พรรณอวิกา ลิมปะพันธุ์ 9 ปี ดิจิลิ้งก์ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ - Forbes Thailand

พรรณอวิกา ลิมปะพันธุ์ 9 ปี ดิจิลิ้งก์ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้

นักธุรกิจหญิงรุ่นใหม่วัย 30’s มีบุคลิกที่กระฉับกระเฉง คิดเร็ว พูดเร็ว ทำเร็ว เด็ดเดี่ยว หนักแน่น และพร้อมเปิดใจเรียนรู้ตลอดเวลา มีความมุ่งมั่น มีฝันและมีไฟอยู่เสมอ หลักคิดของเธอคือ “โลกนี้ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้”


    ความมั่นใจเป็นบุคลิกที่โดดเด่นของ พรรณอวิกา ลิมปะพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิลิ้งก์ (ประเทศไทย) จำกัด ซีอีโอเจน Y ที่ทุ่มเทกับงานดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง และมีจุดขายที่โดดเด่นเรื่องคอนเนกชั่นตลาดจีน เธอเป็นเซ็นเตอร์เชื่อมโยงตลาดจีนเข้าสู่ไทย และเปิดกว้างสำหรับผู้ที่สนใจเข้าไปเจาะกำลังซื้อมหาศาลของตลาดจีน

    ผลงานที่ผ่านมา ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย เคยทำงานให้ทั้งภาครัฐและเอกชนในหลายประเทศ โดยการทำ O2O ออนไลน์เชื่อมกับออฟไลน์ โดยจัดอีเวนต์ดึงตลาดนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทย และยังคงทำต่อเนื่องในสเต็ปที่สูงขึ้น เจาะกลุ่มตลาดเป้าหมายที่เป็นรายละเอียดมากขึ้น

    “เราเตรียมจัดงานใหญ่ Must-Eat List วันที่ 14 พฤศจิกายนนี้” พรรณอวิกาเผยกับทีมงาน Forbes Thailand ที่ไปสัมภาษณ์เธอในฐานะนักธุรกิจหญิงคนรุ่นใหม่ที่มีพลังความเป็นผู้บริหารหญิงที่ชัดเจน งาน Must-Eat List ที่เธอเตรียมจัดคือ งานประกาศรายชื่อร้านอาหารโดดเด่น เป็นไกด์ไลน์ให้กับนักท่องเที่ยวจีนว่ามาถึงประเทศไทยต้องไปชิมอาหารตามลิสต์ร้านอาหารเหล่านี้ ซึ่งจะมีกว่า 500 ร้านใน 23 จังหวัด


“เหวยไท่กั๋ว” เจาะตลาดจีน

    พรรณอวิกาเตรียมแนะนำร้านอาหารผ่านงานใหญ่ที่เตรียมดึงนักท่องเที่ยวตลาดจีนกลับเข้ามาผ่านเครื่องมือสำคัญคือ แอปพลิเคชัน เหวยไท่กั๋ว (Wei! TaiGuo หรือ Hello Thailand) ที่เธอพัฒนาขึ้นและเริ่มเก็บ inventory ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2567 เป็นแอปที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อคนจีนโดยเฉพาะ ใช้ภาษาจีน 100%

    “เหวยไท่กั๋ว” จะเป็นแอปคู่มือเที่ยวไทยของชาวจีนที่พรรณอวิกาบอกว่า จะทำให้คนจีนอยากมาเที่ยวไทยมากขึ้น เพราะแอปนี้จะมีข้อมูลทุกอย่างที่สะดวก รวดเร็ว และหลากหลายให้ชาวจีนได้เลือก และมีข้อมูลการท่องเที่ยว เดินทาง แหล่งท่องเที่ยว และร้านอาหารที่หลากหลายซึ่งมีข้อมูลกว่า 2,000 ร้าน และแหล่งท่องเที่ยวกว่า 10,000 รายการ เป็นข้อมูลใหม่เปิดเส้นทางใหม่ๆ ให้นักท่องเที่ยวจีนอยากมาเยือนไทย เพราะความสะดวกสบายจากการใช้แอปทำให้มีทางเลือกมากขึ้นในไลฟ์สไตล์แบบหนุ่มสาวจีนยุคใหม่


    “คนจีนทุกวันนี้ใช้มินิแอปแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้า หาร้านอาหาร หาแหล่งท่องเที่ยว และอื่นๆ ส่วนใหญ่ไม่เข้าเว็บไซต์ แต่เลือกทำกิจกรรมผ่านมินิแอปเป็นหลัก” พรรณอวิกาย้ำและว่า จากเทรนด์นี้ทำให้เธอพัฒนา “เหวยไท่กั๋ว” ขึ้นมาเป็นคู่มือเที่ยวไทยเพื่อให้ถูกจริตของคนจีนยุคใหม่ที่คุ้นชินกับการใช้แอปในการค้นหาหรือทำกิจกรรมต่างๆ

    จุดเด่นของดิจิลิ้งก์ที่ทำให้ขยายตลาดจีนได้มากคือ คอนเนกชั่นกับแพลตฟอร์มจีนรายใหญ่แทบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเสี่ยวหงชู (XiaoHongShu), วีแชท (WeChat), โต่วยิน (Douyin) และเหม่ยถวน (Meituan) ซึ่งล้วนเป็นแอปที่รวมคนจีนอยู่ในระบบจำนวนมาก เช่น เสี่ยวหงชูมี daily active users 300 ล้านคน เหม่ยถวนมี transaction ประมาณ 675 ล้าน transaction ต่อเดือน ส่วนวีแชทมี daily active users 1.4 พันล้านคน ด้วยเหตุนี้การเข้าถึงตลาดจีนสำหรับดิจิลิ้งก์จึงได้เปรียบ

    “Wei! TaiGuo เรายังไม่ได้ grand opening เสียทีเดียว เพราะต้องทำคอนเทนต์ให้พร้อมก่อนเพื่อรองรับการใช้งานให้ได้เต็มที่ ถ้าคนจีนดาวน์โหลดไปใช้เราต้องพร้อม 100%”

    จากงาน Must-Eat List ที่จะจัดในเร็วๆ นี้ และการเปิดเหวยไท่กั๋วอย่างเป็นทางการจะเพิ่มแรงดึงดูดคนจีนมาเที่ยวไทยมากขึ้น “ไม่ใช่แค่ร้านอาหาร ล่าสุดเราได้หารือกับทางการจีนเกี่ยวกับงาน Must-Eat List ทางจีนได้เพิ่ม Must-Visit List มาให้ด้วยยิ่งทำให้พร้อมมากขึ้น” เป็นคำตอบที่เธอได้จากการเดินทางไปประชุมที่จีนล่าสุด

    “เราได้ทั้ง Must-Eat List และ Must-Visit List ยิ่งทำให้เพิ่ม magnet ในการดึงนักท่องเที่ยวจีนได้มากขึ้น” ซีอีโอดิจิลิ้งก์ย้ำและว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจีนเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ประชากรจีนกว่า 1.4 พันล้านคน ในจำนวนนี้มีพาสปอร์ตอยู่แค่ 280 ล้านคน ยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปีที่แล้วคนจีนมีพาสปอร์ตท่องเที่ยวใหม่เพิ่มขึ้น 40 ล้านคน ปีก่อนหน้าเพิ่ม 18 ล้านคน นักท่องเที่ยวจีนมีเงินท่องเที่ยวเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพมากขึ้น ทุกวันนี้แม้จีนจะเศรษฐกิจไม่ดีแต่คนจีนก็ยังเดินทางท่องเที่ยว ลองคำนวณเพียง 1% ของคนจีนที่เดินทางมาไทยตามจำนวนคนที่มีพาสปอร์ตก็มากแล้ว


ปีนี้ดึงจีนเข้าไทย 3 ล้านคน

    นักท่องเที่ยวจีนมีการใช้จ่ายต่อทริปคนละ 25,000 หยวน (125,000 บาท) ยังไม่รวมค่าโรงแรมที่พัก 5-6 ดาวเป็นหลัก เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ทุกประเทศต่างต้องการให้ไปเยือนจึงต่างแย่งกันจัดโปรโมทดึงดูดตลาด ที่ดิจิลิ้งก์ทำคือ ใช้เครื่องมือที่เป็นการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนจีน เชื่อว่าจะได้เปรียบคู่แข่งประเทศต่างๆ เพราะมีแอปเที่ยวไทยเป็นภาษาจีนช่วยทำตลาดโดยตรง

    ด้วยความพร้อมเหล่านี้พรรณอวิกาเผยว่า ทั้งการจัด Must-Eat List และ Must-Visit List รวมถึงการมีเหวยไท่กั๋วในเวลาที่เหลือของปีนี้อีก 3-4 เดือนเธอมั่นใจว่าจะดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาประเทศไทยได้ไม่น้อยกว่า 3 ล้านคน เพราะคนจีนแต่เดิมชอบประเทศไทยอยู่แล้ว ยิ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวก มีรายการร้านอาหาร และแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ช่วยดึงดูด เชื่อว่าตลาดจีนกลับมาแน่นอนเมื่อมีของใหม่ไปเชิญชวน



    พรรณอวิกาเผยว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจีนแยกเป็นกลุ่มย่อยตามพื้นที่และความต้องการ เช่น กลุ่มเด็กคนรุ่นใหม่ กลุ่มครอบครัว กลุ่มเพื่อน “เราต้องทำ target ที่ย่อยขึ้น เอา database จากแพลตฟอร์มที่มีมาวิเคราะห์ว่าเราอยากได้คนจีนกลุ่มไหนเดินทางเข้ามา” เธอยกตัวอย่าง เช่น คนที่อยากมาเที่ยวทะเลก็ต้องเป็นคนที่อยู่บนภูเขา เมืองที่เป็นโซนภูเขา เช่น Chengdu และเมืองภูเขาอื่นๆ

    ส่วนคนที่มาจาก Kunming สามารถจัดโรดทริปขับรถเข้ามาเที่ยวเชียงใหม่เพราะอยู่ในพื้นที่ต่อเนื่องกับไทย เส้นทางนี้ก็จะเป็นการขายวัฒนธรรมต่างๆ เชื่อมโยงไปยังจังหวัดที่ต่อเนื่อง เช่น อุทัยธานี น่าน แพร่ ส่วนคนจีนจาก Guangzhou จะเป็นกลุ่มคนที่มาเที่ยวเมืองวัฒนธรรมของไทยหรืออาจเป็นชายทะเล ประเทศไทยโชคดีที่มีทรัพยากรธรรมชาติสวยงาม หลากหลาย และมากพอที่จะเป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวชมได้ไม่เบื่อ เพียงแต่ต้องเปิดพื้นที่ใหม่ๆ แนะนำพื้นที่ใหม่ให้ชาวจีนได้รับรู้และอยากมาสัมผัส

    ซีอีโอดิจิลิ้งก์เผยว่า ปีที่แล้วในช่วงตรุษจีนเธอได้มีโอกาสทำแคมเปญให้ ททท. ร่วมกับแพลตฟอร์มเสี่ยวหงชู เพียงแค่ 10 วัน โดยใช้แมสเสจว่า ท่องเที่ยวไทยแลนด์ซิตี้วอล์ก #ThailandCityWalk การตอบรับดีมาก มีการพูดถึงแคมเปญนี้เป็นข้อความเชิงบวกทั้งหมด แคมเปญนี้ทำให้คนจีนพูดถึงประเทศไทยในช่วง 10 วันนั้นโดยใช้อินฟลูเอนเซอร์ทั้งหมด 50 คน พบว่า มีคนจีนพูดถึงไทยทั้งหมด 114 ล้านโพสต์ภายใน 10 วัน และเป็นโพสต์ในภาพที่เป็นบวกทั้งหมด สื่อสารได้ทั่วถึงมาก


พลังสื่อโซเชียลบูมตลาด

    พรรณอวิกาเล่าว่า ด้วยความที่จีนเป็นตลาดใหญ่มาก การลงทุนต่างๆ จึงใหญ่ตามไปด้วย เธอบอกว่า เงิน 1 ล้านบาทสำหรับทำตลาดในจีนถือว่าน้อย เหมือนโยนเงินลงแม่น้ำละลายหายไปไม่ได้อะไรเลย เหตุนี้จึงต้องใช้แพลตฟอร์มใหญ่ๆ ในการสื่อสาร “โชคดีที่เรามีเพื่อนที่ทำธุรกิจและมีคอนเนกชั่นคนจีนที่ยังคงติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ ทำให้โปรเจกต์เดินหน้าได้เร็ว” เธอเผยเบื้องหลังการทำงานที่ราบรื่นว่ามาจากคอนเนกชั่นทั้งในไทยและในจีน


    นอกจากนี้ โครงการ Must-Eat List และ Must-Visit List เป็นการส่งเสริม SME และผู้ประกอบการท่องเที่ยว โครงการนี้จึงได้ร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในการดึง SME ต่างๆ เข้ามาอยู่ในลิสต์เพื่อเปิดรับตลาดนักท่องเที่ยวจีน

    “เหวยไท่กั๋ว” จะมีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวจีน ซึ่งสามารถรองรับนักท่องเที่ยวจีนได้ตั้งแต่ก่อนเดินทาง หาข้อมูลก่อนเดินทาง และเมื่อมาถึงประเทศไทยก็สามารถใช้เป็นคู่มือไปทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปรับประทานอาหารหรือเลือกที่เที่ยว รวมถึงอำนวยความสะดวกในการเดินทาง transit ต่างๆ เพราะในแอปนี้รวมร้านอาหาร รวมแหล่งท่องเที่ยวใช้ได้หมด “เป็นการทำงานโดยเอกชน และขอความร่วมมือจากรัฐบาลในบางส่วน”

    ซีอีโอดิจิลิ้งก์ย้ำว่า ทุกวันนี้คนจีนเวลาเที่ยวไทยไม่ได้อยากเที่ยวแค่เมืองหลักทั่วไป แต่มองไปยังเมืองเล็กๆ ที่มีวัฒนธรรมวิถีชีวิตที่แตกต่าง เช่น จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดน่าน ซึ่งจะตอบโจทย์คนจีนทำให้เข้ามาใช้ชีวิตและใช้จ่ายได้มากขึ้น “ทำให้คนจีนมาเที่ยวแบบตอนยอนกับเราได้มากขึ้น เพราะแอปจะมี outlet ในไทยให้เลือกมากมาย” ที่สำคัญแอปต้องมีฟังก์ชันและพร้อมใช้งาน ซึ่งพรรณอวิกาบอกว่า เธอได้ทีมเทคมือดีด้าน AI ของจีนเป็นสเปเชียลลิสต์มีเดียในจีนมาร่วมงานด้วย ทำให้การพัฒนาได้เร็วและแม่นยำ


    “นอกจาก Wei! TaiGuo เรายังมีมินิแอปที่สามารถเข้าจาก WeChat มาได้เลย เป็นแอปพลิเคชันอีก 1 ตัว เพื่อรองรับหลากหลายเซอร์วิสเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นไหว้พระออนไลน์ หรือการบุกเส้นทางเดินเขา” เป็นสีสันที่แม่ทัพดิจิลิ้งก์จัดให้อย่างรอบด้าน “Beyond ไปกว่านั้นคือ เรามี AI สามารถพูดกับแอปได้เลยว่าต้องการอะไร เช่น ฉันอยากทานผัดกะเพรา ร้านผัดกะเพราก็จะขึ้นมาให้เลือกเลย” เป็นเทคโนโลยี AI ที่นำมาใช้กับการสื่อสารเพื่อให้แอปเป็นคู่มือที่ชาญฉลาด ต้องการอะไร ที่ไหน สามารถพูดได้เลยทำให้ร้านค้าสามารถสื่อสารกับนักท่องเที่ยวได้โดยง่าย เหมือนยกซิสเต็มในจีนเข้ามาอยู่ในไทย เป็นการพัฒนาร่วมกับพาร์ตเนอร์หลายคน

    หลังจากทดลองเปิดตัวเหวยไท่กั๋วมาตั้งแต่ไตรมาส 3/2567 ปัจจุบันในแอปมีร้านอาหารเข้ามาอยู่แล้วประมาณ 2,000 ร้านอาหาร ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวเป็นการลิ้งก์กับ DMC มาเป็นเดสติเนชั่นที่ได้เกือบ 10,000 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 23 จังหวัดในประเทศไทย ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง

    “เราเพิ่ง final กับทางจีนว่าจะเปิดตัว Wei! TaiGuo อย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน หลังจากมี database ที่พร้อมมากแล้ว” พรรณอวิกาบอกว่า เธอมีเป้าหมายจำนวนสมาชิก 200 ล้านคนที่จะทรานสเฟอร์มาจากแพลตฟอร์มของพาร์ตเนอร์ เมื่อวันแรกที่เปิดตัวแอปยืนยันว่าทราฟฟิกไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือ อยากได้เอาต์เล็ตที่พร้อมมากขึ้นในไทย

    สิ่งสำคัญอีกประเด็นที่แม่ทัพดิจิลิ้งก์เน้นคือเรื่องความปลอดภัย เธอย้ำว่า แอปนี้จะช่วยทำให้คนจีนมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะปลอดภัยในการมาเที่ยวไทย เพราะมีแอปเป็นคู่มือที่ช่วยเหลือทุกอย่างและสามารถสื่อสารกับทีมงานผ่านแอปได้ หากมีปัญหาอะไรก็พูดคุยได้ ซึ่งจะต่อเนื่องไปถึงพาร์ตเนอร์ต่างๆ ด้วยว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นสามารถช่วยเหลือได้ “ปีที่แล้วเรามีการทำทดลอง collaborate กับพาร์ตเนอร์เพื่อทำให้ภาพลักษณ์ของไทยดียิ่งขึ้น มาไทยปลอดภัยแน่นอน”


ลุยสร้างแบรนด์ประเทศไทย

    นอกจากสร้างความเชื่อมั่นยังเดินหน้าสร้างแบรนด์ประเทศไทยต่อเนื่อง โดยพรรณอวิกาเผยว่า กำลังเตรียมงานและจะทำแกรนด์โอเพนนิ่งกับแบรนด์ชารายใหญ่ของจีนทำเป็นรสชาติของประเทศไทย เปิดตัวที่ Shanghai ด้วยรสชาติชาประเทศไทยออกมาจำหน่าย ซึ่งแบรนด์ชาเจ้านี้มีสาขาใน Shanghai ประมาณ 100 สาขา กระจายสินค้าอย่างทั่วถึง หลังจากนั้นจะมีพรีเซนเตอร์คนจีนที่คนไทยรู้จักดีสำหรับแนะนำประเทศไทยผ่านรสชาติชาเฉพาะตัว

    เธอบอกว่า ทุกอย่างเริ่มในเดือนพฤศจิกายนทั้งหมด “พรีเซนเตอร์ที่ไปคุยมาทุกคนตื่นเต้น กลุ่มมีเดียที่เราไปคุยมาก็ตื่นเต้นอยากเจอ” พรรณอวิกาบอกเล่าด้วยแววตาเป็นประกาย สะท้อนความรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ทำ “ทำงานกับจีนเยอะ ถึงเป็นผู้หญิงก็ไม่เป็นอุปสรรค แต่เป็นเสน่ห์ทำให้เราเข้าถึงได้ง่ายขึ้น พวกเขาเอ็นดู เข้าได้กับทุกคนเป็นข้อได้เปรียบ ยิ่งทุกคนดูว่าเราเด็กยิ่งให้ความช่วยเหลือ” เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้พรรณอวิกาทำงานร่วมกับทีมจีนได้อย่างราบรื่น ซึ่งเธอบอกว่า อีกเรื่องที่เหมือนกันคือ ต่างฝ่ายต่างทำงานเร็วเลยทำให้ทุกอย่างเดินหน้าได้ตามเป้า


    เสน่ห์อีกอย่างของเธอคือ การพูดภาษาจีนได้ ทำให้พรรณอวิกาสื่อสารกับทีมจีนได้ดี และด้วยการที่เรียนภาษาจีนมาตั้งแต่เด็กทำให้เข้าใจความเป็นจีนเป็นอย่างดี “เคยเรียนที่จีนตั้งแต่ปี 2551 จากนั้นปี 2561 ก็ได้ทำบริษัท ทำงานกับจีนมาตลอด มีพาร์ตเนอร์เป็นคนจีน” พรรณอวิกาเผยและออกตัวว่า ภาษาจีนของเธอสามารถคุยได้นิดหน่อย มีทีมงานอยู่ที่จีนช่วยให้งานเดินหน้าดี และยิ่งเป็นผู้หญิงทำให้มีคุณค่า (value)

    “องค์กรเราเป็นผู้หญิงเกือบทั้งหมด คนที่ทำงานด้วยก็เป็นผู้หญิง ตอนนี้ผู้หญิง lead เยอะมาก เพื่อนในจีนก็ขึ้นเป็น C-Level เป็น GM กันหมด ทำให้งานราบรื่นแบบผู้หญิงทำงาน” เข้าใจกันสื่อสารกันง่าย

    “เรามีบริษัท DigiLink ที่ Guangzhou, Shanghai ตอนนี้มี joint venture กับอีกบริษัทหนึ่งรวมแล้ว 150 คน” พรรณอวิกาเผยว่า หากนับทีมที่มาช่วยทำงานมีนับพันคน แต่ละคนทำงานเร็ว การทำงานกับจีน เช่น ประชุมเสร็จอีก 3 ชม. ได้งานมาเลย หรือบางคนบอกช้าหน่อยนะอาจส่งให้พรุ่งนี้ เป็นต้น

    เมื่อถามถึงความคาดหวังพรรณอวิกาบอกว่า ความฝันระยะสั้นอยากทำให้เหวยไท่กั๋วเกิด เพราะจะดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมาไทยได้แน่นอน “ปีนี้วางแผนว่าขั้นต่ำ 3 ล้านคนต้องได้จาก Wei! TaiGuo กลับเข้าไทยแน่นอน และจะเป็นนักท่องเที่ยวจีนคุณภาพ กลุ่ม FIT” เธอหมายถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางเองไม่ผ่านทัวร์

    จากความฝันระยะสั้นมองไประยะกลางและระยะยาว พรรณอวิกาบอกว่า จะเดินหน้าขยายธุรกิจดิจิลิ้งก์ไปประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เช่น เวียดนามและมาเลเซียเป็นเป้าหมายต่อไป หลังจากมีที่ไทยปีนี้เป็นปีที่ 9 ยังมีอินโดนีเซียและจีน ซึ่งในอนาคตดิจิลิ้งก์จะไม่ใช่แค่ digital marketing แต่จะทำงานต่อเนื่องในการดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้าไปในแต่ละประเทศ โดยทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัย มีเหวยไท่กั๋วเป็นเพื่อนเที่ยว อนาคตจะพัฒนาไปของแต่ละประเทศ

    ยังมีอีกหลายแง่มุมในความเป็นนักธุรกิจหญิงรุ่นใหม่ที่พรรณอวิกาบอกเล่าซึ่งเป็นรายละเอียดของการปฏิบัติ และสิ่งหนึ่งที่เธอทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจคือ การสร้างทีมงานคนรุ่นใหม่ เธอบอกว่า ในบริษัทมีแต่พนักงานรุ่นใหม่ ทุกคนทำงานเต็มที่ เข้าใจและเข้าขากันเป็นอย่างดีในแง่ของการทำงานเร็ว เข้าถึงเนื้องานจริง และเปิดรับโอกาสใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกคนเห็นด้วยกับเธอที่ว่า “โลกนี้ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้หากเราตั้งใจจริง มุ่งมั่น เผชิญทุกอุปสรรคไม่ย่อท้อ ความสำเร็จต้องมาถึงแน่นอน เชื่อว่าทุกคนทำได้ถ้าตั้งใจและทุ่มเทมากพอ” เธอเล่าทิ้งท้ายด้วยสีหน้าที่สดใสและแววตาที่มุ่งมั่นพร้อมเดินไปข้างหน้าอย่างเต็มกำลัง



ภาพ: วรัชญ์ แพทยานันท์, DigiLink Thailand



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : มิ้งค์ สระบุรี นักสนุกเกอร์หญิงไทยมือ 1 โลก

อ่านเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกันยายน 2568 ในรูปแบบ e-magazine