีวิตยังไม่ตอบรับ InsurTech มากนัก เพราะยังไม่ถึงจุดที่ผู้บริโภคเสิร์ชหาข้อมูลประกันทางออนไลน์ ดิจิทัลจะทดแทนการขายได้ยาก แต่ช่วยทดแทนบริการได้เร็ว การนำเทคโนโลยีมาใช้จึงเป็นไปในลักษณะที่ให้ตัวแทนประกันใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการให้บริการ (service platform) การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (customer relationship) และเครื่องมือนำเสนอการขาย (offering) มากกว่านำมาใช้นำเสนอผลิตภัณฑ์แทนตัวแทนขาย อย่างไรก็ตามตัวแทนที่จะอยู่รอดได้ในอนาคตจะต้องพัฒนาตัวเองให้มีคุณภาพ มีศักยภาพในการใช้เทคโนโลยีสูงขึ้นด้วย” วิพล มั่นใจว่ากรุงเทพประกันชีวิตจะเป็นผลงานชิ้นเอกอีกชิ้นในชีวิตการทำงานก่อนเกษียณ ที่มีความภูมิใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผลงานชิ้นเอกสองชิ้นแรกซึ่งเขาเข้ารับตำแหน่งสูงสุดในช่วงที่บริษัทเผชิญกับวิกฤตอย่าง บีพี คาสตรอล ประเทศไทย และไทยพาณิชย์ประกันชีวิต ช่วงที่เข้ารับตำแหน่งในบีพี คาสตรอล ประเทศไทย ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปี 2551 พุ่งขึ้นถึง 140 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศแตะลิตรละ 40 บาท จากบริษัทที่เคยกำไร 20 ล้านเหรียญ ลดเหลือ 1 ล้านเหรียญ เขาสามารถพลิกสถานการณ์ในช่วง 6 ปี ให้กำไรกลับขึ้นมาที่ 27 ล้านเหรียญ
คลิกเพื่ออ่าน "วิพล วรเสาหฤท พลิก กรุงเทพประกันชีวิต คืนตำแหน่ง TOP 5" ฉบับเต็ม จาก Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2560 ในรูปแบบ e-Magazine
