วิน-เมธวิน นักแสดงหนุ่มผู้ใช้ “หัวใจนำทาง” สร้างชื่อเสียงและธุรกิจให้เติบโต - Forbes Thailand

วิน-เมธวิน นักแสดงหนุ่มผู้ใช้ “หัวใจนำทาง” สร้างชื่อเสียงและธุรกิจให้เติบโต

วิน-เมธวิน นักแสดงดาวรุ่งที่มีฐานแฟนคลับคอยสนับสนุนผลงานเป็นจำนวนมากทั้งในไทยและต่างประเทศ นอกเหนือจากการประสบความสำเร็จและโด่งดังในวงการบันเทิงในระยะเวลาอันรวดเร็ว เขายังสามารถจัดสรรเวลามาทำธุรกิจสร้างแบรนด์ให้เติบโตได้ โดยทั้งหมดมาจาก passion และการมีใจรักในทุกๆ สิ่งที่เลือกทำ


    ทีมงาน Forbes Thailand มีโอกาสได้สัมภาษณ์พิเศษ วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร นักแสดงหนุ่มหล่อจากค่ายดัง GMMTV ด้วยหน้าตาอันหล่อเหลารวมถึงความสามารถและภาพลักษณ์ที่ดูดี วินถือเป็นนักแสดงไทยคนแรกที่มีอายุไม่เกิน 30 ปี ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 30 บุคคลดาวรุ่งของเอเชียสาขาวงการบันเทิงและกีฬาจากการจัดอันดับของฟอร์บส์ "Forbes 30 Under 30 Asia" ปี 2023 ซึ่งปัจจุบันเขาอายุ 24 ปี (เกิดวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2542) 

    “ดีใจมากๆ เลยครับ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีรายชื่อติดอยู่ในการจัดทำข้อมูลของ Forbes Asia ผมถือว่าเป็นเกียรติมากๆ และยิ่งเป็นแรงผลักดันสร้างกำลังใจให้ผมต้องเดินหน้าพัฒนาตัวเองต่อไปได้อีก” วินบอกด้วยรอยยิ้มละมุนละไมและท่าทีที่ดูสบายๆ เป็นกันเองก่อนจะเริ่มให้สัมภาษณ์แบบ Exclusive อย่างเป็นทางการภายในห้องสตูดิโอของตึกทำงานในย่านอโศก



ชื่อเสียง ความสำเร็จ เหรียญมักมี 2 ด้าน

    Forbes เปิดประเด็นคำถามแรกด้วยประโยคที่ว่า ชื่อเสียง ความสำเร็จ เปรียบเสมือนเหรียญที่มี 2 ด้านเสมอ วินมีความคิดเห็นเช่นไร? วินพยักหน้ายิ้มรับแล้วตอบคำถามจากประสบการณ์การทำงานที่เขาได้เรียนรู้และเข้าใจว่า เรื่องชื่อเสียงหรือความสำเร็จนั้นมันเหมือนเหรียญที่มี 2 ด้านจริงๆ ตามที่หลายคนเคยบอกซึ่งก็คือ มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่เราจะต้องรู้จักรักษาและระมัดระวังกับการใช้ให้ถูกทางมากๆ 

    ในส่วนของข้อดี คือ การที่เราได้เป็นตัวของตัวเองเลือกทำในสิ่งที่ดีไม่เดือดร้อนคนอื่น พอคนอื่นได้เห็นรูปแบบสิ่งที่เราเป็นเขาก็อยากนำเอาด้านดีๆ ของเราไปปรับใช้กับตัวเอง รวมถึงชื่อเสียงของเราสามารถเป็นกระบอกเสียงช่วยเหลือคนอื่นๆ ในสังคมได้

    วินยังบอกเล่าให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นด้วยการยกตัวอย่าง เช่น เรื่องของการบริจาคช่วยเหลือสังคมในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งถ้าเขาไม่มีชื่อเสียงในวงการ การช่วยเหลือคนอื่นก็อาจจะทำได้เพียงเล็กน้อย แต่พอมีชื่อเสียงที่มากขึ้นเขาสามารถสร้างพาวเวอร์ในการรวมพลังกับกลุ่มแฟนคลับหรือคนอื่นๆ ในการร่วมรับบริจาคเงินหรือสิงของเพื่อช่วยเหลือสังคมให้เป็นวงกว้างได้มากขึ้นกว่าเดิม 

    อีกทั้งการมีชื่อเสียงยังส่งผลดีต่อเหล่าคนวงการบันเทิงในการดำเนินธุรกิจ เพราะสามารถสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มลูกค้าหรือผู้บริโภคได้ง่ายและรวดเร็วมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป แต่ทั้งนี้การเป็นดาราคนดังที่มีชื่อเสียงก็ไม่ได้การันตีว่าจะทำธุรกิจได้สำเร็จ 

    ส่วนในแง่ของข้อเสียนั้น การเป็นคนดังที่มีชื่อเสียงมักจะถูกผู้คนและสังคมจับจ้องได้ง่ายกว่าและหากทำอะไรผิดพลาดมาก็อาจจะโดนผู้คนในสังคมวิพากษ์วิจารณ์มากกว่าคนทั่วไป ดังนั้นเราจึงต้องคอยระมัดระวังดูแลตัวเองเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเหล่าบรรดาแฟนคลับและกลุ่มคนที่ชื่นชอบในผลงานของเราด้วย

    พูดถึงเรื่องชื่อเสียงที่เปรียบเสมือนเหรียญมี 2 ด้านกันไปแล้ว นักแสดงหนุ่มหน้าหวานยังเผยถึงแนวทางการทำงานที่จะต้องทำให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายด้วยว่า ก่อนจะลงมือทำอะไร เขาจะต้องมีเป้าหมายในสิ่งนั้นให้ชัดเจนก่อน หลังจากนั้นค่อยมาดูรายละเอียดเพิ่มเติมว่ามันพอจะมีทางไหนบ้างที่จะพาไปสู่จุดหมายที่ตั้งเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ควรมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ กับทุกๆ โอกาสที่ผ่านเข้ามา และต้องตั้งใจทำงานทุกอย่างให้เต็มที่เพราะเมื่อเวลาหรือโอกาสเหล่านั้นผ่านไปแล้วจะได้ไม่มานั่งเสียใจภายหลังว่าทำไมตอนนั้นเราถึงไม่ตั้งใจและทำสิ่งเหล่านั้นออกมาได้ไม่ดี


เรียนรู้ ปรับปรุง พัฒนาตนเองเสมอ

    ย้อนกลับไปที่ผลงานการแสดงเรื่องแรกของ วิน-เมธวิน ซึ่งเป็นซีรี่ส์วายเรื่อง “เพราะเราคู่กัน 2gether The Series” โดยเล่นคู่กับ “ไบร์ท วชิรวิชญ์” ที่ออกฉายในปี 2563 ผลงานชิ้นนี้ได้รับการกล่าวขวัญถึงเป็นอย่างมากจนทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังภายในระยะเวลาอันรวดเร็วและยังกลายมาเป็นกระแสคู่จิ้นสุดฮอตระดับท็อปของวงการบันเทิง 

    วินเล่าให้ฟังว่าเขาได้ปรึกษาพูดคุยกับคุณพ่อเยอะมากๆ และยังยกย่องให้พ่อเป็นไอดอลแบบอย่างในเรื่องของการทำงาน อีกทั้งคุณพ่อเองก็ยังมีส่วนช่วยผลักดันให้เขาพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เขาเปรียบคุณพ่อเป็นเสมือนไลฟ์โค้ชส่วนตัว เพราะพ่อจะคอยนั่งมอนิเตอร์ดูงานของเขาในช่วงแรกอยู่ตลอดและยังคอยเก็บดีเทลรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ จากแต่ละงานที่เขาทำเอามานั่ง discuss กันว่าวินยังสามารถปรับปรุงพัฒนาการทำงานให้ดีขึ้นกว่าเดิมจากส่วนไหนอย่างไรได้อีกบ้าง

    ยิ่งทำงานมากขึ้นไม่ว่าใครต่างก็ยิ่งต้องเจออุปสรรคเพิ่มขึ้นตามไปด้วย วินยังยิ้มไปพูดไปด้วยสีหน้าและแววตาที่สดใสว่า เขาพยายามเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในแต่ละวันอยู่ตลอดและพยายามปรับปรุงในสิ่งที่อาจจะผิดพลาดไปด้วยการพัฒนาตัวเองทำให้มันดีขึ้นในทุกๆ วัน “สิ่งสำคัญเวลาที่เราเจออุปสรรคก็คือ อย่ายอมแพ้และพยายามคิดหาทางออกที่ดีที่สุด บางครั้งผมก็แก้ไขปัญหาต่างๆ ออกมาได้ไม่ดี แต่ผมก็ยังได้เรียนรู้และพยายามแก้ไขให้มันดีขึ้นกว่าเดิม” 

    วินยังบอกด้วยว่าการที่เราไม่ท้อต่ออุปสรรคที่เกิดขึ้น ในอนาคตเมื่อเราเจอปัญหาที่ใหญ่ขึ้น เราก็จะเรียนรู้ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ดีขึ้นกว่าเดิม ยกตัวอย่างเช่น อุปสรรคในช่วงก่อนหน้านี้ที่เขาเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง พูดน้อยมาก และไม่ค่อยกล้าแสดงออก พอได้มาทำงานในวงการบันเทิงก็ต้องปรับตัวและพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากพี่ๆ เพื่อนๆ นักแสดงในวงการที่ทำงานมานานกว่า แล้วนำทุกสิ่งที่ดีๆ เลือกเอามาปรับใช้ให้เหมาะสมกับตัวเราทุกอย่างก็จะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น



พลังแห่งการสร้างสรรค์ “ทำทุกอย่างด้วยใจรัก”

    หันมาอัปเดตถึงเรื่องราวธุรกิจของวิน-เมธวินกันบ้าง ด้วยพื้นฐานที่เติบโตมาจากครอบครัวทำธุรกิจวินจึงซึมซับเรื่องราวเหล่านี้มาตั้งแต่เด็กและยังมีความตั้งใจอยากจะทำธุรกิจมาตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ ปัจจุบันเขามีธุรกิจร้านขนมหวาน Souri (ซูรี) ที่ช่วยกันทำกับพี่สาว, ธุรกิจไอศครีม Velato และยังมีธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น VELENCE (เวเลนซ์) ที่เป็นแนวสตรีต unisex ที่สวมใส่ได้แบบไม่จำกัดเพศ

    โดยสามธุรกิจที่กล่าวมา วินได้เริ่มต้นปลุกปั้นธุรกิจนับตั้งแต่สามปีก่อนในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้เขาก็มีแพลนที่จะนำร้านขนมและไอศครีมมารวมอยู่ในร้านเดียวกันให้เป็นรูปแบบร้านค้าถาวรด้วย โดยจะเริ่มเปิดร้านในย่านใจกลางเมืองที่ห้าง Emsphere ช่วงปลายปีนี้ก่อนเป็นที่แรก

    นอกเหนือจากการวางแผนปักหมุดร้านค้าแห่งแรกในย่านทำเลทองของห้างที่กำลังจะเปิดใหม่พร้อมกับมีแพลนที่จะทยอยขยายสาขาตามโลเคชั่นต่างๆ ในกรุงเทพเพิ่มขึ้น วินยังมองการณ์ไกลไปถึงการขยายร้านแบบ pop up store เพื่อหยั่งเชิงดูตลาดต่างประเทศในอนาคตด้วยว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน 

    เขาเล่าด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นว่าอยากจะนำขนมฝีมือคนไทยไปให้ตลาดในต่างประเทศได้ลองชิม ส่วนธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นนั้นก็อยากจะเปิดเป็นร้านค้าถาวรแบบ permenent store ให้เหมือนกับแผนของธุรกิจขนมและไอศครีมที่วางไว้ เพื่อให้กลุ่มลูกค้าหรือผู้บริโภคสามารถเข้าไปดื่มด่ำกับบรรยากาศที่สวยงามในร้านและยังได้ลองใส่หรือสัมผัสเนื้อผ้าแต่ละชิ้นได้ว่าวัสดุต่างๆ ที่ทำมาเป็นอย่างไร รวมถึงเรื่องของคุณภาพรือ quality เป็นแบบไหน เพราะก่อนหน้านี้ธุรกิจของเขาจะเน้นขายผ่านช่องออนไลน์เพียงอย่างเดียว

    การเป็นนักแสดงสุดฮอตที่มีชื่อเสียงดังไกลถึงต่างประเทศปกติตารางงานก็มักจะมีคิวแน่นขนัดอยู่แล้ว และเมื่อต้องมาทำธุรกิจอีกสามแบรนด์ในเวลาเดียวกัน นักแสดงหนุ่มดาวรุ่งที่พ่วงตำแหน่ง Brand Ambassador ของแบรนด์ Prada ยังเล่าถึงการจัดสรรเวลาในแต่ละวันว่า priority หลักของตารางงานจะเป็นเรื่องของงานด้านการแสดงก่อน หลังจากนั้นจึงแบ่งปันเวลาไปทำงานในพาร์ตธุรกิจ ซึ่งบางครั้งเขาเองก็ยังต้องมีการประชุมกับทีมงานผ่านออนไลน์ในช่วงพักเบรคกอง โดยทั้งหมดนี้เขาพยายามบริหารจัดการเวลาต่างๆ ให้เหมาะสมอย่างลงตัว

    อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของทัศนคติที่มีต่อการทำงานนั้น วินบอกอย่างหนักแน่นว่า การมี passion ที่จะตื่นมาทำงานที่ตัวเองรักในทุกๆ วันเป็นเรื่องสำคัญ “เวลาผมจะทำอะไรก็จะต้องรู้สึกชอบและรักในสิ่งๆ นั้นก่อน ต้องรู้สึกสนใจกับมันมากจริงๆ แล้วเราก็จะรู้สึกมี passion ที่อยากจะสู้ลุยไปกับทุกปัญหา และทำทุกอย่างให้ออกมาได้ดีที่สุด"

Credit Photo: x@WinmetawinO  

ศิลปินคนดัง และพลังของแฟนคลับ

    ด้วยฐานนิยมของแฟนคลับจำนวนมากมายทั้งในไทยและต่างประเทศ วินบอกว่า น่าจะเป็นผลมาจากความเป็นตัวของตัวเอง รวมถึงการคิดบวก และไม่เคยคิดร้ายกับใคร ทุกสิ่งที่เขาตั้งใจทำ คือการส่งมอบความสุขให้กับเหล่าบรรดาแฟนคลับที่ชื่นชอบและชื่นชมในผลงานของเขาจริงๆ ทั้งหมดนี้ จึงน่าจะเป็นผลที่ทำให้เขาได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดีจนได้รับการแต่งตั้งให้เป็น brand ambassador แบรนด์ดังอย่าง Prada ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา 

    สำหรับทิศทางการทำงานในอนาคต วินบอกกับ Forbes ด้วยดวงตาเป็นประกายว่า เขาไม่ได้โฟกัสแค่ภาพการทำงานที่อยู่แต่ภายในประเทศแล้ว แต่ยังมองการณ์ไกลไปอีกขั้นถึงโอกาสเติบโตที่จะก้าวไปสู่ผลงานในระดับเอเชียหรือในระดับโลกแบบ Global เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองและประเทศไทยต่อไปได้ โดนแผนของเขาก็คือ อยากจะเติบโตไปในระดับ international มากขึ้น และอยากจะนำ content ที่ดีมีคุณภาพของไทยในด้านวงการบันเทิงไปเผยแพร่ในต่างประเทศให้เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น

    นอกจากนี้ วินยังฝากถึงเหล่าบรรดาแฟนคลับที่คอยให้กำลังใจและสนับสนุนผลงานของเขาตลอดมาด้วยว่า อยากให้ทุกคนตั้งใจทำสิ่งดีๆ กับทุกโอกาสที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าคุณจะคนเป็นวัยเรียน วัยทำงาน หรือจะเป็นกลุ่มคนที่อยู่ใน Gen ไหนก็ตาม บางครั้งเราอาจจะเผลอละเลยหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบไปบ้าง หรือบางทีเราอาจจะโฟกัสกับสิ่งสำคัญที่ควรจะทำให้ให้ดีได้ไม่มากพอ "ผมก็อยากจะขอให้ทุกคนตั้งใจทำกับสิ่งดีๆ ที่เข้ามาในชีวิตให้เต็มที่ เพราะถ้าเราไม่ตั้งใจทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้นให้ดี แล้วปล่อยให้โอกาสเหล่านั้นผ่านเลยไป วันหนึ่งเราอาจจะเสียใจในภายหลังและไม่มีโอกาสกลับไปแก้ไขทำสิ่งนั้นให้ดีกว่าเดิมได้ ดังนั้นเราควรจะตั้งใจทำทุกสิ่งให้ออกมาดีที่สุด" วินยิ้มและกล่าวทิ้งท้าย



อ่านเพิ่มเติม : วิทวัส วิภากุล - อมรินทร์ นฤหล้า นำทัพ GRAND คว้าโอกาสที่ท้าทาย

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine