“สุทิน-วิจิตรา สุขะมงคล” ได้ก่อตั้งพัฒนายนต์ชลบุรี (Patco Group) เริ่มต้นด้วยการจำหน่ายเครื่องยนต์การเกษตร เครื่องเรือประมง ปัจจุบันได้ส่งต่อธุรกิจสู่ทายาทรุ่น 2 โดยวิจิตรายังคงให้คำปรึกษาในฐานะประธานบริษัท และร่วมตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ
วิจิตรา สุขะมงคล ประธานบริษัทในเครือ แพทโก้ สตรีสูงวัยที่ดูเฉียบแหลมด้านความคิด ยังคงบุคลิกผู้นำชัดเจน เด็ดขาดตรงไปตรงมาแม้ปีนี้เธอจะมีอายุ 81 ปีแล้ว และวางมือจากการบริหารงานรายวันมาตั้งแต่อายุ 79 ปี แต่วันนี้ ยังคงบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับที่ดินธุรกิจที่เธอชอบและทำควบคู่ธุรกิจหลักมาโดยตลอด “คุณแม่เริ่มซื้อที่ดินแปลงแรกตอนอายุ 17 ปี” บุตรชายคนโตของเธอเล่าอย่างภูมิใจในตัวมารดา ทีมงาน Forbes Thailand จึงเริ่มต้นด้วยคำถามว่า ทำไมเธอจึงสนใจเรื่องที่ดินทั้งที่ธุรกิจหลักคือ การขายเครื่องยนต์การเกษตร “9 ขวบครึ่งก็พายเรือไปซื้อของจากตลาดบางพลีน้อยมาขายที่ตลาดหอมสิน ต่อมาอายุ 17 ปีก็เป็นผู้จัดการร้านชัยเจริญยิ่งบางพลีน้อย (ธุรกิจกงสีของครอบครัว) กิจการเป็นไปด้วยดีจาก 2 ห้องขยายเป็น 8 ห้องและได้ทำกิจการโรงสี รับซื้อข้าว ฟาร์มไก่ไข่ และอุปกรณ์การเกษตร ภายหลังแต่งงานเมื่อปี 2511 จึงไปช่วยกิจการของสามีที่จังหวัดชลบุรี ที่ทำโรงเจียรคว้านและตั้ง หจก. ชลบุรีพัฒนายนต์ ตั้งแต่ปี 2508 เราขายของเยอะขึ้น ทำรถไถ ทำเครื่องยนต์คูโบต้า ยันม่าร์ เครื่องเรือประมง เป็นรายใหญ่เครื่องจักรกลการเกษตรของภาคตะวันออก” วิจิตราตอบคำถามทีมงานด้วยจุดเริ่มต้นธุรกิจ ซึ่งทำให้เห็นภาพว่าเธอมีหัวการค้าตั้งแต่อายุเพียง 9 ขวบครึ่งหลังจบการศึกษาระดับ ป. 4 ต่อมาควบคู่การขยายกิจการ เธอได้เรียนหลักสูตรต่างๆ มากมาย อาทิ รัฐศาสตร์ประยุกต์จากสมาคมรัฐศาสตร์แห่งประเทศไทยในปี 2519 วิจิตราสนุกกับการเรียนมาก อายุ 70 ปี ยังไปเรียนปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงด้วยตนเอง และจบการศึกษาในปี 2555 แม้ก่อนหน้านั้นเธอได้รับปริญญาดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จาก Kensington University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากการทำธุรกิจตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 50 ปี และยังได้รับปริญญามหาบัณฑิตและดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์คณะบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ในปี 2553 และ 2560 “เรื่องที่ดินมีความชอบอย่างไร” ทีมงานยังคงย้ำคำถามเดิมเพราะทราบมาว่า แพทโก้ กรุ๊ป ถือครองที่ดินในภาคตะวันออกไว้ค่อนข้างมาก ที่ตั้งศูนย์การค้าเมกาบางนาส่วนหนึ่งก็เป็นที่ดินของครอบครัวสุขะะมงคลยังไม่รวมที่ดินนับหมื่นไร่ที่สะสมไว้ในพื้นที่ภาคตะวันออก ทั้งชลบุรี สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา ริมถนนบางนา-ตราดกว่า 1,000 ไร่ และยังมีที่ดินอีกมากที่ถือครองและใช้ประโยชน์ตามความเหมาะสม เช่น ทำการเกษตรต่างๆ ในหลายภาค ทั้งเชียงใหม่ ปัตตานี สงขลา อุบลราชธานี ปราจีนบุรี และสระแก้ว “การสะสมที่ดินดีกว่าสะสมเงินสด เพราะที่ดินราคาเพิ่มขึ้นทุกวัน ที่ดินเราซื้อขายเยอะมีคนติดต่อมาเราก็ซื้อ ไม่ได้ออกไปกว้านซื้อมีลูกน้องไปดูเราค่อยพิจารณาเรื่องทำเลเพื่อซื้อแล้วมีมูลค่าเพิ่ม เมื่อก่อนราคาไม่สูงมากไร่ละหมื่น เคยซื้อได้ถูกสุดไร่ละพันบาทแถวบางเพรียง เดี๋ยวนี้ไร่ละ 4 ล้าน ที่ดินซื้อรวมๆ แล้วก็ราว 20,000 ไร่” วิจิตราเล่าคร่าวๆ “บางทีเขาก็เอาโฉนดเรามาขายเรา” เรื่องขำๆ ที่ตอกย้ำความเป็นเจ้าที่ดินของประธานแพทโก้ ซึ่งสนุกกับการซื้อขายที่ดินและยังคงทำมาจนถึงปัจจุบัน วิจิตราเริ่มทำอสังหาฯ ที่เขาสามมุขเมื่อปี 2531 มื่อมีคนมาขายที่ให้ 100 กว่าไร่ไร่ละ 80,000 บาท เธอนำมาพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ขายไม่ถึงล้าน บางหลังล้านกว่าบาท เพียง 6 เดือนก็ขายหมดกว่า 200 หลัง และต่อมาได้ซื้อที่ดินเพิ่มกว่า 70 ไร่ ขยายโครงการ “หมู่บ้านสามมุขธานี” ถือเป็นโครงการบ้านจัดสรรเอกชนโครงการแรกๆ ของจังหวัดชลบุรีและฉะเชิงเทรา จากนั้นเธอหันกลับมาโฟกัสธุรกิจหลักการขายเครื่องยนต์อุตสาหกรรมและการเกษตร ฟาร์มไก่ และค้าขายพืชไร่ สร้างอาณาจักรเติบโตถึงปัจจุบัน เธอบอกว่าค้าขายกับเกษตรกรต้องใจกว้างและรอได้ “อาชีพนี้ใจต้องกว้าง 3 ปีดี 4 ปีร้าย แต่ชาวประมงซื่อสัตย์มีก็จ่าย เราให้เขาผ่อนทั้งหมดไม่มีซื้อสดเลยทำมาถึงปัจจุบัน” หลักคิดของวิจิตราในการทำธุรกิจที่เน้นความซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา เธอฝากหลักคิดนี้ให้กับทายาทรุ่น 2 และ 3 ว่า “ถึงแม้โลกจะก้าวหน้าไปแค่ไหน ความซื่อสัตย์ยังคงสำคัญและจำเป็นเสมอ”คลิกอ่านฉบับเต็ม “LAND BILLIONAIRE สุขะมงคล” และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2563 ในรูปแบบ e-magazine