ในปัจจุบัน (ณ ธันวาคม 2558) บมจ.การบินกรุงเทพ ให้บริการด้วยเครื่องบิน ATR 72-500 ขนาด 70 ที่นั่ง จำนวน 8 ลำ ATR 72-600 ขนาด 70 ที่นั่งจำนวน 1 ลำ จากประเทศฝรั่งเศส เครื่องบิน Airbus 320 ขนาด 162 ที่นั่ง จำนวน 8 ลำ เครื่องบิน Airbus 319 ขนาด 144 ที่นั่ง จำนวน 2 ลำ Airbus 319 ขนาด 138 ที่นั่งจำนวน 4 ลำ Airbus 319 ขนาด120 ที่นั่ง (ชั้นธุรกิจ 12 ที่นั่ง) จำนวน 4 ลำ รวมเป็น 27 ลำ
นอกจากนี้ โจทย์ที่ผู้นำแห่ง Bangkok Airways มุ่งให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือ การวางโครงข่ายเส้นทางบินอันสอดคล้องกับความนิยมของผู้โดยสารที่เลือกบินตรงไปเมืองอื่นๆ แทนการเดินทางผ่านเมืองหลวงเช่นในอดีต ควบคู่ไปกับเน้นการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่ทำ code sharing ให้มากขึ้น เพื่อให้สุดท้ายยังคงความเป็น The Best of Asia ทั้งในแง่ชื่อเสียง ความเป็นที่นิยม และผลตอบแทนที่ให้กับผู้เกี่ยวข้อง
“แต่เราก็ไม่ขยายแบบผลีผลาม จึงยังตอบไม่ได้ว่าจะครบทั้งหมดภายในเมื่อใด” กัปตันพุฒิพงศ์กล่าวถึงแผนขยายธุรกิจอีกว่าล่าสุดจะเริ่มให้บริการจุดหมายใหม่คือเมือง Da Nang (ดานัง) ประเทศเวียดนาม ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2559 ภายในปีนี้ Bangkok Airways จึงมีอีก 3 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย บรูไน และฟิลิปปินส์ที่ยังไม่มีเส้นทางบินไป
แม้จะมีช่วงที่ต้องสะดุดหลุมอากาศหลายต่อหลายครั้ง แต่ กัปตันพุฒิพงศ์ในฐานะทายาทผู้ได้รับมอบหมายให้ดูแลธุรกิจสายการบินของครอบครัวปราสาททองโอสถ ยังสามารถคงสถานะตัวเลขผลประกอบการของ บมจ.การบินกรุงเทพ ให้มีผลกำไรอย่างต่อเนื่อง “ตั้งแต่เราเข้าตลาดมา สามารถทำกำไรได้ทุกไตรมาสและมี Market Cap ราว 5 หมื่นล้านซึ่งใหญ่มากจนผมเองก็ยังตกใจ” กัปตันพุฒิพงศ์ กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
สำหรับในปีนี้กัปตันพุฒพงศ์ เชื่อมั่นว่าทิศทางธุรกิจสายการบินก็น่าจะมีแนวโน้มดีกว่าสองปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากที่เข้าสู่การเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่ปลายปี 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะส่งเสริมให้มีการเดินทางระหว่างประเทศต่างๆ ในภูมิภาคได้สะดวกยิ่งขึ้นและการขยายธุรกิจระหว่างประเทศต่างๆ ใน AEC ก็จะยิ่งทำให้มีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการสายการบินมากขึ้นตามมา “เราไม่มีคู่แข่งที่ชนกัน 100% เหมือนกลุ่มสายการบิน low cost เพราะเราฉีกตัวออกมาสร้างแนวทางของตัวเอง”
Bangkok Airways พร้อมย้ำที่จะคงจุดยืนความเป็น boutique airline ที่เน้นเรื่องการบริการอย่างมีคุณภาพทั้งบนเครื่องบินและภาคพื้นดิน ณ สนามบิน
“ผมวางคอนเซ็ปต์ boutique airline เพื่อสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในตลาด เรามองว่าตลาดที่คนเดินทางอย่างมีความมั่นใจ มีคนดูแล และสบายใจ ผู้โดยสารกลุ่มนี้น่าจะยังมีอยู่ เราจึงพยายามเน้นการบริการ และการให้ความช่วยเหลือในกรณีต่างๆ อาทิ เรื่องการต่อเที่ยวบิน การเช็คทรูกระเป๋า เราก็ให้บริการช่วยเหลือจนเขาสามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้”
สุดท้ายแล้วเส้นทางที่ บมจ.การบินกรุงเทพ เลือกนั้นจะส่งให้บริษัทครองน่านฟ้าธุรกิจสายการบินและไต่ระดับขึ้นสูงได้ดังหวังหรือไม่ ส่วนหนึ่งคงต้องขึ้นกับฝีมือการบังคับของกัปตันพุฒิพงศ์ ทายาทแห่งตระกูลปราสาททองโอสถผู้มุ่งจะทำให้ดีที่สุดอย่างเสมอมา
ภาพ: ฐิระวิชญ์ ล้อเลิศรัตนะ
คลิ๊กอ่านฉบับเต็ม "พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ พา BA ครองน่านฟ้าอุษาคเนย์" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ MARCH 2016 ได้ในรูปแบบ E-Magazine


