นักธุรกิจหญิงแห่งแวดวงบูทีคโฮเทลระดับลักชัวรี่ของเมืองไทย ก่อตั้ง Pure Blue Foundation ปลุกปั้นโครงการอนุรักษ์ธรรมชาติท้องทะเล ดูแลชุมชน ควบคู่กับการขยายธุรกิจให้ก้าวหน้า
ทะเลสีครามเป็นดั่งโลกอีกใบที่สร้างความสุขและความผ่อนคลาย ส่วนเสียงคลื่นที่ม้วนตัวกระทบชายหาดก็เปรียบเสมือนดนตรีที่ขับกล่อมให้เกิดความรื่นรมย์ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ อัญชลิกา กิจคณากรกรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท อัคริณโฮเทลกรุ้ป จำกัด (AHG) สร้างและรับบริหารโรงแรมภายใต้แบรนด์ Aleenta และ akyra รวม 5 แห่ง ซึ่ง 3 แห่งตั้งอยู่บนทำเลติดชายหาดทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ขณะเดียวกัน อัญชลิกาก็ไม่ลืมที่จะร่วมดูแลความงดงามของธรรมชาติ ผ่าน Pure Blue Foundationที่เธอวางให้ทุกโรงแรมของ AHG ต้องมีกิจกรรมของมูลนิธิเป็นดัชนีชี้วัดผลการดำเนินงาน (KPI) ทุกปี อาทิ ดูแลชายหาด อนุรักษ์เต่าทะเล ช่วยเหลือโรงเรียนในพื้นที่พร้อมกับรับนักเรียนการโรงแรมจากประเทศภูฏานมาฝึกปฏิบัติงานจริง โดยนำเงินหลักล้านบาทมาลงกับกิจกรรมต่างๆ อย่างจริงจัง “มูลนิธิไม่ใช่สิ่งที่ทำเงิน เพราะฉะนั้นต้องอยู่ที่ใจของแต่ละทีมโชคดีที่ทุกคนช่วยกันเต็มที่จนมาถึงวันนี้” อัญชลิกา วัย 45 ปี นักธุรกิจผู้ทำประโยชน์แก่สังคม ซึ่งมีรายชื่อติดในรายงาน “40 Heroes of Philanthropy 2015” ของนิตยสาร Forbes Asia กล่าว ผู้ก่อตั้ง AHG นัดพบ Forbes Thailand ที่ akyra Thonglor Bangkok ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกในกรุงเทพฯ ที่เธอรับบริหาร โดยเจ้าของใช้งบ 200-300 ล้านบาทปรับปรุงจาก Pan Pacific Serviced Suites ให้เป็นโรงแรมใหม่จำนวน 148 ห้อง เนื่องจากเห็นศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจโรงแรมในย่านทองหล่อและใกล้เคียง พร้อมวางแผนรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม FIT (Free Individual Traveler-นักท่องเที่ยวที่เดินทางและเข้าพักเองลำพัง) นอกเหนือจากนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่เข้าพักระยะยาวและกลุ่มลูกค้าองค์กร “เรามองหาพื้นที่ทำโรงแรมในกรุงเทพฯ มานานแล้ว เมื่อเจ้าของโครงการติดต่อมาจึงไม่ลังเลเพราะมั่นใจในสถานที่และมั่นใจในทีม” ผู้บริหารหญิงเผย ซึ่งนับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2559 โรงแรมมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยถึง 95% หลังจบปริญญาตรีด้านการตลาดจาก University of Texas และ ปริญญาโทด้านธุรกิจระหว่างประเทศจาก University of South Carolina สหรัฐอเมริกา อัญชลิกาก็ทำงานด้านการเงินที่ GE Capital ทั้งในสิงคโปร์ สหรัฐฯ และอังกฤษ รวมแล้วราวสิบปี จากนั้นย้ายไป Honeywell บริษัทชั้นนำด้านอุตสาหกรรมการค้า รับตำแหน่งผู้บริหารหน่วย ธุรกิจดูแลทั่วภาคพื้นยุโรปประจำสำนักงานที่เบลเยียมอยู่ราว 2 ปี เมื่อการเป็นฟันเฟืองขององค์กรไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป หญิงสาวในวัยราว 30 ปีจึงลาออกและกลับเมืองไทยเพื่อสร้างธุรกิจ โดยอิงกับความรักในการท่องเที่ยวที่เธอมักเสาะหาที่พักเล็กๆ แต่อบอุ่น และอวลด้วยกลิ่นอายของท้องถิ่น ซึ่ง “บูทีคโฮเทล” ตอบโจทย์มากสุด แม้ขณะนั้นที่พักแบบดังกล่าวจะยังไม่ค่อยเป็นที่คุ้นเคยในไทยก็ตาม อัญชลิกาทุ่มงบราว 20 ล้านบาท สร้าง Aleenta Hua Hin Resort & Spa บนพื้นที่ 1 ไร่ของครอบครัวติดชายทะเลปราณบุรี จ. ประจวบคีรีขันธ์ และเปิดตัวในปี 2546 ออกแบบที่พักให้รับกับบรรยากาศทะเลความเป็นส่วนตัวและการให้บริการชั้นเยี่ยม ทำให้ได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวจากยุโรปอย่างรวดเร็ว จากนั้นปี 2549 ก็เปิดตัว Aleenta Phuket Resort & Spa บนที่ดินกว่า 10 ไร่ติดชายทะเลพื้นที่หาดนาใต้ ต. โคกกลอย อ. ตะกั่วทุ่ง จ. พังงา ด้วยงบลงทุน หลายร้อยล้านบาท ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความสวยงามของทะเลอันดามัน หากแบรนด์ Aleenta คือความเงียบสงบและเรียบง่ายแบบลักชัวรี่แบรนด์ akyra ก็คือความมีชีวิตชีวาและสีสัน ราวปี 2555 อัญชลิกามุ่งหน้าสู่เมืองเหนือ รับบริหาร akyra Manor Chiang Mai บนเนื้อที่เกือบ 1 ไร่ในซอยนิมมานเหมินท์ 9 จ. เชียงใหม่ เนื่องจากผู้ลงทุนคือ Manor Group เชื่อมั่นในการบริหารจัดการธุรกิจโรงแรมอย่างมีประสิทธิภาพของอัญชลิกาที่สร้างชื่อได้ในระดับสากล AHG ลงทุนสร้างโรงแรมขึ้นอีกแห่งคือ akyra Beach Club อยู่ไม่ไกลจาก Aleenta Phuket เปิดให้บริการไปเมื่อเดือนมีนาคมปีนี้ ส่วนปลายปีอัญชลิกาจะเปิดตัว akyra Sukhumvit ในซอยสุขุมวิท 20 ซึ่งเป็นแห่งล่าสุดที่รับบริหาร และยังลงนามในสัญญารับบริหารโรงแรมขนาด 300 ห้องภายใต้แบรนด์ akyra ที่เมือง Hội An ประเทศเวียดนาม คาดว่าจะเปิดตัวได้ในปี 2562 ปีนี้บริษัทคาดการณ์รายได้ที่ 70 ล้านบาท หลักๆ มาจาก Aleenta Phuket และ akyra Thonglor ด้านสัดส่วนการลงทุนเองกับการรับบริหารอยู่ที่ 40 : 60 คงธรรมชาติ-สร้างสุขชุมชน “เรารักในที่ที่ไป อย่างชายทะเลที่ปราณบุรีก็ไปมาตั้งแต่เด็ก เมื่อทำที่พักเราก็เกรงว่าถ้านักท่องเที่ยวเข้าไปแล้วจะเละไหม ธรรมชาติและคนแถวนั้นจะเป็นอย่างไร เราตั้งใจว่าจะไม่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ทำอย่างไรให้ทุกอย่างดีขึ้นหรืออย่างน้อยก็เสมอตัว จึงทำโครงการตั้งแต่ต้น” ผู้ก่อตั้ง AHG เล่าถึงที่มาของ Pure Blue Foundation ที่ดำเนินการตั้งแต่สร้าง Aleenta Hua Hin ก่อนจดทะเบียนก่อตั้งมูลนิธิอย่างเป็นทางการในปี 2553 นับถึงปัจจุบันใช้เงินไปแล้วกว่า 1.5 ล้านบาท ในการทำโครงการหลากหลาย อาทิ การอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล การใช้ทรัพยากรต่างๆ ภายในโรงแรมให้เกิดประโยชน์สูงสุด การทำทำแนวปะการังเทียมสร้างสมดุลให้ระบบนิเวศ และการอนุเคราะห์เด็กๆ ในพื้นที่ทางด้านการศึกษาและการปลูกจิตสำนึก ไม่เพียงช่วยเหลือผู้คนท้องถิ่นให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่อัญชลิกายังมอบโอกาสครั้งใหญ่ให้เยาวชนชาวภูฏานหลายสิบชีวิตได้มีทักษะอาชีพติดตัวอีกด้วย อัญชลิกาเดินทางไปภูฏานเมื่อ 4-5 ปีก่อนเพื่อดูลู่ทางการทำธุรกิจโรงแรม แม้ยังไม่ใช่จังหวะเหมาะแต่ก็ทำให้ได้พบกับ Lama Shenphen Zangpo ที่อุทิศตนช่วยเหลือเยาวชนผู้ด้อยโอกาสและติดยาเสพติด นำไปบำบัดจนเลิกได้แล้วก็ส่งเข้าเรียนที่ Royal Institute for Tourism and Hospitality (RITH) ซึ่งเป็นสถาบันการโรงแรมแห่งแรกของภูฏาน “ตอนนั้นมีเด็กจบมา 20 กว่าคน แต่ยังไม่มีประสบการณ์ทำงานจริง ท่านก็บอกว่าช่วยรับไปฝึกหน่อยได้ไหม เราบอกขอรับ 2-3 คน แต่เด็กๆ ยกมือบอกว่ารับหมดเลยได้ไหม ในใจคิดว่าไม่น่ามีปัญหาเพราะรู้จักคนเยอะ ปรากฏกลับถึงกรุงเทพฯ ติดต่อใครไม่ได้ เลยต้องรับเองหมดเพราะรับปากไว้แล้ว” อัญชลิกาเล่ากลั้วหัวเราะ Pure Blue Foundation ยังเดินหน้าแบ่งปันกับสังคมอย่างต่อเนื่อง เช่นปลายปีที่แล้ว akyra Manor Chiang Mai เป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมประมูลภาพเขียนของศิลปินชาวเชียงใหม่ และภาพเขียนของนักศึกษาจาก คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำรายได้ไปช่วยเหลือโรงเรียนบ้านปางไฮ ใน อ. แม่ริม ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก มีนักเรียนเป็นลูกหลานชาวเขาเผ่าม้ง แม้จะยังไม่มีหน่วยงานหรือบริษัทใดเข้ามาช่วยเสริมแรง แต่อัญชลิกาก็ไม่ท้อและแน่วแน่ กับการดูแลธรรมชาติและชุมชนโดยรอบควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจบูทีคโฮเทลระดับลักชัวรี่ที่เธอรัก “ถามว่าเหนื่อยไหมก็เหนื่อย ถ้ามีเวลาเยอะกว่านี้ก็อยากทำให้ได้มากกว่านี้ค่ะ” ผู้ก่อตั้ง Pure Blue Foundation เอ่ยอย่างมุ่งมั่นคลิกเพื่ออ่าน "อัญชลิกา กิจคณากร อาสาคืนธรรมชาติสู่ท้องทะเล" จาก Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2560 ในรูปแบบ e-Magazine