โลกอีกใบของ “อมร ทองธิว” ผู้บริหารหนุ่มทายาทรุ่น 3 “วิริยะพันธุ์” - Forbes Thailand

โลกอีกใบของ “อมร ทองธิว” ผู้บริหารหนุ่มทายาทรุ่น 3 “วิริยะพันธุ์”

แม้หน้าที่การงานด้านธุรกิจจะบีบรัด อมร ทองธิว ผู้บริหารหนุ่มทายาทรุ่น 3 “วิริยะพันธุ์” แต่เพราะตระหนักถึงคุณค่าของเนื้อหาในนิตยสารสารคดีและต้องการแบ่งปันไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ จึงเป็นที่มาของ Sarakadee Lite บนแพลตฟอร์มออนไลน์

เมื่อครั้งที่ยังเป็นนักศึกษา อมร ทองธิว มีงานอดิเรกและความสนใจที่หลากหลาย เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือและท่องเที่ยว เพราะเห็นว่าทั้งสองกิจกรรมนี้ช่วยเปิดโลกและเปิดมุมมอง ทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยอ่านทั้งแนววรรณกรรมและวิชาการ อ่านได้ทั้งเรื่องหนักๆ อย่างประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม ปรัชญา เศรษฐศาสตร์ และสังคมศาสตร์ ส่วนวรรณกรรมเป็นแนวอมตะและนิยายกำลังภายใน และชื่นชอบผลงานของโกวเล้งเป็นพิเศษ ส่วนดนตรีจะชื่นชอบแนวคลาสสิก หากมีโอกาสมักเข้าชมและฟังการแสดง Symphony Orchestra รวมทั้งแนวอัลเทอร์เนทีฟ เช่น วง Modern Dog, Scrubb และ Linkin Park เมื่อถามถึงงานอดิเรกในเรื่องเหล่านี้ เจ้าตัวตอบพร้อมกลั้วหัวเราะน้อยๆ ว่า “เยอะไปไหมครับ” และว่า หลังจากมาทำงานประจำก็ไม่ค่อยมีเวลาทำกิจกรรมข้างต้น บวกกับต้องแบ่งเวลาให้กับลูกๆ วัย 1 และ 3 ขวบ หนังสือที่ยังอ่านอยู่บ้างจะเป็นแนวที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ เพื่อนำความรู้มาเสริมในการทำงาน นอกจากตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ของวิริยะประกันภัยแล้ว อมรยังเป็นบรรณาธิการอำนวยการนิตยสารสารคดี และผู้ริเริ่มก่อตั้งเว็บไซต์ Sarakadee Lite ที่เพิ่งมีอายุครบ 1 ปี เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือ บจ. วิริยะธุรกิจ Forbes Thailand ผู้บริหารหนุ่มบอกว่า ได้เข้ามาดูแลธุรกิจนิตยสารเต็มตัวประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา สำหรับสาเหตุที่มาเปิดเว็บไซต์สารคดีไลท์ เพราะมองว่าคนรุ่นใหม่ยังสนใจคอนเทนต์ความรู้ต่างๆ เพียงแต่อาจต้องปรับแพลตฟอร์มเพื่อให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนอ่าน ส่วนนิตยสารก็ยังผลิตเนื้อหาเชิงลึกเพื่อตอบโจทย์ผู้อ่านที่ชอบอ่านในรูปแบบนิตยสาร มีเวลาละเลียดอ่านบทความพลิกดูรูปภาพ ซึ่งแต่ละเรื่องมีความยาว 5-10 หน้า  
  • ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ด้วย Sarakadee Lite
“เราเชื่อในว่า content ที่ดี มีความถูกต้องของข้อมูล อย่างไรก็มีคนอยากอ่าน สังเกตได้ว่าคนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้อ่านหนังสือที่มีเนื้อหาหนักๆ เช่น ปรัชญา สังคม การเมือง...content ในตลาดมีเดียยังไม่มีคนจับตรงนี้มาก และสารคดีเป็นคนจับเรื่อง knowledge เป็นแบรนด์ที่เข้มแข็ง ถ้าคนรู้จักก็อยู่ในใจแต่การที่ยังไม่กว้างมากจะมีอะไรเสริมได้ ก็มองว่าต้องไปทางออนไลน์ ตีโจทย์กันว่าแล้วมันจะ positioning อย่างไร สุดท้ายเป็นสารคดีไลท์ เป็น knowledge ทางออนไลน์ นำสารคดีซึ่งเป็นความรู้และทำเป็นนิตยสารมาหลายสิบปีมาเล่าใหม่ให้สั้นและสนุก คอนเซ็ปต์คือ fun knowledge” หากต้องการข้อมูลที่ลึกซึ้งกว่านั้นก็ไปตามอ่านต่อในนิตยสาร มีห้องสมุดนิตยสารสารคดีออนไลน์ซึ่งเป็นคลังความรู้ที่นิตยสารทำมาเกือบ 40 ปี ทั้งด้านประวัติศาสตร์ สังคม วัฒนธรรมไทย Sarakadee Lite นำเสนอบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่มาของเนื้อหาแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกใช้ฐานจากนิตยสารสารคดีนำมาย่อยใหม่ให้อ่านง่าย เสพง่าย เพื่ออ่านได้สั้นๆ บนโทรศัพท์มือถือเนื้อหาอีกส่วนทีมงานผลิตขึ้นใหม่ในรูปแบบคอนเทนต์ วิดีโอคลิปกลุ่มเป้าหมายคือ นักศึกษา คนรุ่นใหม่ คนวัยทำงานอายุ 20-35 ปี “เราตั้งทีมใหม่ขึ้นมา ซึ่งมีความเข้าใจการนำเสนอทางออนไลน์ว่า เขียนอย่างไรให้สั้นกระชับ แต่ core ยังอยู่ เวลาเขียนต้องมองว่าการจะมีตัวตนในออนไลน์ต้องจับกระแสปัจจุบันให้ได้ว่าตอนนั้นเขาสนใจอะไร โดยเอาความรู้จากนิตยสารสารคดีมาเขียน นอกจากนั้นไปสัมภาษณ์ ทำวิดีโอเพิ่มเพื่อให้สนุกขึ้น ตัว content ที่เขาเขียนตอนแรกก็หวั่นๆ ว่าของเดิมจะได้ไหมปรากฏว่ามันเป็น fact ซึ่งไม่ตายนะ แค่มาถ่ายภาพหรือทำคลิปเพิ่มนิดหน่อยก็ใช้ได้ Forbes Thailand ตัวอย่างเช่น เราดูซีรีส์เกาหลี Crash Landing on You ก็เล่าในมุมของเส้น 38 องศาเหนือ ประวัติศาสตร์สงครามบนคาบสมุทรเกาหลีเหนือ หรือไขรหัสประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า ทำไมถึงได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เป็นกลางทางการเมืองที่เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้มายืนคุยกันได้ “ผ่านมา 1 ปี ตัวยอด like ยอด follow ไปได้...มีคนติดตามอ่าน เรามีหลาย platform ไอจี ทวิตเตอร์ด้วย เด็กก็ตามมาอ่านเนื้อหาความยาว 3-5 นาที เขาก็อ่านกันเมื่อก่อนเคยได้ยินว่าเด็กอ่านหนังสือน้อยไม่จริงนะ ถือว่าเราก็ประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง” เป้าหมายต่อไปของผู้บริหารหนุ่มคือ การขยายกลุ่มผู้อ่านให้มีการเชื่อมระหว่างกลุ่มผู้อ่านนิตยสารและสารคดีไลท์ให้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น พอนิตยสารเล่มใหม่ออกวางแผงก็ให้สารคดีไลท์มารีวิว เนื่องจากผู้อ่านคนละกลุ่มกัน อยากลองดูว่าผู้อ่านในออนไลน์จะสนใจอ่านแบบเป็นเล่มที่มีสาระหนักๆ บ้างหรือไม่ พ้นจากเวลาทำงานคือ การดูแลสุขภาพและครอบครัว อมรออกกำลังกายด้วยการวิ่งที่สวนลุมพินีสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 2.5 กิโลเมตรหรือ 1 รอบสวนลุมฯ ในช่วงเย็นหลังเลิกงานส่วนวันหยุดเป็นเวลาของครอบครัว หากมีโปรแกรมเที่ยวก็เน้นกิจกรรมของลูกๆ เช่น พาไปเที่ยวสวนสัตว์     อ่านเพิ่มเติม:
คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ในรูปแบบ e-magazine